เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 67.1 หมาป่าหิมะแดงเพลิง

เมื่อหลงเฉินตรงมาถึงห้องรับแขกก็พบร่างของหญิงสาวนางหนึ่งที่สวมอาภรณ์กระโปรงยาวสีขาว กำลังยิ้มกริ่มและจ้องมองมาที่หลงเฉิน “เพิ่งจะแยกจากกันไปเพียงไม่นานเหตุใดเจ้ากลับทำเป็นไม่รู้จักกันไปแล้วล่ะ?”

ไม่ว่าจะมองไปซ้ายทีหรือขวาทีก็ไม่อาจนึกออกมาได้เลยอีกทั้งยังคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวนางนี้จะมาเยือนถึงบ้านของตัวเองได้

ทันใดนั้นเองความทรงจำอันแสนยาวนานก็เริ่มหวนกลับเข้ามา หญิงสาวนางนี้ไม่ใช่ผู้อื่นใดไป เขาเคยพบนางตอนที่อยู่บนหุบเขาเมฆาคล้อยพร้อมกับศิษย์พี่ฉี หญิงสาวที่ช่วยเขาไว้จาการลงมือของชายหนุ่มผู้นั้นนั่นเอง

“ข้าช่างเสียมารยาทกับคุณหนูไปแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้กล่าวขอบคุณคุณหนูที่ได้ช่วยเหลือข้าเมื่อครั้งก่อนเลย” หลงเฉินโพล่งวาจาออกมาอย่างรีบร้อน

“อย่าเอาแต่เรียกคุณหนูอยู่เลย ข้ารู้สึกแปลกประหลาดพิกล ข้าเป็นศิษย์น้องของม่งฉีเจี่ยเจี่ยอันมีนามว่าลู่ฟางเอ๋อ เจ้าเรียกข้าว่าฟางเอ๋อเจี่ย (พี่ฟางเอ๋อ 姐) ก็ได้” หญิงสาวกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะออกมา

“เหอะเหอะ เช่นนั้นผู้น้องอย่างข้าขอเข้าพบกับฟางเอ๋อเจี่ย” หลงเฉินยิ้มแล้วโค้งลงไปเล็กน้อย เมื่อมองไปยังฟางเอ๋อที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เขาก็รู้สึกสนิทชิดเชื้อขึ้นมาอย่างประหลาด

อีกทั้งการได้พบนางก็ทำให้เขารู้สึกว่าระยะห่างของเขากับม่งฉีนั้นไม่ได้ห่างไกลกันอีกต่อไปแล้ว เขามีหนทางในการฝากฝังโอสถบำรุงวิญญาณไปให้ม่งฉีอีกด้วย

“คิกคิก ปากหวานนัก ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าได้กลายเป็นชายในดวงใจของหญิงสาวทั่วทั้งจักรวรรดิเฟิงหมิงไปแล้ว” ลู่ฟางเอ๋อยื่นมือขาวผ่องที่ถือสมุดภาพวาดเล่มหนึ่ง พลันฉีกยิ้มกว้างขึ้นมา

เมื่อเห็นสมุดภาพวาดเล่มนั้นก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นสิ่งใด หลงเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเป็นสาย สมุดเล่มนั้นเป็นบันทึกการต่อสู้ระหว่างเขากับหว่างซานในงานเทศกาลโคมไฟเอาไว้ทุกฉากจนรวบรวมเป็นเล่มหนาที่ชื่อว่า《เทพสงครามเฟิงหมิง》

“แค่กแค่ก นี่เป็นเรื่องตลกของเหล่าพ่อค้าทั้งนั้นที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้คน” หลงเฉินกระแอมออกมาด้วยความเคอะเขิน

“ทว่าเรื่องความรักกับองค์หญิง พลังต่อสู้ที่ไร้ผู้ต้าน ก็เป็นเรื่องตลกด้วยอย่างนั้นหรือ?” ทันใดนั้นเองดวงตาคู่งามของลู่ฟางเอ๋อก็ได้จับจ้องไปที่หลงเฉิน บนใบหน้าแฝงเอาไว้ด้วยความหยอกเย้าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

วาจาเอื้อนเอ่ยของหญิงสาวหน้าตาน่ารักนางนี้ได้ทำให้หลงเฉินจุกขึ้นมากลางทรวงอก หากปล่อยให้เรื่องเช่นนี้ถูกแพร่งพลายไปถึงม่งฉี เกรงว่าคงจะย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง

“หลงเฉิน ที่เจ้ากระทำอยู่ช่างเลวร้ายยิ่งนัก เจี่ยเจี่ยของข้าเปรียบเสมือนเทพธิดาแปลงกายเป็นมนุษย์ ทว่าบุคคลระดับนางกลับมีความรู้สึกที่ดีต่อเจ้า แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่รู้จักถนอมความรู้สึกเช่านั้นเอาไว้กัน?” ลู่ฟางเอ๋อตะเบ็งเสียงออกมาด้วยความไม่ยินดีอยู่หลายส่วน

“เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของพวกเรา ข้าจะชี้ทางสว่างให้แก่เจ้าเอง เจ้ารีบไปตัดความสัมพันธ์กับองค์หญิงนางนั้นเสียแล้วเรื่องเช่นนี้ก็จะไม่ถึงหูของเจี่ยเจี่ยอย่างแน่นอน”

เมื่อหลงเฉินได้ยินคำพูดคำจาของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าก็ได้แต่ทอสีหน้ากลัดกลุ้มขึ้นมา ภายในจิตใจของเขาสัมผัสได้ถึงอบอุ่นที่ฉู่เหยามอบให้อยู่เสมอ พลันก็ได้ส่ายหน้าไปมาอีกทั้งยังถอนหายใจรัวแรง “ต้องขออภัยด้วย ข้าทำไม่ได้”

หลังจากพูดจบก็เหมือนกับมีเข็มนับพันหมื่นเล่มทิ่มแทงเข้ามาทั่วทั้งร่าง นี่เป็นเส้นทางที่เลือกได้ยากเย็นอย่างถึงที่สุด

ความงดงามและเปี่ยมไปด้วยไมตรีจิตของม่งฉีก็ได้ทำให้จิตใจของหลงเฉินเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาตั้งแต่วันแรกที่พบเจอกัน และในครั้งนั้นเองนางก็ทำให้เขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกรักเป็นครั้งแรกในชีวิต

ส่วนฉู่เหยานั้นก็เสียสละทุกสิ่งอย่างเพื่อเขามาโดยตลอด จะให้เขาตัดนางออกไปจากชีวิตก็ย่อมไม่อาจที่จะทำได้

“เหตุใดเจ้าถึงได้ดื้อดึงถึงเพียงนี้ เจ้ามีเจี่ยเจี่ยของข้าแล้วยังไม่พอใจอีก คิดมีสามเพิ่มไปถึงสี่เลยหรืออย่างไรกัน หากว่าเจ้ายืนยันที่จะเลือกนางก็อย่าได้มาข้องแวะกับเจี่ยเจี่ยของข้าอีกเลย” ลู่ฟางเอ๋อระเบิดโทสะออกมายกใหญ่

หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง การต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างเช่นในตอนนี้แทบจะทำให้ร่างกายของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงลงไปในทันที เขาไม่มีความคิดที่จะปล่อยหญิงสาวทั้งสองนางไปจึงต้องประสบพบพานกับการตัดสินใจเช่นนี้

แววตาคู่งามที่กำลังจ้องมองหลงเฉินที่แน่นิ่งไป ลู่ฟางเอ๋อเอ่ยวาจาขึ้นมาอีกว่า “เจ้าคิดที่จะทำเพื่อองค์หญิงนางนั้น แล้วปล่อยเจี่ยเจี่ยของข้าไป?”

“ไม่ได้ต้องการที่จะปล่อย ตามความสัตย์แล้วข้านั้นไม่สามารถปล่อยไปได้” หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าวออกไป

“พรืด เจ้านี่ช่างหน้าด้านไร้ยางอายเสียจริง ไม่นึกเลยว่าเจ้าคิดจะครอบครองสาวงามทั้งสองเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว” ลู่ฟางเอ๋อที่กำลังโกรธจัดก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อมองไปยังใบหน้าที่อมทุกข์ของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า

หลงเฉินงุนงงกับอารมณ์ที่แปรปรวนของลู่ฟางเอ๋อ เพราะภายในห้วงแห่งความคิดของเขาก็ยังมีบางอย่างที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้เช่นกัน แล้วนางกระทำเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรกันเล่า?

“ช่างมันเถิด ถึงตอนนี้เจ้าก็เป็นลูกผู้ชายที่แท้จริงแล้ว หากเจ้าไม่ยอมปล่อยองค์หญิงนางนั้นไป ก็ต้องต่อกรกับข้า หากเจ้าไม่เลือกก็จงกล่าวคำอำลากับเจี่ยเจี่ยของข้าเสีย” ลู่ฟางเอ๋อแสยะยิ้มแล้วกล่าวออกมาเสียงดัง

เหงื่อนับหลายหยดได้ผุดขึ้นมาบนศีรษะของหลงเฉิน ร่างกายของเขาในตอนนี้ไร้ซึ่งสภาวะและซุ่มเสียง จิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหนื่อยล้าขึ้นมาเป็นสาย เขายอมที่จะเปิดศึกกับผู้คนคงจะดีกว่าต้องมาทนรับกับเรื่องราวอันว้าวุ่นเช่นนี้

“ทว่าก็นะ เมื่อครู่เป็นเพียงการทดสอบของสายตาของข้าเท่านั้น เจี่ยเจี่ยคงไม่ยินยอมให้เจ้ามีตัวเลือกอื่นด้วยหรอก ทว่าสุดท้ายแล้วเรื่องเช่นนี้คงจะมีแต่เพียงสวรรค์เท่านั้นที่ล่วงรู้” สายตาคู่งามที่จับจ้องหลงเฉินมาโดยตลอด เมื่อมองเห็นชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาคำโต นางก็ยิ้มเยาะขึ้นมา

หลงเฉินผ่อนคลายจิตใจให้กลับสู่ความสงบนิ่ง จากนั้นก็ฟังลู่ฟางเอ๋อกล่าวต่ออีกว่า “ทว่าก็ช่างมันเถิด ข้าเข้าใจต่อเจี่ยเจี่ยของข้า เจ้าจึงสมควรที่จะได้รับโอกาสที่มากกว่านี้ ยิ่งมีข้าคอยช่วยลั่นกลองเป็นครั้งคราวให้แก่เจ้า โอกาสสำเร็จก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น”

“เช่นนั้นก็คงจะต้องพึ่งพาฟางเอ๋อเจี่ยแล้วล่ะ” หลงเฉินรีบกล่าวออกมาทันควัน

“คิกคิก ข้าจะไม่วุ่นวายกับเจ้าแล้ว ครั้งนี้มาเพราะมีธุระอยู่อย่างหนึ่ง เหินมาเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็มๆ ช่างเหนื่อยจนแทบจะตายอยู่แล้ว นี่เจ้ายังไม่รีบรินน้ำชาให้ข้าอีกหรือ” ลู่ฟางเอ๋อกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจขึ้นมา

“อะ ข้าจะรินน้ำชาให้แก่ฟางเอ๋อเจี่ยเดี๋ยวนี้เลย” หลงเฉินตอบรับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรินน้ำชาลงไปในแก้วอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ประคองแก้วชาด้วยสองมือยื่นส่งให้ลู่ฟางเอ๋อ

ช่วยไม่ได้ หากยมบาลมีโทสะขึ้นมา ผีสางน้อยใหญ่ก็ยากที่จะอยู่อย่างสงบได้ เพื่อม่งฉีแล้วหลงเฉินจึงต้องทำตัวประจบประแจงหญิงสาวนางนี้เอาไว้ก่อน

ลู่ฟางเอ๋อรับแก้วชาเข้ามา พลันก็มีสีหน้าประหลาดใจแล้วกล่าวถามออกมาว่า “ตระกูลหลงของพวกเจ้าชมชอบการชงชาด้วยน้ำเย็นอย่างนั้นหรือ?”

หลงเฉินจึงมีปฏิกิริยากลับมาในทันที น้ำในกาได้เย็นชืดไปหมดแล้ว ทว่ากลับยังหน้าด้านหน้าทนกล่าวออกไปว่า “นี่เป็นเหลียงฉา (น้ำจับเลี้ยง凉茶) จำเป็นจะต้องดื่มในขณะที่ยังเย็นอยู่ ฟางเอ๋อเจี่ยทดลองดูได้”

“เชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว” ลู่ฟางเอ๋อขมวดคิ้วขึ้นมาพลันจ้องเขม็งมาที่หลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย

“หากฟางเอ๋อเจี่ยไม่ชื่นชอบเหลียงฉา เช่นนั้นข้าจะไปชงชาร้อนมาให้”

“ช่างมันเถิด แค่เจ้ามีน้ำใจรินให้ก็พอแล้ว ความเป็นจริงแล้วข้าก็กำลังเบื่อหน่ายอยู่ ถ้าหากไม่ได้หยอกเจ้าเล่นเสียหน่อยคงจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าใดนัก”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset