ดวงตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่ม!
สีหน้าของหวังเป่าเล่อขณะกำลังยืนอยู่บนเรือนั้นเรียบเฉย เปลวไฟสีดำในดวงตาครอบครองอำนาจที่แก่กล้าจนราวกับจะเผาไหม้ได้ทุกสิ่งที่อยู่บนสวรรค์และผืนดิน ราวกับครอบครองพลังที่ล้างโลกได้ทั้งใบ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเรือสำปั้นนั้นดูยิ่งใหญ่ราวเทพเจ้า อำนาจของเขาเข้าเกาะกุมหัวใจของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!
พลังที่เรือสำปั้นปล่อยออกมาทำให้โยวหรันล่าถอยด้วยความตกใจ เขารีบถอยหนีในทันที การล่าถอยนั้นก็อยู่ในสายตาของคนทั้งอาณาจักร ซึ่งทำให้คำสั่งที่สองของหวังเป่าเล่อดูทรงพลังมากขึ้นไปอีก!
พื้นดินสั่นสะท้านด้วยความแรงที่มากกว่าครั้งแรก และทรุดตัวลงอีกหลายแห่งจนเกิดแอ่งหลุมยักษ์ ปฐพีร้องคำราม เสียงกรีดร้องอู้อี้ลอยออกมาจากใต้ดิน ขณะที่สิ่งมีชีวิตที่แหกกฎแห่งธรรมชาติทุกอย่างปรากฏตัวขึ้นจากพื้นดิน!
กระแสปราณมืดระเบิดออกอีกครั้งจากรอยแยกบนพื้นดิน มันหลบหนีออกจากรอยแตกนั้น และพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าเบื้องบน!
พวกมันรวมตัวเป็นสายหมอกสีดำ ย้อมให้อากาศรอบกายหวังเป่าเล่อมัวหม่น ก่อนพุ่งขึ้นสู่สรวงสวรรค์!
เสียงท้องฟ้าคำรามกังวานในอากาศ ฟากฟ้าแปรเปลี่ยนขณะที่ลมพัดกรรโชกรุนแรง เมฆเคลื่อนที่ย้อนกลับ!
แท่งค้ำยันสีดำสูงตระหง่านจากหมอกมืดเชื่อมท้องฟ้าและผืนดินเข้าด้วยกัน ราวกับวันสิ้นโลกกำลังอุบัติขึ้นต่อหน้า ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันผงะตกใจ ความตื่นกลัวของเขาทวีความรุนแรงขึ้นอีกเมื่อพลังกดดันทับโถมลงมาบนร่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม!
ท้องฟ้าเบื้องบนยังคงถูกหมอกสีดำย้อมป้าย แสงสว่างและความมืดหลอมรวมกันเหมือนในวันที่โลกถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก ลมหมุนยักษ์อุบัติขึ้นกลางอากาศพัดกระพืออย่างบ้าคลั่ง สายฟ้าฟาดกระหน่ำก้องไปไกล หมอกดำกระจายตัวออกปกคลุมทั่วท้องฟ้าจนมืดมิด!
ชายหนุ่มยืนตระหง่านเหมือนยักษ์ใหญ่ มือขวาของเขาที่ชี้ลงเบื้องล่างค่อยๆ ยกขึ้น และชี้ไปที่พายุหมุนสีดำขนาดใหญ่บนท้องฟ้า ก่อนจะกดขึ้นด้านบน
อสนีบาตรวมตัวกันฟาดพื้นดินอีกครั้งด้วยเสียงดังลั่น พายุหมุนสีดำค่อยๆ ลดลงมาหาชายหนุ่ม ล้อมร่างของเขาเอาไว้มิด ไม่มีใครเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่ตาพายุ พายุหดตัวลงฉับพลัน วินาทีถัดมา ร่างของหวังเป่าเล่อก็ปรากฏสู่สายตาอีกครั้ง พายุหมุนหดตัวกลายเป็นชุดคลุมสีดำที่ปิดบังร่างกายของเขาไว้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า!
แทบเท้าของชายหนุ่มมีเรือสำปั้นแห่งความมืด และทั่วร่างก็ปกคลุมด้วยชุดคลุมแห่งความมืด หวังเป่าเล่อคนใหม่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอันมาก ผู้ที่มีจิตสัมผัสวิญญาณแก่กล้ากว่าคนอื่นจะรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขาม ราวกับกำลังจ้องมองเทพแห่งความตายด้วยดวงตาของตนเองกระนั้น!
นั่นคือ…สัญชาตญาณภายในของทุกสิ่งมีชีวิต ที่เกิดมาจากความกลัวตายโดยธรรมชาติ!
พลังของหวังเป่าเล่อเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อชุดคลุมสีดำปรากฏ จนทำให้เลือดไหลออกจากริมฝีปากของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ชายชรารู้สึกตัวแล้วว่าตนเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ไม่ว่าจะดิ้นรนเท่าใดก็ไม่มีทางตอบโต้กลับได้เลย ความพยายามทุกอย่างของเขาไร้ซึ่งความหมาย
“ยังเล่นสกปรกเจ้าเล่ห์เพทุบายเหมือนเดิม! หวังเป่าเล่อ เจ้าเป็นใครกันแน่” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันตัวสั่นขณะคำรามใส่หวังเป่าเล่อ คำตอบค่อยๆ ผุดขึ้นในจิตใจ แต่ชายชราก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี สำหรับเขาเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย
ข้าจะมากลัวหัวหดเช่นนี้ไม่ได้ นี่มัน…ยังไม่เหมือนกับที่ข้าเคยอ่านเจอ ยังขาดไปอีกสิ่งหนึ่ง…
แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบตนเองในหัวว่าสิ่งใดที่ขาดไป ความตกใจก็ฉายขึ้นบนใบหน้าอีกครั้งขณะกำลังล่าถอย ทันทีที่ได้ยิน…คำพูดต่อไปของหวังเป่าเล่อ!
“ไม้พายตะเกียง… เข้าประจำที่!”
หวังเป่าเล่อในชุดคลุมสีดำบนเรือสีดำ ลดมือลงชี้ที่พื้นดินอีกครั้ง ดาวทั้งดวงสั่นอย่างรุนแรง เสียงกรีดร้องดังออกมาจากพื้นดินใต้โลกกรีดแทงอากาศเบื้องบน ราวกับถูกปิดปากให้สงบเงียบมาชั่วอายุขัย หลังจากที่รอมานานแสนนาน มันก็เป็นอิสระอีกครั้ง พลังอำนาจแก่กล้าเต็มเปี่ยมระเบิดออกมาในทันที!
ปราณมืดพุ่งออกจากโลกใต้ดินอีกครั้งด้วยพลังอำนาจที่เหนือกว่าครั้งก่อนหน้า ท้าทายสวรรค์ให้สยบราบคาบอยู่แทบเท้า ปราณมืดนั้นไม่ได้พุ่งไปที่ใต้เท้าของหวังเป่าเล่อ หรือเปลี่ยนเป็นพายุหมุนเบื้องบน หากแต่…พุ่งตรงเข้าหาเขา และลอยอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มห่างไปเพียงชั่วแขน!
ทะเลหมอกสีดำก่อตัวขึ้นต่อหน้าหวังเป่าเล่อ และเพิ่มความแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างก่อนเป็นอันดับแรก คือด้ามจับที่ขยายยาวขึ้นขณะที่หมอกเริ่มจับตัวเป็นของแข็ง และในที่สุดก็กลายสภาพไปเป็นไม้พาย!
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น หมอกมืดยังคงเปลี่ยนรูปร่างต่อไป สายโซ่ปรากฏขึ้นที่ปลายไม้พาย ที่ปลายโซ่นั้น…คือตะเกียงแห่งความมืดที่ส่องแสงสีดำเรืองออกมา!
พลังที่ก่อตัวในอากาศทวีความแข็งแกร่งขึ้นอีก ส่งให้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันหมดสิ้นซึ่งความคิดใดๆ !
ใบหน้าของหวังเป่าเล่อโผล่พ้นหมวกชุดคลุมออกมาเพียงเสี้ยวเดียว จึงทำให้ไม่มีใครหยั่งสีหน้าที่แท้จริงของเขาได้ ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้น นิ้วมือกำรอบไม้พายตะเกียงที่อยู่ข้างหน้าตนแน่น!
เขาพลิกมือเพื่อจัดไม้พายซึ่งอยู่ในแนวขวางให้กลายมาเป็นแนวตั้ง และดึงไม้พายตะเกียงเข้ามาไว้ข้างขวาของตัวเอง ปลายไม้พายแตะเข้าที่เรือสำปั้นแห่งความมืด เสียงกระแทกดังขึ้นอย่างแรงทันทีที่สัมผัส!
เสียงนั้นใสกังวานไปทั่วท้องฟ้า ส่งให้พื้นดินสั่นสะท้าน ดาวอังคารสะเทือน กระแสพลังกระเพื่อมออกสู่ห้วงอวกาศภายนอก เสียงพึมพำแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินกระจายไปในห้วงมิติเวลาและอวกาศ ภาพนี้ฉายให้เห็นบนหน้าจอทั่วสหพันธรัฐ
ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก!
เสียงที่เกิดจากการกระทบกันของไม้พายและเรือสำปั้น สะท้อนทั่วอวกาศเหมือนเสียงระฆังกังวานที่ปลุกความรู้สึกบางอย่างในใจของผู้ชมทั่วสหพันธรัฐให้ตื่นขึ้น เสียงนั้นก้องสะท้อนอยู่ในหัวของทุกคน รวมถึงศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันที่กระอักเลือดออกมาอีกครั้งและถอยร่นไปในทันที การคาดเดาของเขากลายเป็นความจริงขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างปะติดปะต่อเข้าด้วยกันจนกลายเป็นภาพสมบูรณ์ในที่สุด ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในจิตใจ ชายชราจมอยู่ในความไม่อยากเชื่อจนแทบสติหลุด เขาอุทานเสียงดัง
“บุตรแห่งความมืด!”
เสียงของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเต็มไปด้วยความกังขา กดทับโดยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสำนักแห่งความมืดจากบันทึกมากมายในตระกูลไม่รู้สิ้นมาก่อน สำนักแห่งความมืดตั้งอยู่เมื่อนานนมมาแล้ว ขณะยังเรืองอำนาจนั้น สำนักได้รับอำนาจจากเต๋าสวรรค์และถือเป็นขั้วอำนาจที่น่ากลัวที่สุด ข้อมูลที่เขาเคยอ่านเจอมานั้นตราตรึงอยู่ในความคิดจนยากจะลบเลือน!
เฟิ่งชิวหรันเองก็ตกใจเช่นกัน ร่างของนางสั่นสะท้าน ส่วนเจ้าเยี่ยเหมิงและเจ้าผินฟางผู้เป็นบิดาก็ประสบกับสภาวะอารมณ์เดียวกัน!
อีกบุคคลหนึ่งที่ผงะด้วยความตกใจไม่แพ้กัน คือผู้ที่กำลังกำบังกายอยู่ในความว่างเปล่า…จื่อเยว่นั่นเอง!
เป็นเพราะ…รูปลักษณ์ในตอนนี้ของหวังเป่าเล่อ ทั้งชุดคลุมสีดำ เรือสำปั้นแห่งความมืด ไม้พายตะเกียง และเปลวไฟสีดำที่ซัดสาดออกจากตัว ทำให้เขาดูเหมือนความตายในร่างคน!
ปฏิกิริยาของหวังเป่าเล่อที่มีต่ออาการตกใจขนหัวลุกของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันนั้นประหลาดมาก เขาไม่ได้เข้าโจมตีในทันที หากแต่เงยหน้าขึ้นมองผ่านชุดคลุมที่ปิดบังใบหน้า ไปยัง…หมู่ดวงดาว!
มีใบหน้าเพียงครึ่งเดียวของเขาเท่านั้นที่เผยลอดชุดคลุมออกมา ดวงตาของชายหนุ่มยังคงถูกบดบังไว้ไม่มีผู้ใดเห็น ไม่มีใครทราบว่าเขากำลังมองไปที่สิ่งใด
“เป็นดาวพลูโตเองหรอกหรือ…” เขาหลับตาลงและพึมพำเสียงแผ่วจนมีเพียงตนเองที่ได้ยิน ความรู้สึกหนึ่งฟาดเข้ามาในจิตใจทันทีที่มือกำไปบนไม้พายตะเกียง และวัตถุเวทแห่งความมืดอยู่ประจำตำแหน่งครบองค์สมบูรณ์ ตอนนั้นเองชายหนุ่มเหมือนจะหมดสิ้นซึ่งความรู้สึกใดๆ ไม่มีทั้งความยินดี ไม่มีทั้งความโกรธเกรี้ยว ไม่มีแม้กระทั่งความเศร้าสร้อย เขาไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้นต่อชีวิต และไม่สนใจแม้ความตาย
ความว่างเปล่าในจิตใจนั้นทั้งน่ากลัวและง่ายดายที่จะถูกครอบงำ ราวกับเป็นแพน้อยที่ลอยอย่างไร้ทิศทางในมหาสมุทรกว้างใหญ่ ทำได้เพียงพัดพาไปตามกระแสน้ำ เคราะห์ดีที่…ในตอนนั้นเอง มีบางสิ่งส่งกระแสพลังออกมาจากดาวพลูโต บางสิ่งที่เปรียบเสมือนประภาคาร หรือไม่ก็สมอเรือ ที่คอยดึงเขาเอาไว้ให้หันหน้าไปหาแสงสว่าง
“มันคือเสียงเพรียก…” หวังเป่าเล่อกระซิบกับตนเอง หากเป็นยามปกติ ตัวเขาคงไม่รับรู้สึกเสียงเพรียกนี้ แต่ทันทีที่วัตถุเวทแห่งความมืดถือกำเนิดขึ้นโดยสมบูรณ์แบบ ชุดคลุม เรือสำปั้น และไม้พายตะเกียงที่ประสานพลังเข้าด้วยกัน ทำให้ชายหนุ่มได้ยินเสียงปริศนานี้!
มีบางสิ่งซ่อนอยู่ที่ดาวพลูโต บางสิ่งที่สำคัญยิ่ง สิ่งนั้นเก่าแก่มากเสียจนคะเนไม่ได้ ราวกับมีอยู่มานานแสนนานชั่วกัปชั่วกัลป์
หวังเป่าเล่อเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหายใจเข้าลึกและหันกลับมามองภาพเบื้องหน้าดังเดิม ดวงตาของเขามองไปที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันผู้ที่ยังคงพยายามเรียกสติตนเองจากอาการตกใจ และพยายามถอยหนีออกจากหวังเป่าเล่อ ดวงตาของชายหนุ่มหรี่ลงช้าๆ มือขวาที่ถือไม้พายตะเกียงอยู่ค่อยๆ ยกขึ้น ก่อนตกลงมาขณะชี้ไปยังศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!
“ดวงวิญญาณ จงออกมา!”
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกู่ร้องด้วยความตกใจในทันที ความรู้สึกถึงภัยอันตรายทำให้เขาสลัดความคิดทุกอย่างออกจากหัว ใบหน้าบนร่างระเบิดออกมาพร้อมๆ กัน เปลี่ยนสภาพไปเป็นพลังงานล้นเหลือที่เข้าครอบงำอากาศโดยรอบ มือของเขาตั้งผนึกรวดเร็วจนเห็นเป็นภาพพร่าเลือน ขณะปล่อยทุกเคล็ดเวทที่ตนเองรู้ออกมา ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยอมผลาญพลังชีวิตของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งพลัง แต่ไม่ใช่เอาไว้ต่อสู้…หากแต่เป็นการหลบหนี!
สัญชาตญาณที่ลึกที่สุดของชายชราบอกว่าเขาไม่ควรสู้กลับ แต่ควรจะหนีไปให้ไกลแสนไกล!
กระนั้น…ก็ยังไม่มีประโยชน์!
กระแสเสียงของหวังเป่าเล่อกระเพื่อมไปในอากาศ ใบหน้าของชายร่างหนาปรากฏขึ้นบนเรือสำปั้น ใบหน้าของราชครูปรากฏขึ้นบนชุดคลุม และโครงร่างของเด็กชายลอยออกจากตะเกียง วิญญาณวุธทั้งสามหันไปมองศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ก่อนเริ่มขับขานบทเพลงแห่งวิญญาณ!
“เมื่อสวรรค์และพื้นพิภพแยกจากกัน กงล้อแห่งโชคชะตาหยุดนิ่ง…”
“เมื่อครั้นได้รับรู้สิ่งที่บังเกิดในอดีต เขาผู้ซึ่งทนทุกข์นั้น…”
“เมื่อครั้นได้รับรู้สิ่งที่จะเกิดในอนาคต เขาผู้ซึ่งทำงานหนักนั้น…”
………………………………………..