“หกอี้”
เสียงยานคางเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากห้องพิเศษแห่งหนึ่ง ยิงฮวาที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มก็สะดุ้งตัวโยนจนชาที่อยู่ในแก้วกระฉอกออกมาหลายหยด
ทุกสายตาภายในงานจ้องมองไปยังต้นเสียงนั้นก็พบว่าเป็นชายหนุ่มเยาว์วัยผู้หนึ่งกำลังนั่งแสยะยิ้มอยู่ เขามีนามว่าหลงเฉินนั่นเอง จากนั้นสายตาทั้งหมดก็หันกลับมามองที่ยิงฮวาอีกครั้งก็พบว่าบัดนี้ใบหน้าของชายวัยฉกรรจ์เต็มไปด้วยความโมโหโกรธาเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่หลงเฉินทำการประมูลหญ้าสลายดาราก็ถูกยิงฮวาขัดคอขึ้นมาครั้งหนึ่งจนเปิดทางให้เซี่ยปายฉือจัดการกับเขาได้โดยง่าย นับตั้งแต่นั้นมาห้วงแห่งความคิดของหลงเฉินก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ เมื่อสบโอกาสดีในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการระบายความขุ่นเคืองออกมาให้จบสิ้นกันไป
ผู้คนไม่น้อยเกิดความนับถือต่อหลงเฉินขึ้นมาภายในจิตใจ ชายหนุ่มผู้นี้ช่างหาญกล้าที่จะตั้งตนเป็นปรปักษ์กับยิงฮวาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดในจักรวรรดิคิดจะกระทำการเช่นนั้นเสียด้วยซ้ำไป
ภายในห้องพิเศษของยิงฮวาถูกกดดันจากรังสีอาฆาตจนผู้อื่นที่อยู่ภายในห้องหายใจอย่างติดขัดขึ้นมาส่วนหนึ่ง เขาคาดไม่ถึงว่าหลงเฉินที่สงบเสงี่ยมมาโดยตลอดจะใช้ช่วงเวลาเช่นนี้หันกลับเล่นงานตนได้
“เจ็ดอี้”
ทว่าในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้ย่อมไม่มีหนทางที่จะถอยหนีออกไปได้อีกแล้ว เขาจำเป็นจะต้องมีโอสถเม็ดนี้ไม่ว่าจะต้องสูญเสียออกไปกี่ตำลึงทองก็ตาม
ใบหน้าของหลงเฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ มุมปากปรากฏรอยยิ้มกว้างจนแทบจะฉีกถึงใบหู เขาจดจ้องไปที่ห้องพิเศษของยิงฮวาอยู่ตลอดช่วงจึงเห็นปฏิกิริยาที่ลิงโลดของยิงฮวาต่อโอสถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูก
ถึงแม้ว่าภายในจิตใจจะรับรู้ได้ว่าการล่วงเกินต่อยิงฮวาช่างเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ทว่าในตอนนี้ไม่อยากจะคิดไปไกลเกินกว่าการระบายความอัดอั้นตันใจออกมาก่อน แล้วสิ่งใดจะเกิดค่อยว่าจัดการในภายภาคหน้า
อย่างไรเสียยิงฮวาคงจะไม่ลงมือทำอันใดต่อเขาได้มากมายนัก เป็นถึงคนของชุมนุมผู้หลอมโอสถย่อมไม่มีผู้ใดหาญกล้าที่จะข้องแวะได้อยู่แล้ว
“แปดอี้”
ผู้คนทั่วทั้งบริเวณรวมไปถึงเหย่าหนีเชวียนก็พอจะเดาออกว่าหลงเฉินเสนอราคาไปอย่างว่างเปล่า ทว่ากลับไม่ได้ทักท้วงหรือห้ามปรามแต่อย่างใด บรรยากาศยังคงดำเนินไปด้วยเสียงโห่ร้องจากผู้คน
เมื่อพบว่าหลงเฉินเริ่มก่อกวนการประมูล ภายในดวงตาคู่งามของเหย่าหนีเชวียนกลับทอประกายเจิดจ้าของความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทว่ากลับเก็บท่าทางให้ดูนิ่งเฉยเอาไว้เช่นเคย
“เยี่ยมมาก หลงเฉินซื่อจื่อได้เสนอราคาแปดอี้แล้ว ยังมีผู้ใดจะให้ราคาที่สูงกว่านี้อีกหรือไม่? หากไม่มี เช่นนั้นโอสถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกระดับสูงเม็ดนี้ก็จะกลายเป็นของหลงเฉินซื่อจื่อ” เสียงเย้ายวนของเหย่าหนีเชวียนดังขึ้นมาจากเวที
“ช้าก่อน ข้าสงสัยว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นเพียงแต่ขานราคาเปล่าเท่านั้น เขาคงจะไม่ได้มีเงินมากมายอย่างที่เสนอขึ้นมาหรอกกระมัง”
จู่จู่ยิงฮวาก็ได้เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในแววตากลับแฝงเอาไว้ด้วยเพลิงโทสะที่เดือดดาลอยู่หลายสาย ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามข่มความเกรี้ยวกราดเอาไว้ ทว่าผู้คนทั้งหมดกลับสัมผัสได้อยู่ขุมหนึ่ง
“ใต้เท้ายิงฮวา เกิดความสงสัยต่อพวกเราอย่างนั้นหรือ?” เหย่าหนีเชวียนเก็บรอยยิ้มคืนกลับไปในทันที แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“หลงเฉินซื่อจื่อเป็นถึงศิษย์ของท่านปรมาจารย์หวินฉี ทั่วทั้งจักรวรรดิเฟิงหมิงมีผู้ใดที่ไม่ทราบบ้าง ก่อนที่งานประมูลจะเริ่มขึ้นทางปรมาจารย์หวินฉีได้นำเอ่อตู้มามอบให้หลงเฉินซื่อจื่อด้วยตัวเอง
ใต้เท้ายิงฮวายังเกิดความสงสัยต่อหลงเฉินซื่อจื่ออยู่หรือไม่ ยังจะครหาว่าเป็นการขานออกมาด้วยลมปากอยู่อีกหรือ?”
วาจาอันคมคายของเหย่าหนีเชวียนนี้ถือได้ว่าไร้ซึ่งความเกรงใจอย่างถึงที่สุดแล้ว ราวกับว่าความไม่พึงพอใจต่อยิงฮวาเมื่อก่อนหน้านี้ถูกระบายออกมาจนสุดจะทน
เมื่อได้ยินเหย่าหนีเชวียนโพล่งคำพูดเสียดแทงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ผู้คนมากมายต่างก็คลายความคับข้องภายในจิตใจไปได้ทั้งหมด
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ก็เหมือนกับว่าหลงเฉินได้กระทำการแทนชุมนุมผู้หลอมโอสถ หากเป็นเอ่อตู้ของปรมาจารย์หวินฉีจริง หลงเฉินย่อมสามารถกวาดซื้อสิ่งของไปได้ทั้งสิ้นอยู่แล้ว
หลงเฉินเองก็มีสีหน้าปั้นยากวูบขึ้นมาชั่วครู่ สิ่งที่เคยสงสัยมาโดยตลอดถูกเปิดเผยจนเข้าใจขึ้นมาอย่างถ่องแท้ ยิงฮวาผู้นี้ได้ก่อกวนการประมูลของหมู่ตึกฮวาหวินมาโดยตลอด พวกเขาจึงได้หยิบยืมอำนาจของหลงเฉินเพื่อตบเข้าไปที่ใบหน้าของยิงฮวาฉาดใหญ่
ชายวัยฉกรรจ์ที่กำลังถูกกล่าวโทษอยู่นั้นก็ได้ทอสีหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงขีดสุด หากเป็นจริงอย่างที่เหย่าหนีเชวียนกล่าวออกมา ต่อให้เขามีทรัพย์สินมากกว่านี้ก็ยังไม่อาจเอือมเป็นคู่แข่งของหลงเฉินได้
“สิบอี้”
ยิงฮวากุมฝ่ามือข้างหนึ่งไปที่อก ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยเพลิงโทสะที่พร้อมจะปะทุออกมา พลันก็ได้ขานราคาเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ทว่าก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าด้วยกำลังทรัพย์ถึงสิบอี้ตำลึงทองนั้นต้องเก็บสะสมมาเนิ่นนานหลายปี หากต้องใช้ทั้งหมดขึ้นมาจริงๆ คงจะต้องกระอักโลหิตอย่างแน่นอน
“พี่หลง อย่าได้เรียกอีกเลย เพียงเท่านี้พวกข้าก็แทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” เจ้าลิงผอมบีบเสียงออกมาจากลำคอ
การที่หลงเฉินขานเรียกราคาขึ้นมาครั้งหนึ่งก็ได้ทำให้หัวใจของพวกเขาวายไปครู่หนึ่งด้วยเช่นกัน อ้าปากหนึ่งครั้งมีค่าถึงหนึ่งอี้ตำลึงทอง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เงินทองที่พวกเขาจะต้องสูญเสีย ทว่าก็ไม่อาจทนเห็นเรื่องราวเช่นนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
ภวังค์แห่งความคิดของหลงเฉินโลดแล่นขึ้นมาวูบหนึ่ง: ยิงฮวาผู้นี้น่าสงสัยเป็นที่สุด เขาจะต้องเป็นผู้ลงมือต่อผู้อื่นรวมทั้งเขาอย่างแน่นอน เพียงแค่ตอนนี้ยังไม่โผล่หางออกมาให้เห็นก็เท่านั้น
“สิบห้าอี้”
เจ้าลิงผอมที่เพิ่งจะห้ามปรามออกไปก็เกิดความแตกตื่นขึ้นมาจนอยากจะสลบไปจากความอัดอั้นในตอนนี้เสียเลย หลงเฉินไม่ได้ยินที่เขากล่าวหรืออย่างไรกัน?
ยิงฮวาที่ได้เรียกขานเพิ่มขึ้นถึงสองอี้เมื่อครู่นี้ยังไม่ร้ายกาจเท่าหลงเฉินที่ขานออกมาทีเดียวก็สูงถึงห้าอี้ นี่คิดจะใช้ทรัพย์สินของปรมาจารย์หวินฉีทับถมยิงฮวาให้ตายไปเลยหรือ?
ทั่วทั้งงานประมูลถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศที่ชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่หวังลู่หยางก็ยังอดเปลี่ยนสีหน้าไปมาอยู่หลายครั้ง ราคาเช่นนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างยิ่งแล้ว
ในตอนนี้โอสถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกระดับกลางที่อยู่ในกำมือของเขาไม่อาจนำไปเทียบค่ากับระดับสูงเม็ดนั้นได้เลย ทว่าหากทำการวิเคราะห์ออกมาได้ก็คงจะสามารถหลอมให้ล้ำค่ากว่านี้ได้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะปล่อยวางจากโอสถระดับสูงเม็ดนี้
“กร่อบ”
แก้วชาในมือของยิงฮวาถูกบีบจนแตกละเอียด น้ำชาสาดกระเซ็นไปเปรอะเปื้อนอาภรณ์ ทว่ากลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาจากชายวัยฉกรรจ์ผู้นี้แต่อย่างใด
เส้นเลือดที่อยู่บนหน้าผากกว้างนั้นกระตุกขึ้นมาเป็นสาย ถ้าหากไม่รู้ถึงเบื้องหลังของหมู่ตึกฮวาหวินอันน่าตกใจ เขาคงจะพุ่งตัวออกไปสังหารหลงเฉินทิ้งแล้วก็เป็นได้
“หลงเฉิน เจ้าคิดที่จะครอบครองโอสถเม็ดนั้นให้จงได้อย่างนั้นหรือ?” ยิงฮวาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลงเฉินแสยะยิ้มที่มุมปาก ฟังจากน้ำเสียงของชายผู้นั้นแล้วคงจะกัดกรามจนแน่นอยู่พอตัว “เปล่า โอสถเช่นนั้นไม่ได้มีประโยชน์ต่อข้านักหรอก” หลงเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่มากกว่าหลายขุม
“เช่นนั้นเจ้าก็จงใจที่จะเป็นศัตรูกับข้าอย่างนั้นหรือ?!” ยิงฮวาสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง แล้วตะโกนออกมาอย่างเหลืออด
“จะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก ที่ข้าประมูลของสิ่งนี้ก็มีเหตุผลด้วยกันหลายประการ อย่างแรกก็คือโอสถโบราณเช่นนี้ ต่อให้ข้าประมูลกลับไปด้วยราคาที่สูงลิบก็ไม่ถือว่าขาดทุน หากนำกลับไปมอบให้ปรมาจารย์ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ว่ากล่าวข้าอันใดแล้ว ยังจะชมเชยในตัวข้าอีกเสียหลายคำด้วย
อย่างที่สองนี่สำคัญกว่า เมื่อครู่นี้เจ้าได้เอ่ยขัดข้าอยู่รอบหนึ่ง ข้าจึงบังเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยตัวข้านั้นมีนิสัยที่ประหลาด หากอ้าปากแล้วไม่ว่าอันใดก็ชมชอบที่จะทานไปเสียหมด ที่ไม่ชมชอบทานก็มีแต่เพียงแห้วเท่านั้น
อย่างที่สามก็คือเป็นเหมือนกับส่งเสริมให้กับทางจักรวรรดิเมืองเฟิงหมิง ขุนนางเจิ้งหยวนผู้เป็นบิดาของข้า ผู้ปกปักษ์อยู่แนวชายแดน หลั่งเลือดท่ามกลางสงครามเพื่อความสงบสุขของชาวเฟิงหมิง ทว่าตระกูลหลงกลับยากข้นแค้น แม้แต่บริวารเพียงสิบกว่าคนยังแทบจะเลี้ยงดูไม่ไหวอยู่แล้ว
และยิงฮวา เจ้าที่มีชื่อเสียงเทียบชั้นได้กับบิดาของข้ากลับกระทำเรื่องราวต่างๆ นานาต่อราชวงศ์ราวกับว่ากุมอำนาจทั้งหมดไว้ในกำมือ ข้าจึงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าระหว่างมนุษย์ด้วยกันนั้นมีความแตกต่างกันมากเพียงใดด้วยการทดสอบว่าแท้ที่จริงแล้วตระกูลของเจ้ามีความมั่งคั่งเพียงใดกันหรือยังน้อยกว่าตระกูลหลงของข้ากี่เท่าตัวกัน?” หลงเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ผู้คนภายในงานประมูลต่างก็เป็นประชาชนของจักรวรรดิเฟิงหมิงไปกว่าครึ่ง จึงพอจะสัมผัสได้ถึงความชิงชังที่ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยวาจาท้าทายเช่นนั้น
ขุนนางเจิ้งหยวนเป็นหนึ่งในสามของสุดยอดฝีมือแห่งเฟิงหมิง อีกทั้งยังลงแรงมากที่สุด ทว่ากลับต้องมาพบเจอกับเรื่องอยุติธรรมเช่นนี้ ช่างน่าสลดใจเสียยิ่งยวด
“เจ้าต้องการจะช่วงชิงกับข้าแม้ต้องแลกด้วยลมหายใจอย่างนั้นหรือ?” ยิงฮวากล่าวขึ้นมาด้วยแววตาที่ปรากฏจิตสังหารขึ้นมาอย่างรุนแรง จากนั้นก็ได้เหลือบมองไปยังแก้วที่แตกคามือ
“จะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูกอีก เจ้าลองเสนอราคาขึ้นมาอีกครั้งดูสิ ไม่แน่ว่าหากเจ้าแสดงความเสียใจในสิ่งที่เคยกระทำ ตระกูลหลงอย่างข้าอาจจะไม่แย่งชิงต่อก็ได้” หลงเฉินแสยะยิ้ม
“ฮาฮาฮา ได้ แท้จริงแล้วก็เป็นบิดาพยัคฆ์ที่ไม่มีบุตรสุนัข ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเสียจริง ข้าจะขอจดจำเรื่องราวในวันนี้เอาไว้ เช่นนั้นข้าจะขอเรียกราคาขึ้นอีกครั้ง——สิบห้าอี้กับอีกหนึ่งร้อยหมื่น” ยิงฮวาฝืนยิ้มแล้วกล่าวออกมา
หลงเฉินยิ้มน้อยๆ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นขีดจำกัดของยิงฮวาแล้ว เขาเพิ่มขึ้นมาเพียงหนึ่งร้อยหมื่น เห็นได้ชัดว่าหากหลงเฉินยังเรียกขึ้นมาอีก ชายผู้นี้คงจะปล่อยไปอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้วนี่คงจะถึงเวลาอันสมควรที่จะหยุดราคาแล้ว
ความปลื้มปิติภายในใจปรากฏขึ้นมาหลังได้รับชัยชนะ ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงกับบิดา กลับต้องมาตกอยู่ในสภาวะกดดันจนเสียเปรียบ เพียงเท่านี้ก็คลายความแค้นเคืองภายในใจได้มากแล้ว
ทว่าในตอนนี้เขายังไม่มีพลังที่มากเพียงพอ ย่อมไม่หาญกล้าที่จะตอแยยิงฮวามากไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกพลิกให้เป็นผู้ที่ถูกบีบให้จนตรอกเสียเอง ต่อให้เป็นคนของชุมนุมผู้หลอมโอสถก็คงจะไม่มีทางช่วยจัดการเรื่องที่ตามมาในภายหลังได้ หรืออาจจะต้องตายไปอย่างไรหนทางแก้แค้นก็เป็นได้
เหย่าหนีเชวียนกลับคืนสู่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานอีกครั้ง นางเริ่มต้นนับแล้วให้ยิงฮวาได้รับโอสถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกไปอย่างสมปรารถนา ทันใดนั้นก็มีการเต้นระบำอันตระการตารอบสถานที่จัดประมูล เสียงดนตรีบรรเลงขึ้นมาอย่างครึกครื้น ชั่วครู่ก็มีการปรากฏกายของหญิงสาวหลายนางที่สวมอาภรณ์สีสันฉูดฉาดกำลังเต้นรำไปมา
เหย่าหนีเชวียนที่ยืนอยู่บนเวทีก็ได้กล่าวขอบคุณออกมาอยู่หลายคำ โค้งคำนับไปทั่วทุกสารทิศ บัดนี้การประมูลของหมู่ตึกฮวาหวินได้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
หลงเฉินยังคงเตร็ดเตร่อยู่บริเวณเดิม รอคอยให้ผู้อื่นเดินออกไปให้หมดสิ้นเสียก่อน แล้วเขาค่อยเดินออกไปพร้อมกับพวกพ้อง
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากห้องพิเศษที่เคยอยู่ก็ยืนประจันหน้ากับคนกลุ่มหนึ่ง นั่นก็คือเซี่ยฉางเฟิง ฉู่หยาง เซี่ยปายฉือ และเหล่าองครักษ์นั่นเอง
“หลงเฉิน เจ้าอย่าได้ลิงโลดไปว่าหวินฉีให้การสนับสนุนอยู่แล้วจะลำพองตัวขึ้นมาได้ ไทเฮาได้ยกองค์หญิงสามให้แต่งกับพี่ชายของข้าแล้ว เจ้าอย่าได้คิดจะเป็นคางคกกินเนื้อห่านฟ้าอีกเชียวล่ะ” เซี่ยปายฉือชี้หน้ามาที่หลงเฉินแล้วด่าทอออกมาด้วยความเกลียดชัง
“เอ๊ะ เจ้าใช่หญิงสาวที่ร่วมหลับนอนกับอาจารย์ของตนใช่หรือไม่? อาจารย์ของเจ้าไปอยู่แห่งใดแล้วล่ะ เจ้าไม่ต้องติดตามไปปรนนิบัติเขาอย่างนั้นหรอกหรือ?” ยังไม่ทันที่หลงเฉินจะกล่าวอันใดออกมา เสียงของเจ้าลิงผอมก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
การเป็นผู้ติดตามของหลงเฉินย่อมสร้างความมั่นใจให้เหล่าพวกพ้องเป็นอย่างมาอยู่แล้ว เช่นนี้แล้วหากคิดกระทำที่บ้าบิ่นเสียหน่อยก็ย่อมไม่เป็นปัญหาอันใดขึ้นมาอยู่แล้ว
เซี่ยปายฉือชักสีหน้าไปยังเจ้าลิงผอมที่อยู่ข้างกายของหลงเฉินในทันที คำพูดหยาบช้าเช่นนั้นคล้ายกับเอารองพระบาทตบเข้าไปยังใบหน้าของนางจนแทบจะทรุดลงกับพื้นไปเลยทีเดียว
“เจ้าหาที่ตาย!!”
เซี่ยปายฉือที่กำลังจะวาดฝ่ามือออกไปก็ได้ถูกเซี่ยฉางเฟิงดึงกลับมาได้ทันท่วงที สถานที่แห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ในหมู่ตึกฮวาหวินจึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะลงมืออุกอาจเช่นนี้
“หลงเฉิน ฉู่เหยาได้ตอบรับที่จะมาเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว อย่าได้ละเมอเพ้อพกไปหน่อยเลย ข้าเป็นถึงองค์ชายแห่งต้าเซี่ย ทว่าเจ้าเป็นเพียงซื่อจื่อเท่านั้น สถานะมันช่างต่างกันจนเกินไป” เซี่ยฉางเฟิงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
หลงเฉินไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้กลับไปแต่อย่างใด เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเซี่ยฉางเฟิงที่กล่าวออกมาเพื่อหวังจะกระตุ้นโทสะของเขาก็เท่านั้น
ช่างรำคาญใจที่จะสนทนากับผู้คนเหล่านี้เสียจริง ขณะที่เขากำลังจะปรายสายตาหันมองไปทางอื่นก็สบเข้ากับสายตาขององครักษ์ผู้หนึ่งที่ยืนอยู่หลังองค์ชายใหญ่ “ข้าคิดว่าข้าเคยพบเจ้ามาก่อนนะ?”
องครักษ์ผู้นั้นยิ้มแล้วตอบกลับมาว่า“ข้าเป็นถึงองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ จะเคยพบกันมาก่อนก็ย่อมไม่แปลกอันใด”
“ข้าหมายถึงสถานที่ที่พิเศษหน่อย อย่างเช่น——บริเวณใกล้เคียงกับลานประลองเป็นตาย” หลงเฉินขมวดคิ้วเข้มแล้วจ้องนัยตาไปที่ชายผู้นั้น
องครักษ์ผู้นั้นไม่ได้ตอบกลับมา อีกทั้งยังหลบเลี่ยงสายตาไปจากหลงเฉินอีกด้วย
หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าวกับเซี่ยฉางเฟิงว่า “ใบหน้าของเจ้าช่างดำคล้ำเสียจริง คงจะได้พบเจอกับเรื่องที่ต้องลำบากจนไม่อาจรอดพ้นไปได้ อย่างไรเสียก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยล่ะ”
เมื่อกล่าวจบหลงเฉินก็นำพาพวกพ้องออกจากประตูใหญ่ในทันที ทิ้งให้กลุ่มคนที่ปะทะฝีปากกันเมื่อครู่ยืนตัวเกร็งด้วยความโกรธแค้น ทว่าขณะกำลังเยื้องย่างออกจากประตูใหญ่อยู่นั้น ฟู่กุ้ยก็วิ่งเข้ามาหาด้วยใบหน้าแตกตื่น
“ใต้เท้าของข้าอยากจะพบกับหลงเฉินซื่อจื่อ” . .