“มา ชนแก้วหน่อย ขอบคุณมากที่ช่วยข้าไว้วันนั้น!” เล้งซู่เงยหน้าขึ้นเทสุราลงปากไปในอึกเดียว
เมื่อวางชามสุราลงเล้งซู่ก็กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าสุดลำบากใจ “วันที่ข้าดื่มจนเมาไปในวันนั้นหากไม่ได้เจ้าช่วยข้าคงได้กลายเป็นผีไร้คนเหลียวแลไปแล้ว เวลาหลายเดือนมานี้ข้าอยู่ไปวันๆ อย่างไร้จุดหมาย คิดถึงแต่ว่าอยากจะมาประลองดื่มกับเจ้าอีกสักครั้ง แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เจอเจ้าที่ร้านอีกเลย หากวันนี้ข้าไม่บังเอิญผ่านทางมาข้าก็คงไม่ได้รู้ว่าตัวเองได้ไปเยือนหน้าประตูนรกมาแล้ว!”
หลังเล้งซู่ลืมตาตื่นขึ้นในวันนี้เขาก็ย่อมไม่สามารถที่จะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตรอกได้แม้แต่น้อย
แต่การแข่งดื่มกับเย่หยวนมันยังคงติดตาอยู่อย่างลืมไม่ลง
เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีใครสามารถล้มเขาลงได้
เพราะฉะนั้นเขาจึงคิดที่จะออกมาตามหาเย่หยวนเพื่อท้าแข่งดื่มกันอีกครั้ง
วันนี้เล้งซู่ที่ผ่านทางมาพอดีจึงได้ยินเข้ากับคำของเถี่ยยิง
มันเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยที่ทำให้เล้งซู่ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ
การทำความดีอย่างไม่หวังผลตอบแทน เย่หยวนสหายของเขาคนนี้กลับทำมันได้อย่างไม่คิดอะไรมากความ!
หากเป็นคนอื่นการได้ช่วยนายน้อยตระกูลเล้งไว้มันคงทำให้พวกเขาทั้งหลายคิดอยากดูดเอาผลประโยชน์จากตัวเขาเป็นแน่ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องคิดขออะไรจากตระกูลเล้งบ้าง แต่เย่หยวนกลับไม่ทำเช่นนั้นเลย
แค่เรื่องนี้มันก็แสดงได้อย่างดีแล้วว่าเย่หยวนนั้นเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวางมากมายเพียงใด
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วันนั้นที่ข้าไปส่งเจ้ายังบ้านตระกูลเล้ง เล้งห่าวคิดสังหารข้าโดยไม่ถามไถ่ใดๆ ข้าเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของบ้านตระกูลเล้งเจ้ามากนักแถมตัวข้าเองก็กำลังจะบรรลุแล้วข้าจึงเลือกที่จะไปเข้าเก็บตัว ไม่นึกว่าพวกเจ้าเล้งห่าวมันจะยังคิดกัดข้าไม่ยอมปล่อยไป”
เล้งซู่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “เล้งห่าวนั้นย่อมคิดว่าเจ้าเป็นผู้ช่วยที่ข้าไปเสาะหามาแน่ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาคิดจะทำร้ายหมายเอาชีวิตเจ้า ที่แท้เรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของข้าเองทั้งสิ้น”
เย่หยวนยกสุราขึ้นอีกครั้งก่อนจะยิ้มตอบกลับมา “ข้าไม่ชอบปัญหา แต่ก็มิได้กลัวมัน แต่ว่าตระกูลเล้งเจ้ามันมีเรื่องอะไรกันมากมายรึ?”
เล้งซู่รีบยกสุราขึ้นดื่มอีกชามก่อนจะถอนหายใจยาว “เฮ้อ การสู้กับระหว่างพี่น้องที่ทำให้เกิดเรื่องไปทั่วทั้งเมือง ช่างน่าอับอายจริงๆ! แท้จริงแล้วข้าไม่ได้คิดที่จะสนใจตำแหน่งผู้สืบทอดใดๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะบอกยังไงพี่ชายของข้าเขาก็ช่างดื้อด้านไม่ยอมรับฟัง!”
วันที่เล้งซู่ได้มาเจอเย่หยวนและแข่งดื่มกันนั้นปรากฏว่ามันเป็นวันเดียวกับที่เล้งซู่ได้มีเรื่องทะเลาะกับเล้งห่าวอย่างหนัก และด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวในตอนนั้นเขาจึงเดินทางมายังร้านสุราเพื่อดื่มให้เมากันไปข้าง
เล้งซู่และเล้งห่าวนั้นเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ ตั้งแต่เด็กมาเล้งห่าวก็มักจะคอยดูแลเล้งซู่อยู่เสมอ
คนทั้งสองนี้มีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ ต่างคนต่างเป็นยอดคนผู้นำของตระกูลเล้งในรุ่นถัดไป
เว้นเสียแต่ว่าเล้วห่าวนั้นเป็นลูกเลี้ยง ทำให้สถานะของเขาในตระกูลเล้งนั้นมันไม่ได้สูงส่งเท่าเล้งซู่
เล้งซู่นั้นเป็นลูกชายของผู้นำตระกูล ที่สำคัญยังมากพรสวรรค์เขาจึงมีตำแหน่งหน้าตาในตระกูลเล้งที่ค่อนข้างดี
ความรักของพี่น้องคู่นี้เดิมทีมันทำให้ผู้คนต้องอิจฉาตาเป็นมัน
แต่น่าเสียดายที่หลายปีก่อนผู้นำตระกูลเล้ง เล้งหงเทียนถูกสังหารลง ทำให้เหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ผู้อาวุโสของตระกูลเลือกเอาเล้งหงซิ่วน้องชายของเขาขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลแทน
เล้งหงซิ่วนั้นไม่มีลูกชาย มีเพียงแค่ลูกสาวคนเดียว
นั่นทำให้ตำแหน่งของเล้งซู่เริ่มลั่นคลอน
เล้งซู่นั้นเป็นคนไม่สนใจเรื่องราวโลกหล้า เขาเป็นคนที่มีนิสัยรักอิสระและไม่ชอบการผูกมัดใดๆ เขาย่อมไม่คิดจะสนใจว่าตัวเองจะได้เป็นนายน้อยผู้สืบทอดตระกูลหรือไม่
แต่ฝั่งเล้งห่าวนั้นกลับค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป
เล้งห่าวเริ่มเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นคนเจ้าแผนการ พยายามชักจูงเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลให้มองเล้งซู่ในด้านร้าย
แต่เบื้องหน้าทั้งสองก็ยังคงเป็นพี่น้องที่รักกันดีอยู่เช่นเคย
เว้นเสียแต่ว่าแม้เล้งซู่จะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่เขามิใช่คนโง่
สามเดือนก่อนเล้งห่าวได้หาวิธีขับไล่ลุงคนสนิทของเล้งซู่ออกจากบ้านตระกูลหลัก
เล้งซู่ที่อดทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงได้ทะเลาะอย่างหนักหนากับเล้งห่าว
แต่เขาก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเล้งห่าวจะถึงขั้นส่งมือสังหารมาจัดการเขาเพราะเรื่องนี้
แม้ว่าสองพี่น้องมารหมอกดำนั้นจะไม่ได้เก่งกาจมากมายแต่พวกเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการสังหาร
ในวันนั้นเมื่อเห็นเย่หยวนและเล้งซู่แข่งดื่มกันพวกเขาก็ได้รู้แล้วว่าโอกาสมาถึงมือ
เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนนั้นจะแข็งแกร่งจนเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดคิด
“เฮ้อ จริงๆ ข้านั้นไม่ได้สนใจตำแหน่งทายาทผู้นำตระกูลใดๆ เลย! ข้าก็เคยบอกเล้งห่าวไปแล้วแท้ๆ ว่าข้าไม่อยากจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลมากถึงขั้นต้องให้พี่น้องมาเข่นฆ่า แต่เขากลับไม่เชื่อข้าเลย! เขาไม่คิดเชื่อข้าเลย! ฮ่าๆ…”
เล้งซู่เงยหน้าขึ้นดื่มสุราลงคอพร้อมสายน้ำตาแห่งความเจ็บปวดที่รินไหลจากดวงตา
เย่หยวนเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หากคนเราถูกอำนาจเข้าครอบงำไปแล้ว คนคนนั้นก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่มีเค้าลางเดิมอยู่เลย
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเล้งซู่ไม่คิดสนใจตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดตระกูลใดๆ ทั้งสิ้น
แต่เล้งห่าวกลับไม่คิดเชื่อแม้แต่น้อย!
เขารู้สึกว่าเล้งซู่นั้นคิดที่จะทำให้เขาประมาท
เย่หยวนยกสุราขึ้นดื่มบ้าง “วันนี้วันดี เรื่องราวร้ายๆ ไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้! ลืมความทุกข์ใดๆ ที่มีไปก่อน! วันนี้เรามาดื่ม ชนแก้ว!”
เล้งซู่หัวเราะลั่นขึ้น “ฮ่าๆ ชน! วันนี้ข้าไม่แพ้เจ้าแน่!”
เย่หยวนยิ้มบอก “จะมาแข่งดื่มกับข้านั้นเจ้ายังไม่มีฝีมือพอหรอก!”
พูดไปหัวเราะไป คนทั้งสองก็ดื่มสุราไปอีกนับร้อยชาม
จนในที่สุดเล้งซู่ก็พ่ายแพ้และล้มพับลงกับโต๊ะไปก่อน
…
บ้านตระกูลเล้ง ชายชุดดำคนเดิมกำลังเดินเข้ามารายงานแก่เล้งห่าวอย่างเร่งรีบ
“นายน้อย แย่แล้ว! เถี่ยยิงเขา… ตายแล้ว!”
เล้งห่าวหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน “นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?”
ชายชุดดำบอกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นเครือไม่หาย “มันเรื่องจริงแท้แน่นอน! หลังจากเย่หยวนออกมาจากการเก็บตัวเขาก็สังหารหานเซี่ยวทิ้งที่หอรวมแก่นแท้พลัง จากนั้นเขาก็เดินออกไปยังร้านสุราก่อนจะมีคนไปเห็นว่าเย่หยวนได้สังหารเถี่ยยิงลงด้วยดาบเดียว! ที่สำคัญ… ยังมีคนเห็นว่าเล้งซู่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่นด้วย!”
“ดาบเดียว? สังหารเถี่ยยิงลงด้วยแค่ดาบเดียว?” เล้งห่าวถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
นภาสวรรค์หนึ่งดาวน่ะหรือจะฆ่านภาสวรรค์สี่ดาวลงได้ด้วยดาบเดียว? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ชายชุดดำคนนั้นยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “เย่หยวนได้บรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาวมาแล้ว เรื่องนี้ผู้น้อยเองก็ไม่คิดอยากเชื่อเช่นกัน แต่… มันเป็นความจริง ที่สำคัญ…”
เล้งห่าวถามขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “มีอะไรก็รีบพูดออกมาจะอ้ำๆ อึ้งๆ ให้มันได้อะไร?”
ชายชุดดำพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี “เล้งซู่และเย่หยวนนั้นกำลังดื่มแข่งกันที่ร้านสุราย้อนวัยอีกแล้ว และตอนนี้เย่หยวนก็กำลังนำตัวเล้งซู่กลับมาส่งอีกครั้ง!”
เล้งห่าวหน้าถอดสีทันทีไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องมันจะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ได้
นภาสวรรค์สี่ดาวนั้นคือที่สุดที่เขาสามารถสั่งใช้ได้แล้ว
นภาสวรรค์ห้าดาวนั้นเป็นตัวตนที่มีอำนาจในตระกูลไม่น้อย ทำให้พวกเขาไม่อาจจะสั่งใช้งานอะไรได้ง่ายๆ
แน่นอนว่าหากเขาได้ขึ้นเป็นผู้สืบทอดตระกูลแล้วเรื่องราวมันคงผิดกัน
เล้งห่าวพยายามเดินคิดไปคิดมาถึงข่าวคราวที่กำลังมาถึง
จู่ๆ เขาเสียงฝีเท้าของเขาก็สงบลงก่อนจะบอกขึ้น “เมื่อกี้เจ้าบอกว่ามันสังหารหานเซี่ยว?”
ชายชุดดำพยักหน้ารับ “ตอนที่เย่หยวนออกมาหานเซี่ยวได้ดักรอลอบโจมตีเย่หยวน แต่กลับถูกอีกฝ่ายสังหารลงด้วยดาบเดียวแทน!”
ดาบเดียว!
ดาบเดียวอีกแล้ว!
เล้งห่าวมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ดูท่าเย่หยวนคนนี้คงเป็นตัวปัญหาอย่างมากแน่
เล้งห่าวกล่าวขึ้น “เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจเจ้าเย่หยวนนี่เองอีกแล้ว! หานดงจุนเฒ่านั้นรักลูกชายเสียยิ่งกว่าอะไร เขาย่อมไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่! ที่สำคัญกว่าคือตัวเล้งซู่ ดูท่าเราต้องรีบลงมือเสียแล้ว! ตำแหน่งผู้สืบทอดจะมารอช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว! มีข่าวใดจากฝั่งบ้านตระกูลเฉียนหลิงบ้างหรือไม่?”
ชายชุดดำบอก “ตอนนี้คุณหนูใหญ่ออกจากการเก็บตัวแล้วและว่ากันว่านางบรรลุขึ้นไปถึงนภาสวรรค์ห้าดาวขั้นกลางได้แล้ว!”
เล้งห่าวได้แต่ถอนหายใจยาวด้วยความชื่นชม “ชิวหลิงนั้นช่างเป็นอัจฉริยะจริงๆ พรสวรรค์ของนางนั้นมันทำให้ผู้คนต้องอับอาย! น่าเสียดายที่นางนั้นเป็นหญิง! เอาล่ะ เรื่องคราวนี้เจ้าไม่ต้องไปสนใจอีกแล้ว ตอนนี้ข้าจะรีบไปหาท่านผู้นำตระกูลและเรื่องราวการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลจะได้จบๆ ลงเสียที!”
…………………………