หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 751 หรือจะถูกราชวงศ์สิงสู่

ความโลภนี้เข้าครอบงำโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์มีเพียงร่างอวตารของตนเองที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ ซึ่งอ่อนแอกว่าร่างจริงของเขาเป็นอย่างมาก แม้จะมีพลังบางส่วนที่ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณมี แต่ก็ต่อกรได้เพียงผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณธรรมดาเท่านั้น ไม่สามารถจัดการหวังเป่าเล่อได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้เขายังเห็นด้วยตาตนเองว่าหวังเป่าเล่อโจมตีคู่ต่อสู้อย่างไร รวมทั้งได้เห็นความตายแสนประหลาดที่ดูเจ็บปวดเหลือทนของเหล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทั้งสี่ด้วย ทั้งหมดนี้เพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดาซึ่งยังพอมีสติอยู่บ้างล้มเลิกความคิดที่จะทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ

แต่ร่างอวตารของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ก็ยังถูกครอบงำด้วยความโลภที่ควบคุมไม่ได้ ความโลภนี้เหมือนไฟโหมกระหน่ำ ลุกท่วมเผาทำลายเหตุผลในความคิดจิตใจเขาเสียหมดสิ้น

ทว่า…ขณะที่สติของเขากำลังจะเหือดหายไปหมด จนทำให้เขาเกือบจะพุ่งออกไปโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ ล้มเลิกความคิดที่จะเร้นกายและกระโจนเข้าใส่หวังเป่าเล่อราวกับตั้งใจปลิดชีพตนเอง เสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากดารานิรันดร์ที่กำลังดับสลาย พร้อมๆ กับที่ดาวดวงซึ่งหวังเป่าเล่อไปเยือนอยู่สั่นสะเทือน สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทุกชนิดถูกสังหารหมดสิ้น เสียงนั้นฟังดูเก่าแก่เหนือกาลเวลา พลังที่มาก่อนกาลระเบิดออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ!

พลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดกระแสปั่นป่วนในห้วงอวกาศของอารยธรรมกลายพันธุ์ หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงเหตุการณ์ผิดปกตินี้ได้ทันที และเงยหน้าขึ้นมองสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาของชายหนุ่มหรี่ลงเล็กน้อย ดวงตาปีศาจนับไม่ถ้วนที่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์มองไม่เห็น ต่างพากันขยับถอยหลังไปไม่ไกลมาก แม้พวกมันจะยังคงหลับใหลอยู่ แต่ก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่อยู่ใกล้ตัว

อาจเพราะการล่าถอยของดวงตาปีศาจ ทำให้ความโลภรุนแรงจนอธิบายไม่ได้ของร่างอวตารเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลกลับมาอีกครั้ง ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่มากด้วยประสบการณ์ เมื่อสติสัมปชัญญะของเขากลับมา เขาก็รับรู้ได้ในทันทีว่าก่อนหน้านี้ตนเองทำตัวประหลาดจากยามปกติเพียงใด

เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากทันทีที่รู้สึกตัว สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดพลันเปลี่ยนไป ความตกใจที่เข้าจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาไม่อยากอยู่ในที่แห่งนี้อีกต่อไป ขณะที่กำลังคิดจะหนี เสียงสะเทือนก็จากดวงดาวนิรันดร์ที่กำลังจะดับสลายก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง!

อาการสั่นสะเทือนนี้ทำให้กระแสพลังปั่นป่วนเป็นริ้วๆ อีกครั้งในห้วงอวกาศ ความกระหายการต่อสู้ปรากฏขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าบนดาวที่กำลังจะดับสูญดวงนั้น มี…สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ขั้นสุดยอดอาศัยอยู่!

ถ้าข้าฆ่าไอ้นั่นได้ ข้าต้องบรรลุปราณขั้นเชื่อมวิญญาณแน่นอน! เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าสิ่งที่คิดเป็นความจริง ดวงตาของชายหนุ่มหรี่เล็ก เขาถีบตัวทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าพร้อมด้วยเสียงดังลั่น ร่างพุ่งทะลวงออกไปเหมือนดาวหางที่ตัดผ่านฟากฟ้ายามค่ำคืน ไม่หยุดยั้งจนกระทั่งพุ่งออกจากบรรยากาศเข้าสู่ห้วงอวกาศไกลโพ้น!

ขณะที่เขากำลังพุ่งไปในท้องฟ้านั้น วิญญาณจุติดวงดารา เกราะจักรพรรดิ อาวุธเทพ และดวงตาปีศาจนับไม่ถ้วนรอบกายก็พร้อมใจกันปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมา พลังทั้งหมดหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นพลังอำนาจรุนแรงเหมือนกระบี่คมกริบที่ตัดได้กระทั่งดวงจันทร์และดวงดารา หวังเป่าเล่อมุ่งไปข้างหน้าพร้อมอำนาจยิ่งใหญ่นั้น เพื่อไปยัง…ดารานิรันดร์!

ขณะที่หวังเป่าเล่อพุ่งทะยานไปในอากาศ เสียงคำรามก็ดังติดต่อกันออกมาจากดารานิรันดร์ที่กำลังจะล่มสลาย พื้นผิวของดาวปริแตก เศษหินมากมายนับไม่ถ้วนระเบิดกระจุยลอยคว้างในอวกาศ เทือกเขาหินยักษ์เริ่มก่อตัวอย่างรวดเร็วบนดาวดวงนั้น

เทือกเขานี้ใหญ่โตมโหฬารเหนือจินตนาการ เหนือเทือกเขาเต็มไปด้วยกิ่งไม้มากมายที่แตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มและเชื่อมเทือกเขาเข้าไว้ด้วยกันในพื้นที่หนึ่ง ภาพนี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์หายใจเร็วรัวอีกครั้ง เพราะเขาสังเกตเห็นแล้ว…ว่าเทือกเขาบนดารานิรันดร์กำลังเคลื่อนไหว!

สิ่งนั้นไม่ใช่เทือกเขา! หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์คล้ายตะขาบขนาดยักษ์ กิ่งไม้ที่เขาเห็นว่าเชื่อม “เทือกเขา” เหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกัน แท้จริงแล้วเป็นขาและหนวดมากมายนับไม่ถ้วนของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์!

สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ยักษ์ขยับตัวอย่างรุนแรง ร่างครึ่งบนเหยียดขึ้นเหนือดารานิรันดร์ มันบิดตัวอย่างรวดเร็ว กระโจนเข้าใส่หวังเป่าเล่อพร้อมกลิ่นเหม็นเน่า และพลังกดดันรุนแรงน่ากลัวที่ไหลบ่าเข้าท่วมทุกอย่างที่ขวางหน้า ร่างของมันมาพร้อมเสียงคำรามกึกก้องจนเม็ดหินดินทรายสั่นสะเทือน

เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์กลัวลนลานทำอะไรไม่ถูกแล้ว ร่างของเขาสั่นสะท้าน จิตใจพลันว่างเปล่าจากแรงกดดันมหาศาล แต่พลังใจสู้ในตัวหวังเป่าเล่อกลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มพุ่งไปข้างหน้าพร้อมเสียงคำรามดังลั่น!

เสียงคำรามของหวังเป่าเล่อดังยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด มันระเบิดออกมาพร้อมเกราะจักรพรรดิที่ปลดปล่อยพลังเต็มขีดจำกัดเช่นเดียวกันกับวิญญาณจุติดวงดารา เมื่อสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ยักษ์เข้ามาใกล้ ดวงตาปีศาจมากมายนับไม่ถ้วนเบื้องหลังเขาก็ลืมตาตื่นในทันที!

ดวงตาปีศาจจำนวนมากเปิดขึ้นพร้อมกัน ปลดปล่อยอำนาจประหลาดที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ดวงตาจำนวนมหาศาลก่อให้เกิดพลังมหาศาลตามมาด้วยเช่นกัน วินาทีต่อมา ร่างของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ยักษ์ก็สั่นสะท้านหยุดชะงันอยู่กลางห้วงอวกาศ

แม้อาการนี้จะคงอยู่เพียงเสี้ยววินาที แต่ก็มากเกินพอสำหรับหวังเป่าเล่อ ร่างของเขากลายเป็นกระบี่ที่แหลมคมเสียจนตัดได้กระทั่งห้วงนภา ด้วยอาวุธเทพที่เปรียบเสมือนปลายกระบี่และร่างกายที่เปรียบเสมือนคมกระบี่ ชายหนุ่มกระโจนไปข้างหน้าด้วยพละกำลังทั้งหมดที่ตนเองมี ขณะที่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ยักษ์กำลังชะงักค้างด้วยอำนาจของวิชาดวงเนตรปีศาจ หวังเป่าเล่อก็พุ่งตรงตัดอวกาศว่างเปล่า ทะลุผ่านทุกสิ่งที่ขวางหน้า เข้าทะลวงร่างของสัตว์ร้ายในที่สุด

เขาไม่หยุดเพียงเท่านั้น เสียงดังลั่นจากแรงปะทะสะท้อนสะเทือนไปในอวกาศ หวังเป่าเล่อไม่สนใจอาวุธเทพที่กำลังสั่นไหว แต่กลับแหวกผ่านชั้นผิวหนังของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ยักษ์เข้าไปในกายของมันทันที

เมื่อเข้าไปในตัวของสัตว์ร้ายได้ หวังเป่าเล่อก็ปลดปล่อยกระบวนเวททั้งสามของตนเอง!

“เมล็ดแห่งการดูดกลืน!”

“เปลวไฟสีดำ!”

“ดวงเนตรปีศาจ!”

กระบวนเวททั้งสามถูกปลดปล่อยในเวลาเดียวกัน พร้อมด้วยอำนาจของดวงตาปีศาจที่สำแดงออกมาเต็มกำลัง พลังที่ผสานกันนั้นก่อให้เกิดหลุมดำที่หมายกลืนกินทุกสิ่ง เมล็ดแห่งการดูดกลืนเสริมความรุนแรงของหลุมดำให้เพิ่มทวียิ่งขึ้นไปอีก ส่งผลให้พลังของดวงตาปีศาจพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าที่หวังเป่าเล่อจะควบคุมได้ หลุมดำทะลุผ่านร่างของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เข้าดูดบรรยากาศโดยรอบ!

เปลวไฟสีดำกระจายเข้าล้อมบริเวณโดยรอบทันทีที่ถูกปล่อยออกมา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นทะเลเพลิงมืดมิด เปลวไฟทำลายล้างพุ่งเข้าครอบงำทุกทัศนวิสัยและความนึกคิด จนทำให้…เปลวไฟเหล่านี้ดูราวกับกำลังจุดห้วงอวกาศให้ส่องสว่าง!

แต่แสงที่ส่องให้อวกาศสว่างไสวนั้นเป็นแสงสีดำ!

แม้จะฟังดูเหลือเชื่อเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแท้แน่นอน อาจเป็นเพราะกฎแห่งจักรวาลที่แตกต่างไปจากปกติ เปลวไฟสีดำจึงทำให้จักรวาลสว่างไสวขึ้นมาจริงๆ !

สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ยักษ์กรีดร้องเสียงหลง ร่างมันบิดเร่าด้วยความเจ็บปวด ลำตัวเริ่มแห้งเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัด ภาพนี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ตกใจจนคุมสติไม่อยู่ ร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พลันหันหลังกลับและล่าถอยไปในทันที สิ่งเดียวที่เขาคิดในตอนนี้ คือต้องหนีจากที่แห่งนี้ไปให้เร็วที่สุด

สำหรับตัวเขาแล้ว ระดับความอันตรายในห้วงอวกาศไพศาลนี้ มากเกินกว่าที่ตัวเขาจะจัดการได้ด้วยกำลังของตนเองแล้วเมื่อมีหวังเป่าเล่อเพิ่มเข้ามาด้วย ผู้อาวุโสสูงสุดยังก่นด่าความเขลาของตนเองที่ทิ้งร่างอวตารเอาไว้ตรงนั้น หากร่างอวตารของเขาตายไป ร่างจริงก็จะได้รับผลกระทบด้วย

ข้าจะวู่วามไม่ได้ ไอ้หลงหนานจื่อนี่ มันต้องโดนคนจากราชวงศ์สิงสู่เป็นแน่! เมื่อนึกถึงแรงอาฆาตที่เขาเคยรู้สึกต่อชายหนุ่มที่ถูกราชวงศ์สิงสู่ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ก็รู้สึกผิดมากเสียจนท้องไส้บิดเป็นเกลียวไปหมด

สำหรับตัวเขาแล้ว ผู้ที่แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับราชวงศ์ได้มีเพียงสำนักหลักทั้งสามเท่านั้น หากตัวเขาต้องเข้ามาพัวกันจนทำให้ผิดใจกับราชวงศ์ คงไม่มีวันรอดชีวิตกลับมาอย่างแน่นอน

ขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์กำลังเตรียมตัวหนีออกจากดาวเคราะห์ที่ซ่อนตัวอยู่นั้น สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ยักษ์ก็กรีดร้องเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจบชีวิตลงบนดวงดารานิรันดร์ที่กำลังจะดับสูญ ร่างของมันกลายเป็นผงธุลีด้วยอำนาจของเปลวไฟสีดำ ก่อนจะกลายเป็นดวงตาปีศาจขนาดยักษ์!

ที่ลูกตาดำของดวงตายักษ์ปรากฏเป็นร่างสูงโปร่งของ…หวังเป่าเล่อ!

ผมของเขาปลิวไสวในสายลม พลังปราณก้าวข้ามขั้นจุติวิญญาณไปเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มปล่อยแรงกดดันของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณออกมาโดยไม่ออมแรง และให้พลังงานจากร่างกายไหลบ่าเข้าท่วมสภาพแวดล้อมโดยรอบ!

พลังปราณนี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาสีดำใหญ่ยักษ์ทำเอาวิญญาณของเขาแทบจะออกจากร่าง พลังงานชั่วร้ายบริสุทธิ์ที่ดวงตาแผ่ออกมาดูเหมือนสามารถทำให้ทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหวได้ เขาพลันนึกไปถึงกระบวนเวทดวงเนตรหมื่นปีศาจที่ตนเองรู้จัก ทุกอย่างเหมือนกันแทบจะไม่ผิดเพี้ยน เว้นก็แต่ขนาดของดวงตาเท่านั้น

ไอ้หมอนี่ถูกราชวงศ์สิงจริงๆ เสียด้วย!

……………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset