หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 813 จิตวิญญาณอมตะมาจุติ!

ขณะเดียวกัน บนดาวเคราะห์ที่ปรมาจารย์แห่งไฟเลือกนั้น เสียงของสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นที่ตัดสินใจไล่ตามหวังเป่าเล่อก็กระจายออกไป เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะไล่ตามชายหนุ่ม เขาก็ยังไม่เก็บแผ่นหยกเคลื่อนย้ายลงไป แต่กลับเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายหนีได้ทุกเวลา

ขณะที่พุ่งตัวออกไป ชายวัยกลางคนก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่ พลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ทำให้เขาเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก และความเร็วก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเมื่อตามหวังเป่าเล่อทัน รัศมีของเขาก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดพอดี ชายวัยกลางคนยกฝ่ามือขึ้นมา วงแหวนที่สร้างขึ้นจากอักขระโบราณก็มารวมตัวกันเป็นกำปั้นสีทองขนาดยักษ์ พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อด้วยพลังกดดันที่รุนแรงราวกับจะดูดกลืนท้องฟ้าเข้าไปได้

“ตาย!”

“เจ้า!” หวังเป่าเล่อมีสีหน้าตื่นตะลึง รัศมีของชายหนุ่มถึงกับสั่นไหวไปเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันของกำปั้น ราวกับว่าผ้าบางที่คลุมไว้ถูกเลิกขึ้น เผยให้เห็นพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายซึ่งเป็นพลังที่แท้จริงของเขา ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นระเบิดเสียงหัวเราะชั่วร้ายออกมาก่อนจะเพิ่มพลังขึ้นอีก เขาเลือกที่จะปล่อยพลังออกมาถึงร้อยละยี่สิบ แล้วใส่พลังทั้งหมดเข้าไปในกำปั้นที่สร้างขึ้นจากพลังเทพ จากนั้นก็ปล่อยมันไปตรงหน้าของหวังเป่าเล่อพอดิบพอดี…

ทันทีที่กำปั้นกำลังจะกระทบตัว เศษผลึกโปร่งใส่ก็ส่องประกายออกมารอบกายของหวังเป่าเล่อ และเชื่อมต่อกันเป็นเนื้อเยื่อ ดูราวกับเป็นม่านแห่งสายน้ำอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่ม! ด้วยเหตุนี้ กำปั้นจึงปะทะเข้ากับเนื้อเยื่อตรงหน้าหวังเป่าเล่อแทนที่จะเป็นตัวของชายหนุ่ม

การโจมตีของผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์จากตระกูลไม่รู้สิ้นปะทะเข้ากับเนื้อเยื่อในวินาทีนั้นเอง และขณะที่เนื้อเยื่อกำลังสั่นไหว ก็มีแรงสะท้อนกลับรุนแรงราวกับเนการโจมตีของผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้นกระจายออกมาจากเนื้อเยื่อ มันพุ่งเข้าใส่ผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ผู้กำลังตื่นตะลึง และกำลังจะขยี้แผ่นหยกเคลื่อนย้ายในมือแต่ก็พบว่าช้าเกินไป

ส่วนหวังเป่าเล่อนั้น ความตื่นตะลึงและหวาดกลัวบนใบหน้าของเขามลายหายไปสิ้นแล้ว แต่มีสีหน้าสิ้นหวังเข้ามาแทนที่ เมื่อหันกลับมอง เขาก็เห็นผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณขั้นสมบูรณ์ที่ถูกปกคลุมด้วยคลื่นพลังรุนแรงอยู่ตรงหน้า ก่อนจะทอดถอนใจอย่างมีอารมณ์

“ทำไมกัน ข้าอุตส่าห์ปล่อยเจ้าไปแล้วแท้ๆ”

“ไอ้คนชั่…” ยังไม่ทันที่ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นจะได้พูดจบ เขาก็ถูกพายุที่เกิดจากพลังสะท้อนกลับเข้าปกคลุม แขนทั้งหมดฉีกขาด ร่างกายสลายกลายเป็นฝุ่นไปในวินาทีนั้น หลงเหลือไว้เพียงกำไลคลังเวทและแผ่นหยกเคลื่อนย้ายที่หวังเป่าเล่อหยิบไปหลังจากผสานกายเข้ามาใหม่  ตอนที่ชายหนุ่มกำลังจะตรวจดูสิ่งของที่ยึดมาได้ด้วยความรื่นรมย์ใจนั้นเอง…สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป ก่อนที่ร่างกายจะถอยหนีอย่างรวดเร็ว

หวังเป่าเล่อถอยหลังกรูด วินาทีนั้น ชายหนุ่มก็รีบเปิดเกราะจักรพรรดิออกมาห่อหุ้มกายไว้ หยิบเรือบินรบเวทออกมา แถมยังเรียกโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกามาปิดร่างกายเอาไว้ทั้งหมดเป็นครั้งแรก อาจกล่าวได้ว่า ในวินาทีนั้น ทั้งพลังปราณและทุกสิ่งทุกอย่างในกายของหวังเป่าเล่อล้วนถูกหยิบเอาออกมาใช้อย่างบ้าคลั่ง

หากไม่ใช่เพราะบทสวดแห่งเต๋าต้องใช้เวลาและไม่สามารถนำมาใช้ได้ทันท่วงที หวังเป่าเล่อก็คงตะโกนท่องมันด้วยเช่นกัน คำสาปจากหน้ากากสุกรเองก็ต้องใช้เวลา จึงยังไม่เหมาะสมที่จะใช้ตอนนี้

เหตุที่หวังเป่าเล่อบ้าคลั่งถึงเพียงนี้เป็นเพราะว่า…สัญชาติญาณและทุกอณูในร่างกายกำลังกรีดร้องว่ามีอันตรายใหญ่หลวงที่ยากเกินจะอธิบายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้!

สัมผัสอันตรายนั้นทำให้หวังเป่าเล่อตกใจและทุบแผ่นหยกเคลื่อนย้ายที่เพิ่งได้มาจากการสังหารสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นทันที

ทันทีที่หวังเป่าเล่อทุบแผ่นหยกและถอยหนีไปนั้นเอง คลื่นพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะซึ่งสั่นคลอนทั้งสวรรค์และพื้นพิภพก็แผ่ลงมา กลายเป็นกำปั้นทุบลงไปยังบริเวณที่หวังเป่าเล่ออยู่เมื่อครู่นี้

แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะรีบถอยออกมาก่อน แต่กำปั้นนั้นก็แปลกประหลาดนัก ดูราวกับว่าเมื่อมันถูกปล่อยออกมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้ปะทะเป้าหมายอย่างแน่นอน วินาทีถัดมา เงามายาของกำปั้นก็ปรากฏขึ้นและกระแทกลงบนร่างของชายหนุ่มแม้อีกฝ่ายจะหลบแล้วก็ตามที

ทันทีนั้น ตั๊กแตนเรือบินรบเวทที่เพิ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหวังเป่าเล่อ ก็ส่งเสียงร้องแหลมสูงก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้นออกมาต้านทาน เกิดเสียงดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่ว ตั๊กแตนเรือบินรบเวทเริ่มสั่นสะท้าน และปริแตกราวกับกำลังจะแหลกสลาย ส่งผลให้เรือบินรบเวทกว่าครึ่งเสียหาย เจ้าลาที่อยู่ภายในบ้วนเอาเลือดออกมากองใหญ่ ร่างกายของเจ้าอู๋น้อยเองก็สั่นสะเทือนเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ถึงกับกระอักเลือด แต่เด็กหนุ่มก็ยังส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน ในที่สุดเรือบินรบเวทที่เสียหายหนักก็ส่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา ก่อนแปรสภาพเป็นดวงไฟเวทและกลับเข้าไปในกำไลคลังเวทของหวังเป่าเล่อ

แต่กำปั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น หลังจากที่ไล่เรือบินรบเวทไปได้ แม้ว่าพลังของมันจะลดน้อยลงบ้าง แต่ก็ยังแข็งแกร่งนัก กำปั้นนั้นพุ่งเข้ากระแทกโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาของหวังเป่าเล่อเข้าอย่างจัง!

จิตสังหารถูกปลดปล่อยออกมาเต็มกำลัง โล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาที่หวังเป่าเล่อหลอมจนถึงระดับสูงสุดสามารถต้านทานผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณ ขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น หรือแม้กระทั่งชั้นกลางได้ แต่ในที่สุดมันก็ไม่แข็งแกร่งพอ และแตกสลายไปเมื่อต้องรับมือกับพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย

แต่การแตกสลายของโล่ก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะหลังจากนั้นพลังราวร้อยละเจ็ดสิบของกำปั้นขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายก็สะท้อนกลับไปยังกำปั้นนั้น

เสียงที่เกิดขึ้นนั้นสั่นคลอนทั้งสวรรค์และพื้นปฐพี ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นเทิ้มเมื่อกระอักเลือดออกมา เขาไม่มีเวลากระทั่งจะตรวจดูร่างกายตนเอง ทันทีที่เกราะจักรพรรดิรับเอาคลื่นพลังที่เหลือเข้าไป ร่างที่ชายหนุ่มสร้างขึ้นมาก็สลายไปด้วย เผยให้เห็นร่างเงาดั้งเดิมที่สวมหน้ากากสุกรอยู่ แต่ในวินาทีนั้นหวังเป่าเล่อก็ไม่สนใจอะไรแล้ว ชายหนุ่มใช้แรงดังกล่าวส่งตัวเองไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับมามอง ตอนนั้นเองพลังของการเคลื่อนย้ายจากแผ่นหยกก็ปรากฏขึ้น ไม่ใช่ว่าพลังการเคลื่อนย้ายเกิดขึ้นช้าแต่อย่างใด อันที่จริงการเคลื่อนย้ายนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก จากตอนที่หวังเป่าเล่อขยี้แผ่นหยกจนกระทั่การเคลื่อนย้ายทำงานใช้เวลาไปเพียงสองลมหายใจเท่านั้น

ความจริงก็คือ…กำปั้นของจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายนั้นรวดเร็วกว่าหวังเป่าเล่อมาก!

แต่ในที่สุด หวังเป่าเล่อก็สามารถซื้อเวลาได้จากการแตกสลายของโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาและการป้องกันของเรือบินรบเวท วินาทีนั้นเอง ร่างของเขาก็…ถูกเคลื่อนย้ายออกไป!

หลังจากที่ชายหนุ่มหายไป ก็มีร่างเงาหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่าบนท้องฟ้าเหนือบริเวณที่หวังเป่าเล่ออยู่เมื่อครู่ ผู้ฝึกตนคนนั้นดูละม้ายคนที่ไล่กวดร่างจำแลงบุรุษในหน้ากากกระทิงของหวังเป่าเล่อไป แต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง คนผู้นี้ก็คือ…ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายแห่งค่ายตระกูลไม่รู้สิ้นนั่นเอง!

สีหน้าของผู้อาวุโสน่าเกลียดน่ากลัว ขณะที่เขาก้มหน้าลงมองนิ้วชี้ในมือขวาที่หักงออยู่หลายจุด ก็เห็นว่านิ้วที่หักนั้นส่งผลกระทบกับมือทั้งมือ และในที่สุด มือขวาก็แหลกเละเป็นกองเลือดไป!

เจ้าหนุ่มนั่นมีวิชาลับซ่อนอยู่ไม่น้อย สามารถแปลงกายได้ แถมรัศมีก็ยังไม่คุ้นเคย อีกทั้ง…ยังโจมตีกลับได้อย่างรุนแรงด้วย จะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้เสียแล้ว! จิตสังหารในดวงตาของผู้อาวุโสลุกโชนขึ้น ขณะที่เขาพลิกตัวออกเดินทางตามคลื่นแทรกของการเคลื่อนย้ายไป ก่อนจะหายตัวไปในชั่วพริบตา

ปรมาจารย์แห่งไฟเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเห็นการพลิกสถานการณ์เช่นนั้นด้วยตนเอง สายตาของชายชราก็มีประกายแสงแห่งความชื่นชมสะท้อนอยู่ภายใน

ไม่เลวเลย ตอบสนองได้เร็วดี ข้านึกว่าร่างสารัตถะของเจ้าหนุ่มนั่นจะต้องตายเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะหนีออกไปได้โดยไม่ต้องใช้คำสาปเสียด้วยซ้ำ

แถมเขายังดูกล้าหาญดี…โล่ชิ้นนั้นก็น่าสนใจไม่น้อย ปรมาจารย์แห่งไฟหัวเราะและไม่คิดจะดูคนอื่นอีกต่อไป เขากินผลไม้เพลิงจนหมด แล้วหยิบลูกต่อไปออกมารอดูว่าหวังเป่าเล่อจะรอดมาได้หรือไม่

ขณะดู เขาก็เห็นหวังเป่าเล่อ ที่มาปรากฏตัวตรงจุดใดสักแห่งบนดาวเคราะห์ผ่านแผ่นหยกเคลื่อนย้าย ก็กระอักเลือดออกมากองใหญ่ แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีเวลามารู้สึกแย่กับการสูญเสีย ตอนนั้นเอง สัญชาติญาณของเขาก็บอกให้เขาใช้เวลานั้นปลดปล่อยคำสาป

แต่ใจของหวังเป่าเล่อกลับไม่อยากทำ หากเขาใช้คำสาปไปตอนนี้ ก็จะถือว่าไม่ได้ใช้มันอย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างดีก็เพียงแค่ซื้อเวลาก่อนที่เขาจะถูกจับตัวได้เท่านั้น แต่หากหวังเป่าเล่อใช้มันในเวลาที่เหมาะสม…มันอาจสร้างโอกาสให้เขาได้จู่โจมกลับและสังหารคู่ต่อสู้ก็เป็นได้!

บัดซบ ข้าจะไม่ใช้คำสาปเด็ดขาด ข้าจะหาโอกาสโจมตีเขาทีเผลอแล้วฆ่าเจ้าแก่ระยำนั่นเสีย! ความเกรี้ยวกราดและบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในแววตาของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มแปรสภาพเป็นหมอกก่อนจะแบ่งร่างออกเป็นแปดก้อนแล้วแยกย้ายไปในแปดทิศทาง ขณะเดียวกัน มีก้อนหนึ่งแปรสภาพเป็นก้อนกรวดแล้วไปพรางตัวอยู่ระหว่างก้อนหินบนพื้น

ส่วนอีกก้อนขุดลงไปในดินแล้วมุดลงลึกไปเรื่อยๆ!

ส่วนร่างสารัตถะที่แท้จริงของหวังเป่าเล่อก็กลายสภาพเป็นเม็ดฝุ่นที่ถูกสายลมพัดไปมา เขาเกาะกระแสลมลอยหนีออกไปไกล แม้จะไม่เร็วนัก แต่ชายหนุ่มก็สามารถเดินทางไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง

ทันทีที่หวังเป่าเล่อเตรียมการสำเร็จ ก็มีคลื่นรบกวนปรากฏขึ้นตรงบริเวณที่เขาเคลื่อนย้ายมา ขณะที่รัศมีขั้นจิตวิญญาณอมตะแผ่ออกมาจากจุดนั้น ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะของตระกูลไม่รู้สิ้นก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะใช้สัมผัสเทพกวาดไปรอบข้างทันทีด้วยสีหน้าชั่วร้าย หลังจากเจอร่างเงาเจ็ดถึงแปดร่าง เขาก็กำลังจะออกตัวไล่ตามไป แต่จู่ๆ แววตาก็ทอประกายวาบขึ้นมา

เจ้าเล่ห์นักนะ! ผู้อาวุโสส่งเสียงอยู่ในลำคอก่อนจะตัดสินใจไม่ตามไปทันที แต่กลับยกขาขวาขึ้นกระทืบลงไป ทันใดนั้นผืนแผ่นดินในรัศมีสามสิบกิโลเมตรก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เขาใช้สิ่งนั้นในการจับหาคลื่นรบกวน จากนั้นผู้อาวุโสจึงแยกร่างเงาออกเจ็ดถึงแปดร่างไล่ตามรัศมีของหวังเป่าเล่อที่เขาสัมผัสได้ไป

ส่วนร่างจริงก็มุดลงไปในดิน และไล่ตามสัมผัสเทพของหวังเป่าเล่อที่กำลังขุดลึกลงไปอย่างเร่งรีบ

…………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset