หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 762 การจู่โจมรุนแรง!

การระเบิดทำลายตัวเองของเรือบินรบหลายร้อยลำเป็นเหมือนพายุที่ระเบิดขึ้นกลางกองทหารมังกรหยดหมึก แรงปะทะจากการระเบิดพัดกระจายไปทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง เรือบินรบมังกรหยดหมึกที่อยู่ใกล้ที่สุดไม่สามารถหลบได้ทันท่วงที ความเสียหายที่มีอยู่ก่อนหน้าโดนแรงปะทะทำให้ทวีคูณหนักขึ้น แม้แต่เรือบินรบที่อยู่ห่างออกไปยังได้รับผลกระทบเช่นกัน

กองทหารมังกรหยดหมึกตกอยู่ในความโกลาหลแทบจะในทันที เสียงสัญญาณเตือนดังก้องในเรือบินรบ สีหน้าของเหล่าผู้ฝึกตนในกองทหารทุกคนพลันแปรเปลี่ยน

“ศัตรูโจมตี!”

“มีคนซุ่มโจมตีเรา!”

“มัวแตกตื่นอะไร รีบดำเนินการตามแผนรับมือที่สาม!” ขณะที่เหล่าผู้ฝึกตนจากกองทหารมังกรหยดหมึกกำลังตื่นตกใจ เสียงเย็นเยียบของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณก็ดังก้องในจิตวิญญาณทุกคนผ่านวัตถุเวทของกองทัพ

การจะขึ้นเป็นกองทหารสิบอันดับแรกของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำได้ต้องอาศัยความแข็งแกร่ง การโจมตีของหวังเป่าเล่อเป็นการซุ่มโจมตีจึงทำให้พวกเขาต้องรีบตั้งรับ แต่ถึงแม้พวกเขาจะดูวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ นั่นก็เป็นเพราะการถูกโจมตีและแรงปะทะที่เกิดขึ้นกะทันหันเท่านั้น

กองทหารไม่ได้ตกอยู่ในความสับสนอลหม่านนานนัก ภายใต้คำสั่งของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณ กองทหารมังกรหยดหมึกก็จัดกำลังพลใหม่ได้ในทันที

ในขณะเดียวกัน แม้การระเบิดทำลายตัวเองของเรือบินรบนับร้อยลำจะรุนแรงมาก แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายหนักเท่าไหร่ แค่ทำให้ร่องรอยจากการต่อสู้ที่ผ่านมาปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้ง

ถึงกระนั้น กองทหารมังกรหยดหมึกก็จัดระเบียบใหม่ได้แทบจะในทันทีและเตรียมการตอบโต้กลับ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เรือบินรบสีม่วงกว่าสิบลำก็ปลดปล่อยพลังออกมาแล้วพุ่งเข้าไปใกล้หวังเป่าเล่อ หมายจะกำราบศัตรู

กระทั่งเรือบินรบมังกรหยดหมึกที่อยู่นอกขอบเขตการระเบิดเองก็พุ่งตามไป พริบตาต่อมา กองเรือบินรบก็ปล่อยลำแสง สร้างวงแหวนปราณผนึกและพลังกดดันออกมา เหมือนว่าจะพยายามผนึกที่แห่งนี้ไว้ไม่ให้ศัตรูหลบหนีไปได้หลังจากซุ่มโจมตี

การเตรียมการสำหรับตอบโต้กลับเหมือนจะเสร็จสมบูรณ์ในทันที แม้จะไม่ใช่การตอบโต้ตามตำรา แต่มองอย่างไรก็ไม่พบปัญหา ดูแล้วเป็นการตอบโต้ที่ ‘มั่นคง’ ในระดับหนึ่ง

หวังเป่าเล่อตื่นตกใจเมื่อเห็นเช่นนั้น เขารู้ว่าตนไม่สามารถดูถูกเหล่ากองทัพของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้จึงเตรียมการมาพร้อมรับมือ แม้การตอบโต้ของกองทหารมังกรหยดหมึกจะทำให้ตื่นตะลึงไป แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้หวั่นเกรง!

ขณะที่กองทหารมังกรหยดหมึกลงมือตอบโต้ หวังเป่าเล่อก็หายวับกลายเป็นหมอกควันพร้อมโบกมืออีกครั้ง รอบนี้เขาส่งเรือบินรบออกไปทีเดียวสองร้อยลำ ทะเลเพลิงสั่นสะท้านฟ้าดินปะทุเดือดทั่วพื้นที่อีกครั้งเมื่อเรือบินรบกระจายออกไประเบิดทำลายตัวเอง

แรงระเบิดเหมือนจะสร้างมือขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นสองข้างขึ้นโบกไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้กองเรือบินรบที่ได้รับความเสียหายรุนแรงก่อนหน้าไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป ร่องรอยที่มีอยู่ก่อนปรากฏให้เห็นจำนวนมากจนส่งผลให้เรือบินรบระเบิด

การระเบิดไม่ได้เกิดขึ้นกับเรือบินรบแค่ลำเดียว เรือบินรบชีวภาพเจ็ดถึงแปดลำร่วงลงไปทีละลำ แรงปะทะครั้งนี้ทำให้เรือบินรบชีวภาพลำอื่นๆ สูญเสียการควบคุม ส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถรักษารูปขบวนเอาไว้ได้และตกอยู่ในความโกลาหล!

จากการระเบิดของกองเรือบินรบหวังเป่าเล่อ นอกจากจะมีผู้ฝึกตนจำนวนมากถูกพัดหายไปในอวกาศแล้ว ยังมีทรัพยากรและวัตถุดิบมากมายกระจายเต็มทั่วบริเวณ!

วัตถุดิบเหล่านี้มีทั้งอัญมณี พืช และโลหะ เกือบทั้งหมดต่างเป็นของจำเป็นในการหลอมโอสถและวัตถุเวท เห็นได้ชัดว่าของที่กองทหารมังกรหยดหมึกได้มาในครั้งนี้มากเกินกว่าที่พวกเขาจะเก็บเอาไว้กับตัวได้ จึงต้องเก็บบางส่วนไว้ในเรือบินรบ เมื่อเรือบินรบของหวังเป่าเล่อระเบิดทำลายตัวเอง วัตถุดิบเหล่านี้ก็กระจัดกระจายไปทั่วอวกาศ

ข้าวของเบื้องหน้าทำให้หวังเป่าเล่อเบิกตากว้างเมื่อได้เห็น เขารีบโยนเจ้าลาออกไปพร้อมร้องตะโกน “ลูกข้า ไปเก็บของมาให้หมด จำไว้ด้วยว่านี่ไม่ใช่เวลามาห่วงกิน ถ้าเจ้ายังกล้าตะกละอีก กลับไปข้าจะกินเจ้า!”

เรื่องราวทั้งหมดเหมือนจะยาวนาน แต่จริงๆ แล้วเกิดขึ้นในชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ กลุ่มเรือบินรบสีม่วงที่พุ่งเข้ามาหาต่างสั่นสะเทือนจากแรงระเบิดทำลายตัวเอง เหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณปลิวออกมาจากเรือบินรบ พวกเขาจ้องมองมายังหวังเป่าเล่อด้วยสายตาโกรธเคือง เจ้าลาเองก็ขุ่นเคืองตอนโดนเรียกออกมา แต่พอเห็นข้าวของรอบๆ แล้วก็ตาลุกวาว มันร้องคำรามพร้อมพุ่งตัวออกไป

หวังเป่าเล่อเองก็ไม่มัวเสียเวลาเช่นกัน แววสังหารฉายวาบขึ้นในดวงตา เขาใช้ประโยชน์จากความโกลาหลรอบๆ พุ่งไปหากลุ่มผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะส่งเรือบินรบอีกหนึ่งร้อยลำออกมา ปล่อยให้เหล่าหุ่นเชิดขับไปชนรอบๆ ชายหนุ่มตั้งใจที่จะไม่ให้กองทหารมังกรหยดหมึกได้มีโอกาสพักหายใจ

“นั่นมันหลงหนานจื่อ!” ความโกลาหลก่อนหน้า ประกอบกับการโจมตีฉับพลันของหวังเป่าเล่อทำให้เหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณไม่ทันตระหนักว่าเป็นเขา พอเห็นชายหนุ่มกลายเป็นหมอกและพุ่งตรงมา ผู้ฝึกตนคนหนึ่งก็รับรู้ถึงตัวตนของชายหนุ่มได้ทันที!

แม้จะไม่เคยเห็นหวังเป่าเล่อมาก่อน แต่ในฐานะคนของกองทัพ พวกเขาย่อมทราบเหตุการณ์น่าอับอายของกองทหารมังกรหยดหมึกเมื่อหลายเดือนก่อน และเนื่องจากกองทหารมังกรหยดหมึกได้ออกประกาศจับหวังเป่าเล่อ คนของกองทัพทุกคนจึงอยากจะสังหารชายหนุ่มโดยไม่มีข้อยกเว้น

พวกเขาเก็บข้อมูลเกี่ยวกับหลงหนานจื่ออย่างละเอียดและอยากสังหารอีกฝ่ายทิ้ง ทำให้เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนก่อจลาจลครั้งนี้ขึ้น พวกเขาก็เดือดจัดและพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มในทันที

แม้จะรู้ถึงความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อและรู้ถึงความไม่ธรรมดาที่อีกฝ่ายสามารถหนีการจับกุมของผู้บัญชาการกองทหารของพวกเขาไปได้ พวกเขาก็ยังมีจำนวนคนมากกว่า ที่ต้องทำคือถ่วงเวลาชายหนุ่มไว้และรอให้เรือบินรบจัดขบวนได้อีกครั้ง จากนั้นการจะสังหารผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณด้วยพลังของกองทัพก็เป็นเรื่องแสนง่ายดาย

ขณะที่ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันในชั่วพริบตา แรงสั่นสะเทือนก็พัดกระจายออกไป ส่วนหนึ่งเป็นแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดทำลายตัวเองของเรือบินรบที่หวังเป่าเล่อส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกส่วนหนึ่งมาจากเสียงกรีดร้องของเหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่เปล่งออกมาก่อนจะโดนกำจัด

กล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อสามารถทำให้เหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณของกองทหารมังกรหยดหมึกต้องตื่นตะลึง!

ขณะที่ทั้งสองฝั่งประมือกัน หวังเป่าเล่อก็ใช้ร่างกายที่เป็นหมอกต้านทานพลังเทพของพวกเขา ก่อนจะแปลงโฉมเป็นร่างที่ห่อหุ้มด้วยเกราะจักรพรรดิ แขนอาวุธเทพคว้าหมับเข้าที่หัวของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนหนึ่ง ก่อนจะออกแรงบดขยี้กะโหลกทันทีโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำอะไร

“พวกเจ้ากล้าปล้นข้าอย่างนั้นหรือ” หลังจากสังหารผู้ฝึกตนคนหนึ่งไป แววเย็นเยียบก็ฉายชัดขึ้นในดวงตา แต่ชายหนุ่มกลัวว่าจะเผยเคล็ดวิชาของตนออกไป จึงพยายามกดต้านวิชาดวงเนตรปีศาจไว้และล้มเลิกการดูดซับวิญญาณ ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปปะทะกับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกคนอย่างรวดเร็วราวกับเป็นเรือบินรบความเร็วสูง

“พวกเจ้ากล้าออกประกาศจับข้าอย่างนั้นหรือ”

ขณะที่เสียงของชายหนุ่มดังก้องไปถึงสวรรค์ ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่โดนพุ่งปะทะก็กระอักเลือดออกมา ร่างของเขาร่วงหล่นลงไปก่อนจะระเบิด เหตุการณ์ทั้งหมดกลายเป็นความแตกตื่นที่ปะทุอยู่ในใจผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนอื่นๆ พวกเขาต่างถอยหนีด้วยความหวาดกลัว

“พวกเจ้ากล้าหนีอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าการสังหารสองคนติดต่อกันไม่เพียงพอที่จะสร้างความจลาจลครั้งใหญ่ ขณะที่กำลังจะไล่ตามคนอื่นๆ ไป เสียงร้องคำรามกราดเกรี้ยวก็ดังขึ้นมาจากห้วงอวกาศไกลออกไป

หวังเป่าเล่อคุ้นเคยกับเสียงร้องคำรามนั้นดี เสียงนั่นเป็นของผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงไม่ได้ติดตามกองทหารไปด้วย แต่หญิงสาวก็มาถึงในที่สุด นางพุ่งมาหาอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนจะได้บทเรียนจากการปะทะกันครั้งก่อน นางจึงปล่อยกระบวนท่าปริศนาพร้อมกับมาปรากฏตัวกลางสนามรบในชั่วพริบตา

พลังขั้นแสร้งอมตะเข้ากดทับห้วงอวกาศเมื่อนางปรากฏตัว เมื่อผสานเข้ากับพลังที่นางปล่อยออกมาพร้อมแววเย็นเยียบในดวงตา หญิงสาวก็ดูไม่ต่างจากมัจจุราชที่มาเพื่อพรากวิญญาณของหวังเป่าเล่อ!

“หลงหนานจื่อ!” นางตะโกนพร้อมพุ่งเข้าไปหาหวังเป่าเล่อด้วยความไวกว่าอัสนี ห้วงอวกาศแหวกออกเมื่อหญิงสาวเคลื่อนตัวผ่านราวกับว่าสามารถฉีกกระชากได้ทุกสิ่ง เมื่อเข้าไปใกล้ นางยกมือขวาขึ้นส่งฝ่ามือพุ่งไปยังหว่างคิ้วของชายหนุ่ม

“ทำไมตะคอกใส่บิดาเจ้าเช่นนี้” แม้หวังเป่าเล่อจะตื่นกลัว แต่สีหน้ากลับไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกเดือดขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำถามนั้น นางเข้าไปประชิดชายหนุ่มในทันที ก่อนจะปะทะเข้ากับเกราะจักรพรรดิที่ปรากฏขึ้นมาต้านพลังโจมตีอย่างสุดกำลัง

เสียงสั่นสะเทือนดังกึกก้อง แม้หวังเป่าเล่อจะมีเกราะจักรพรรดิช่วยต้านการโจมตี แต่ก็ไม่สามารถเทียบชั้นกับพลังผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกได้ เกราะจักรพรรดิจึงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที ทว่าเศษชิ้นส่วนกลับไม่ได้หายวับไป มันพุ่งไปทางผู้บัญชาการทหารมังกรหยดหมึกโดยพลัน

“ขังนางไว้!” หวังเป่าเล่อพ่นเลือดออกมาพร้อมร้องคำราม ทันใดนั้น เกราะจักรพรรดิก็พุ่งไปล้อมรอบร่างผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกและขังนางเอาไว้ภายใน!

ชายหนุ่มต้องแบกรับอาการบาดเจ็บรุนแรงขณะที่แปลงกายเป็นหมอกอยู่หลายครั้งเพื่อต้านทานการโจมตี ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกไม่ได้สนใจเศษเกราะจักรพรรดิรอบตัว ขณะที่นางกำลังจะปลดปล่อยพลังปราณเพื่อหลบหนีออกมาและตามไปสังหารหวังเป่าเล่อ ดวงตาของชายหนุ่มก็ฉายแสงวาบ เขาทิ้งแผนที่วางเอาไว้ก่อนหน้าว่าจะผนึกผู้บัญชาการเจ็ดหน และเปลี่ยนมาผนึกนางเอาไว้ในครั้งเดียว

ชายหนุ่มยกมือขวากวาดลง ทันใดนั้น หุ่นเชิดเจ็ดพันตัวที่สร้างไว้เพื่อผนึกก็รวมตัวกันสร้างวงล้อมเจ็ดชั้นขึ้นมา เหล่าหุ่นเชิดกระจายตัวไปล้อมผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกเพื่อผนึกนางไว้!

“จงผนึก!”

สิ้นคำสั่ง หุ่นเชิดเจ็ดพันตัวก็เปล่งแสงสุกสว่างพร้อมกัน แสงจ้าก่อตัวเป็นลำแสงมากมายพุ่งไปพันรอบตัวผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก หุ่นเชิดเจ็ดพันตัวและลำแสงเจ็ดพันสายพันเกี่ยวรอบตัวผู้บัญชาการก่อเกิดเป็นผนึกขึ้นมา!

……………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset