หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 706 ศึก ณ ดาวศุกร์!

คำสั่งของโยวหรันกระจายไปทั่วฐานทัพบนดาวพุธ เหล่าผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาล คนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่แอบแฝงกายคอยควบคุมผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลก็ทำตามคำสั่งในทันที เพราะผลประโยชน์และความหิวกระหาย สงครามใหญ่ครั้งที่สองก็อุบัติขึ้นในอารยธรรมสหพันธรัฐ!

ศึก ณ ดาวศุกร์ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!

ตระกูลไม่สิ้นและสำนักวังเต๋าไพศาลดูจะมั่นใจในชัยชนะของตน พวกเขาเชื่อมั่นว่าต้องชนะสงครามครั้งนี้แน่นอน เรื่องเดียวที่เป็นกังวลคือจะทำเช่นไรจึงจะสูญเสียน้อยที่สุดแต่ได้มาซึ่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ระเบิดต้านทานวิญญาณของสหพันธรัฐทำให้พวกเขาระแวดระวังเป็นอย่างมาก

พวกเขาตระหนักถึงพลังของระเบิดต้านทานวิญญาณ รวมถึงการที่สหพันธรัฐ…พร้อมเสี่ยงทุกอย่างในสงครามครั้งนี้!

ยกตัวอย่างเช่น…การระเบิดดาวเคราะห์ทั้งดวงเพื่อสังหารศัตรู!

กลยุทธ์ทำลายตนเองที่สร้างความเสียหายให้กับทั้งฝ่ายของตนและฝ่ายของศัตรูสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้สำนักวังเต๋าไพศาลและตระกูลไม่รู้สิ้น

ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใดโยวหรันถึงไม่ได้โจมตีดาวศุกร์อย่างเต็มกำลังในทันทีแม้จะยึดดาวพุธมาได้ เขารอจนเรือบินรบเต๋ามรณะฟื้นฟูสภาพจนถึงจุดที่สามารถเอาชนะพลังระเบิดตัวเองของดาวศุกร์ได้ก่อน จึงค่อยเปิดฉากโจมตี

สหพันธรัฐเองก็รู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ เป้าหมายหลักของศึกครั้งนี้คือหาทางระเบิดดาวศุกร์ให้ได้ และสร้างความเสียหายต่อสำนักวังเต๋าไพศาลให้ได้มากที่สุด

เป็นเรื่องยากที่จะทำเช่นนั้น แม้จะเตรียมการมาพร้อมสรรพแต่พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ หากระเบิดเร็วเกินไป พลังทำลายตัวเองอาจกลายเป็นของสูญเปล่า แต่ถ้าช้าเกินไป…ก็อาจเสียโอกาสในการสั่งระเบิดไปเลยก็เป็นได้

เพราะเหตุนี้หลี่ซิงเหวินและต้วนมู่ฉีจึงเรียกปราการดวงจันทร์มาเพื่อต้านเรือบินรบของโยวหรันและเปิดโอกาสให้ระเบิดดาวศุกร์

ทางสหพันธรัฐรายงานให้หวังเป่าเล่อทราบทันทีที่พบการเคลื่อนไหวของกองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลและตระกูลไม่รู้สิ้น พวกเขาเร่งชายหนุ่มเพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะมาถึงได้ทันเวลา

หลี่ซิงเหวิน ต้วนมู่ฉี และผู้นำคนอื่นๆ สั่งให้ผู้ฝึกตนสหพันธรัฐและเรือบินรบทั้งหมดถอยกลับมาตั้งแนวป้องกันรอบดาวศุกร์ แนวป้องกันที่แข็งแกร่งเก้าแถวตั้งเรียงรายรอฟังคำสั่งต่อไป กลไกทุกอย่างเปิดทำงาน วงแหวนปราณและวัตถุเวททางการทหารขนาดใหญ่จำนวนมากเปิดทำงานเตรียมไว้เช่นกัน

กลุ่มย่อยมากมายของผู้ฝึกตนนับหมื่นกระจายอยู่ในห้วงอวกาศรอบดาวศุกร์ พวกเขาคือดาบแรกในศึกครั้งนี้ โดยมีประมุขสำนักสวีจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพและต้นไม้ยักษ์เป็นคนนำทัพ

เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณมีหน้าที่คุมเหล่ากลุ่มย่อย หลี่ซิงเหวินรับผิดชอบการเปลี่ยนแนวป้องกัน ส่วนต้วนมู่ฉีคอยคุมจังหวะการรบ

นอกจากนี้ยังมีเฟิ่งชิวหรันที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณเพียงคนเดียวประจำอยู่ในฐานทัพ หลังจากพักผ่อนอยู่นาน พลังปราณของนางก็ฟื้นฟูจนเกือบจะครบสมบูรณ์ ภารกิจของนางคือใช้พลังเสริมจากระบบสุริยะและเคล็ดวิชาของตนเองสร้างร่างแยกจำนวนมากออกมาต่อกรกับเหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณของตระกูลไม่รู้สิ้น!

เป็นหน้าที่อันหนักอึ้งที่สุดแสนจะสำคัญ!

ขณะที่ดาวศุกร์ตั้งแนวรับเต็มกำลัง กองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลก็เคลื่อนทัพออกจากดาวพุธ เหล่ากองทัพมารวมพลและตั้งเป็นแนวโจมตีมุ่งหน้าตรงไปยังดาวศุกร์ วันที่ทั้งสองกองกำลังจะเข้าปะทะกันเริ่มใกล้เข้ามา ในห้วงอวกาศระหว่างโลกและดาวศุกร์ หวังเป่าเล่อกำลังคุมปราการดวงจันทร์มุ่งหน้าไปหาดาวศุกร์ เขาต้องเผชิญกับเรื่องที่ยากจะตัดสินใจได้

“เจ้าเมืองหวัง ด้วยความเร็วของดวงจันทร์ในตอนนี้ พวกเราต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสัปดาห์ถึงจะเข้าไปใกล้แนวป้องกันของดาวศุกร์ได้!”

“ถึงจะยอมเสี่ยงทุกอย่างและเร่งเครื่องจนเกินกำลังก็ร่นระยะลงมาเต็มที่ได้แค่สิบวันถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น การใช้เครื่องยนต์อย่างหนักมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เครื่องไม่เสถียร…ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ดวงจันทร์อาจทลายลงได้ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง”

หวังเป่าเล่อที่อยู่ในศูนย์บัญชาการมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะฟังการรายงาน

หลี่ซิงเหวินบอกเขาว่าให้มาถึงภายในสองสัปดาห์ แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าในสนามรบนั้นไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ ถ้าโชคดีก็คงไม่เกิดสิ่งไม่คาดคิด แต่ถ้าสำนักวังเต๋าไพศาลและตระกูลไม่รู้สิ้นมาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้และเริ่มโจมตีก่อนที่ปราการดวงจันทร์จะไปถึง สหพันธรัฐจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่

พวกเราต้องไปถึงให้เร็วที่สุด… หวังเป่าเล่อหรี่ตาที่ฉายแสงแห่งความมุ่งมั่น เขารีบสั่งให้เตรียมพร้อมรับมือกับการเร่งเครื่องยนต์เกินขีดจำกัด กลุ่มผู้ฝึกตนในศูนย์บัญชาการดูลังเลใจเมื่อได้ยินคำสั่งแต่ก็เลือกที่จะทำตาม ดวงจันทร์ที่กำลังเคลื่อนผ่านห้วงอวกาศพลันสั่นไหวเมื่อเครื่องยนต์ถูกเร่งพลังเพิ่มอีกครั้ง ก่อนหน้านี้มันเคลื่อนที่ไปด้วยแรงส่งที่ปล่อยออกมาเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้ได้แรงส่งอย่างต่อเนื่องพาขับเคลื่อนไปด้านหน้า

เสียงกัมปนาทดังสนั่นทั่วดวงจันทร์เมื่อความเร็วเพิ่มสูงขึ้นทวีคูณ คลื่นพลังงานพัดกระจายไปไม่หยุดขณะดวงจันทร์พุ่งตรงไปหาดาวศุกร์

เวลาผ่านไป ประชาชนชาวสหพันธรัฐต่างจับจ้องไปยังดาวศุกร์ไม่วางตา ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่บนโลกหรือดาวอังคารล้วนพุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้ ณ ดาวศุกร์ที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเขาเฝ้ามองด้วยความทุกข์ที่ซุกซ่อนความหวังอยู่ภายใน

หกวันบนโลกผ่านไป ในวันที่เจ็ด ศึก ณ ดาวศุกร์ก็เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ!

วังวนขนาดใหญ่นับสิบวงปรากฏขึ้นเหนือแนวป้องกันดาวศุกร์ ในวังวนมีสีสันหลากหลาย เรือบินรบสำนักวังเต๋าไพศาลเคลื่อนตัวออกมาจากแสงสีที่ส่องสว่างเหล่านั้น!

กองทัพกลุ่มแรกของตระกูลไม่รู้สิ้นและสำนักวังเต๋าไพศาลคือกองทัพเรือบินรบเต๋าไพศาล พวกมันพุ่งเข้าไปหาแนวป้องกันที่เก้าที่อยู่ด้านนอกสุด

ดาวศุกร์ที่รายล้อมด้วยเรือบินรบสหพันธรัฐจำนวนมากดูพร่ามัวไปจากลำแสงที่พุ่งมาจากวงแหวนปราณและประกายแสงของวัตถุเวท การต่อสู้เปิดฉากขึ้นทันทีที่กองทัพชุดแรกของสำนักวังเต๋าไพศาลมาถึง!

เป็นการต่อสู้อันดุดันและเดือดจัดขึ้นจนถึงขีดสุดเมื่อกองกำลังทั้งสองเข้าปะทะกัน กลุ่มต่อสู้ที่นำโดยต้นไม้ยักษ์และประมุขสำนักสวีเผชิญภัยอันตรายครั้งยิ่งใหญ่ เรือบินรบที่ขนาบสองข้างส่งเสียงดังสนั่นเมื่อเปิดฉากยิง กองทัพผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลพุ่งออกมาจากเรือบินรบ ความกระหายอยากได้แต้มการรบสั่งการให้พวกเขาเข้าโจมตี เสียงปะทะกันดังก้องไปทั่วอวกาศ บริเวณแนวป้องกันที่เก้าเกิดการระเบิดสนั่นหวั่นไหวหลายระลอก

กองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลเป็นเหมือนตั๊กแตนที่กัดกินแนวป้องกันของสหพันธรัฐ พวกเขาไม่ต่างจากคลื่นยักษ์ที่ผลักสหพันธรัฐให้ล่าถอยออกไปเรื่อยๆ แนวป้องกันชั้นที่เก้าตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง แม้ฝั่งสหพันธรัฐจะคอยปรับเปลี่ยนรูปแบบกองกำลังอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถต้านพลังที่เหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัดได้ แนวป้องกันชั้นที่เก้าเริ่มจะทลายลง

พลังจากวงแหวนปราณและอาวุธเวทยังถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง คลื่นคาถายิงแหวกผ่านห้วงอวกาศ ลำแสงเจิดจ้ามากมายระเบิดขึ้นกลางสนามรบ ผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐบางคนเลือกระเบิดพลีชีพตัวเอง จำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ ตั้งแต่การต่อสู้เปิดฉาก

ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในร่างของผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลปรากฏตัวขึ้น เขาคือหนึ่งในผู้ฝึกตนในกลุ่มที่เข้าโจมตีหวังเป่าเล่อและหนีไปได้เพราะโยวหรันมาช่วยไว้ได้ทันเวลา การปรากฏตัวของเขาเป็นเหมือนลูกธนูแหลมคมที่พุ่งผ่านแนวป้องกันที่เก้าเข้ามา และขณะที่กำลังจะพุ่งผ่านไปได้ เฟิ่งชิวหรันซึ่งได้รับคำสั่งมาก็สร้างร่างแยกทะยานออกไปปะทะกับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนนั้น ทั้งสองเปิดฉากต่อสู้กันในทันที!

การต่อสู้ปะทุเดือดจนถึงขั้นสุด ทันใดนั้นวังวนนับสิบก็ปรากฏเพิ่มในห้วงอวกาศ กองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลชุดที่สองเดินทางมาถึง สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไปอีกครั้ง!

ต้วนมู่ฉีเห็นภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมดผ่านวงแหวนปราณระบบสุริยะ ผู้ฝึกตนในสนามรบที่อยู่ทัพหน้าและในกลุ่มย่อยไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ภาพรวมเป็นอย่างไร รู้เพียงแค่ว่า…ต้องสู้ต่อไป!

เจ้าเยี่ยเหมิง หลี่อู๋เฉิน กงเต๋า และคนอื่นๆ อาจไม่ได้ร่วมต่อสู้ในทัพหน้า เพราะอยู่ในกองกำลังช่วยเหลือ แต่พวกเขาต่างก็ตาแดงก่ำด้วยความคลั่งขณะคอยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง สนามรบเต็มไปด้วยเสียงปะทะดุดันที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลง

ระหว่างที่การต่อสู้กำลังคุกรุ่น หวังเป่าเล่อก็มุ่งหน้าไปยังสนามรบด้วยความเร็วสูงสุด สิทธิ์การเข้าถึงที่มีทำให้ชายหนุ่มทราบว่าศึก ณ ดาวศุกร์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หัวใจของเขาเต้นถี่ด้วยความกังวล เหล่าผู้ฝึกตนในปราการดวงจันทร์ได้คำนวณดูแล้วว่าจะต้องใช้เวลาอีกสี่วันจึงจะไปถึงสนามรบได้ด้วยความเร็วในปัจจุบัน

สี่วัน…จะทันไหม หวังเป่าเล่อเงียบไปครู่หนึ่ง แสงแห่งความมุ่งมั่นฉายขึ้นในดวงตา เขารออีกสี่วันไม่ได้ ไม่อยากจะเสี่ยงว่าดาวศุกร์จะทนรับมือต่อไปได้สี่วัน

หากเกิดอะไรไม่ดีขึ้นในสนามรบ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป เขาจะต้องไปถึงสนามรบให้เร็วที่สุดและใช้พลังปราการดวงจันทร์พร้อมกับพลังของตนเข้าต่อสู้ นี่คือทางที่ดีที่สุดที่จะสร้างความได้เปรียบให้สหพันธรัฐ

ทุกคนในศูนย์บัญชาการประจำปราการดวงจันทร์เห็นความมุ่งมั่นในแววตาของหวังเป่าเล่อก็พอจะเดาได้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ ผู้ฝึกตนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว

“เจ้าเมืองหวัง นี่คือแรงขับเคลื่อนเต็มกำลังของปราการดวงจันทร์แล้ว…”

“ไม่จริง!” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้น ในตาฉายแสงแปลกไป เขาหายวับไปท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของฝูงชน ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งกลางอากาศ ชายหนุ่มมองไปยังที่พำนักของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี จากนั้นก็กุมมือโค้งคำนับพร้อมกับพึมพำขึ้น “ศิษย์พี่เฉินโม่เฟิง…ข้าขออภัยที่ต้องรบกวนการพักผ่อนของท่าน!”

หวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังเมล็ดดูดกลืนเต็มกำลังอย่างไม่ลังเลใจ ดอกบัวสีเขียวในกายกวัดแกว่งไปมาอย่างรุนแรง เมล็ดบัวเมล็ดหนึ่งจากนับร้อยพลันระเบิด!

ทันใดนั้น ลึกลงไปในถ้ำของดวงจันทร์ ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีที่กำลังหลับใหลอยู่…ก็ลืมตาตื่นขึ้น!

…………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset