หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 627 ข้ามีแผน!

บทที่ 627 ข้ามีแผน!
“นี่เจ้าเล่นลูกไม้อะไรอีก” หวังเป่าเล่อชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมองต้นไม้ยักษ์เขม็งพลางพ่นลมออกมาทางจมูก

“เจ้าจะใช้สตรีมายั่วยวนข้าอย่างนั้นหรือ ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวังเต๋าไพศาล ข้าจะไปทำ… ฮืม” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว ชายหนุ่มกำลังจะรับบทบาทผู้ทรงคุณธรรมก่อนจะดุด่าต้นไม้ยักษ์ แต่ก็พลันหยุดชะงัก กะพริบตา ก่อนจะนิ่งเงียบครุ่นคิด

ต้นไม้ยักษ์สังเกตเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงจากหวังเป่าเล่อแล้วก็ลอบถอนใจอยู่ลับๆ ดูเหมือนว่าเขาจะล้ำเส้นไปแล้ว การตัดสินใจที่หุนหันทำให้เขาเผยแผนที่แท้จริงออกไป

หวังเป่าเล่อนี่ไม่ใช่คนที่ต่อรองด้วยได้ง่ายๆ จริงๆ…ต้นไม้ยักษ์รำพึงกับตนเอง เขาเพิ่งมารู้สึกตัวว่าควรจะใช้วิธีอื่นในการชนะใจอีกฝ่าย หวังเป่าเล่อนั้นมีทั้งสติปัญญาและทรัพย์สินเงินทอง ราวกับว่าต้นไม้ยักษ์กำลังพยายามจะต่อรองกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกระนั้น

ขณะที่ต้นไม้ยักษ์กำลังจมดิ่งอยู่ในความคิด ลมหายใจของหวังเป่าเล่อก็เริ่มจะถี่เร็วขึ้น นัยน์ตาของชายหนุ่มฉายแววกล้าขณะที่สมองก็เริ่มทำงานอย่างหนัก คำพูดของต้นไม้ทำให้เขาคิดแผนออกมาได้แผนหนึ่ง!

หากข้ามีลูกบุญธรรมบ้าง แล้วให้นางไปเป็นเนื้อคู่แห่งเต๋ากับหลี่อู๋เฉิน เขาก็จะต้องเคารพข้าและเรียกข้าว่าพ่อบุญธรรมทุกๆ ครั้งที่พบกัน…

ต่อให้เขาได้ความทรงจำกลับคืนมาและกลายมาเป็นศิษย์แห่งเต๋า เขาก็ยังต้องเคารพข้าอยู่นั้นเอง…หวังเป่าเล่อเริ่มตื่นเต้นกับแผนการณ์นี้ ถือว่าเป็นการรับรองความปลอดภัยหากเขาสามารถทำได้สำเร็จ ไม่ว่าหลี่อู๋เฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด หวังเป่าเล่อก็จะเป็นผู้ใหญ่สำหรับเขาไปตลอด

ต้องได้ผลแน่นอน!

หวังเป่าเล่อหายใจถี่ ชายหนุ่มแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าจนต้นไม้ยักษ์แอบมองเห็น ทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงักงันไป ต้นไม้ยักษ์เริ่มสงสัยเมื่อหวังเป่าเล่อระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดั่งสนั่น ชายหนุ่มยกมือตบไหล่ต้นไม้ยักษ์อย่างแรง สายตาเปี่ยมไปด้วยความยอมรับ

“ต้นหอมหมื่นลี้สหายร่วมสำนักเต๋าเอ๋ย ท่านช่างเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์แถมยังช่างสังเกต เก่งมาก ดีมาก ข้าคาดหวังกับท่านสูงจริงๆ!” หวังเป่าเล่อหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะยกมือไพล่หลัง แล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้ต้นไม้ยักษ์ยืนกะพริบตาจ้องมองอยู่เบื้องหลัง ต้นไม้ยักษ์เริ่มจะสงสัยมากขึ้นทุกที เขาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเริ่มสงสัยว่าหวังเป่าเล่อกำลังบอกใบ้อะไรเขาอยู่หรือเปล่า…

หวังเป่าเล่อเมินต้นไม้ยักษ์ผู้กำลังคาดเดาสถานการณ์ไปต่างๆ นาๆ ไปเสียสิ้น ชายหนุ่มเริ่มก้าวย่างต่อไปพร้อมกับวาดฝันแผนการณ์สมบูรณ์แบบอยู่ในใจ ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันช่างสมเหตุสมผลมากขึ้นเท่านั้น ด้วยความตื่นเต้น หวังเป่าเล่อก็เริ่มคิดถึงบุคคลที่เหมาะสมจะมาเป็นลูกบุญธรรมของเขา คนแรกที่เขานึกไปถึงคือหลี่อี้

ไม่ได้ๆ นางหน้าอกใหญ่แต่ไร้สมอง หากข้ารับนางมาเป็นลูกบุญธรรมแล้วจับคู่นางกับหลี่อู๋เฉิน นางจะต้องบังคับหลี่อู๋เฉินให้กำจัดข้าแน่นอน ต่อให้ข้าเป็นพ่อแท้ๆ ของนางก็เถอะ!

หวังเป่าเล่อส่ายศีรษะดิก ชายหนุ่มคิดอยู่ชั่วอึดใจและจึงนึกถึงหญิงสาวอารมณ์ร้อนจากสำนักสหชุมนุมสกุณาขึ้นมาได้ คนที่ตัวสูงใหญ่ รูปร่างกำยำ และโผงผางตรงไปตรงมา นางดูจะเป็นคู่ที่เหมาะกันดีกับหลี่อู๋เฉิน

นางก็ไม่ได้ หลี่อู๋เฉินชอบสาวงามตามขนบ หากข้าจับคู่เขากับนาง…เขาอาจจะเกลียดข้ายิ่งกว่าเดิมก็เป็นได้ หวังเป่าเล่อเริ่มปวดศีรษะ ชายหนุ่มไม่ค่อยมีหัวเรื่องการเมืองในแง่นี้เท่าใดนัก เขาเหลือบตาออกไปมองด้านข้าง ก่อนที่จะตาเป็นประกายเมื่อมองไปเห็นต้นไม้ยักษ์

ตาเฒ่าคนนี้ดูเหมือนจะมีความคิดชั่วๆ อยู่เต็มศีรษะ ข้าควรจะมอบหมายงานนี้ให้กับเขา เขาจะต้องทำได้ดีแน่นอน หวังเป่าเล่อยิ้มออกมาได้ ชายหนุ่มจ้องมองไปทางต้นไม้ยักษ์ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“สหายร่วมสำนักเต๋าต้นหอมหมื่นลี้”

ต้นไม้ยักษ์กำลังจมจ่อมอยู่ในความคิดพลางจ้องมองดูหวังเป่าเล่ออย่างระแวดระวังอยู่ตลอด เมื่อมองเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของหวังเป่าเล่อ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นผ่านศีรษะเขาอย่างรวดเร็ว เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบกุลีกุจอยกมือคารวะ

“ท่านเรียกข้าว่า ‘สหายร่วมสำนักเต๋า’ นั้นมากมายเกินไป ตัวข้ามิบังอาจรับตำแหน่งดังกล่าวได้ ผู้อาวุโส โปรดเรียกข้าว่า ‘ต้นหอมหมื่นลี้น้อย’ เถิดขอรับ”

หวังเป่าเล่อพึงใจกับความถ่อมตัวของต้นไม้ยักษ์ เจ้าต้นไม้ยักษ์นี่ก็ไม่เลวเลย ทั้งทำตามคำสั่งแถมยังรู้จักที่ต่ำที่สูง ทำให้หวังเป่าเล่อพอใจจนต้องยิ้มออกมาอ่อนๆ

“ตกลง ต้นหอมหมื่นลี้น้อย ข้ามีงานให้เจ้าทำ”

“ข้าน้อยพร้อมน้อบรับคำบัญชา!” ต้นไม้ยักษ์ตัวสั่น ก่อนจะตอบอย่างหนักแน่นและเคารพนบนอบเป็นที่สุด

“งานนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ข้ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐกลุ่มที่สาม เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อเขา เขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ หลี่อู๋เฉิน” หวังเป่าเล่อพูดอย่างแช่มช้า ขณะที่จ้องมองต้นไม้ยักษ์ไปด้วย

ต้นไม้ยักษ์ไม่กล้าคาดเดาอะไรไปก่อน และยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่เช่นนั้น เขาไม่กล้าถามคำถามหรือสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างหวังเป่าเล่อกับหลี่อู๋เฉิน เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องการจะสร้างเกราะป้องกันให้กันตนเอง เขาจะต้องไม่ถามคำถามและไม่คาดเดาอะไรไปมากมาย สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือทำตามคำสั่งของหวังเป่าเล่อเท่านั้น

“ข้ารู้จักศิษย์น้องหลี่อู๋เฉินมาเป็นเวลาพักใหญ่แล้ว ตัวเขาเองไม่มีคู่ครองมานานหลายปี ข้าทนเห็นเขาเหงาใจอยู่เช่นนี้ไม่ได้ ทำไมเจ้าไม่จัดการหาศิษย์สตรีมาให้เขารู้จักเล่า…เจ้าเข้าใจที่ข้ากำลังจะสื่อหรือไม่” ตามหลักการของอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องพูดจาสั่งการให้เป็นกิจลักษณะในทุกๆ เรื่อง นอกจากจะเป็นการทดสอบความรอบรู้ของลูกน้องแล้ว ยังเป็นการป้องกันตนเองไปในตัวด้วย

หวังเป่าเล่อยึดหลักการนี้เมื่อเขาพูดกับต้นไม้ยักษ์

ต้นไม้ยักษ์นั้นเคยเป็นถึงรองเจ้านครอาณานิคมแห่งดาวอังคาร แม้จะไม่ได้เป็นมนุษย์มาจากสหพันธรัฐ แต่ก็ดำรงตำแหน่งอยู่หลายต่อหลายปี เขายังฉลาดเฉลียวแถมยังรู้นอกในของสหพันธรัฐเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น และได้ใคร่ครวญอยู่ชั่วอึดใจ ต้นไม้ยักษ์ก็ยกมือขึ้นประสานและรับคำทันที

“ผู้อาวุโสขอรับ ความห่วงใยที่ท่านมีต่อหลี่อู๋เฉินอย่างจริงใจซาบซึ้งใจข้ายิ่งนัก ข้าเป็นคนใหม่ในสำนักวังเต๋าไพศาลแถมยังไม่รู้จักนิสัยใจคอว่าหลี่อู๋เฉินชอบสิ่งใด ข้าคงจะต้องขอรบกวนท่านบ่อยๆ ข้าต้องขออนุญาตและขออภัยล่วงหน้าด้วย”

นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกายเมื่อได้ยินสิ่งที่ต้นไม้ยักษ์พูด ความหมายโดยตรงของคำพูดเหล่านั้นไม่สำคัญเท่าความหมายแฝง ต้นไม้ยักษ์กำลังบอกหวังเป่าเล่อว่าเขารู้แผนของชายหนุ่มดีและจะจับตาดูหลี่อู๋เฉินพร้อมรายงานทุกความเคลื่อนไหว รวมไปถึงว่าศิษย์สตรีคนใดที่อีกฝ่ายเลือกจะสายสัมพันธ์ด้วย

“สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและปลอดภัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกตนในระดับสูงเช่นข้า ได้โปรดอย่ารบกวนการฝึกปราณของข้าบ่อยนักเล่า” หวังเป่าเล่อพูดอย่างเนิบๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

ต้นไม้ยักษ์พยักหน้ารับรู้ เขาได้แปลสิ่งที่หวังเป่าเล่อเพิ่งพูดมาในใจเรียบร้อย ชายหนุ่มบอกเขาเป็นนัยๆ ว่า…เขาควรจะจับตาดูหลี่อู๋เฉินไว้ และไม่ต้องกังวลเรื่องการรบกวนหวังเป่าเล่อ ต้นไม้ยักษ์ควรต้องคิดหาทางทำงานให้สำเร็จเท่านั้น หาไม่แล้ว ต้นไม้ยักษ์เองจะได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมการฝึกปราณที่อันตรายและไม่เงียบสงบอย่างแน่นอน

ทั้งคู่เดินทางอย่างรวดเร็วมาเป็นเวลาร่วมสองสัปดาห์จนในที่สุดก็กลับมาถึงสำนักวังเต๋าไพศาล ทันทีที่กลับมาถึง ต้นไม้ยักษ์ก็จัดแจงไปทำตามประสงค์ของหวังเป่าเล่อในทันที เขาได้วางแผนอย่างละเอียดเอาไว้ตั้งแต่ช่วงการเดินทางขากลับ ต้นไม้ยักษ์ได้รับการหนุนหลังจากผู้อาวุโสสูงสุด ทำให้อะไรๆ ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา

ระดับปราณที่สูงพอควรทำให้ต้นไม้ยักษ์ยักษ์เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดจากสหพันธรัฐรองจากหวังเป่าเล่อและประมุขสำนักสวี สำนักวังเต๋าไพศาลเองก็ได้ทำการศึกษาต้นไม้ยักษ์มาพอสมควรเช่นกัน พวกเขารู้ว่าชายคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ และไม่ได้มีร่างกายที่ประกอบขึ้นมาจากเลือดเนื้อเช่นคนธรรมดา เขาเคยเป็นต้นไม้ที่ได้พัฒนาตนขึ้นมาเป็นผู้ฝึกปราณ และยังมีคุณสมบัติแปลกประหลาดอีกหลายประการด้วยกัน

ในช่วงหลายวันต่อมา หวังเป่าเล่อก็ปล่อยวางเรื่องนี้และหันไปเริ่มฝึกปราณต่อ เขาอยากจะใช้แขนขวาของศิษย์แห่งเต๋าที่เพิ่งจะผสานรวมกับเกราะจักรพรรดิให้เคยชิน ชายหนุ่มทดลองใช้พลังของแขนอยู่หลายครั้งเพื่อทดสอบขีดจำกัดของพลัง และความทนทานของตัวเขาเองด้วย

หลังจากที่ทดลองไปหลายครั้ง หวังเป่าเล่อก็สรุปว่าเขาสามารถใช้พลังจากแขนได้สามครั้ง การโจมตีแต่ละครั้งนั้นทั้งน่ากลัวและน่าตื่นตาตื่นใจพอๆ กัน เป็นการโจมตีที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง…ที่จะทำลายซุนไห่จนไม่เหลือแม้แต่ซาก!

ความชำนาญของหวังเป่าเล่อในการใช้กระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงและดัชนีอัสนีนิรันดร์ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น การผสานรวมเอาแขนข้างนั้นและเกราะจักรพรรดิสร้างแรงบรรดาลใจให้ชายหนุ่ม เขาดึงเอาศพของอสูรเขี้ยวดาราในระดับจิตวิญญาณอมตะที่เขาเก็บกู้มาจากดาวอสูรเขี้ยวดาราออกมา และพยายามจะผสานรวมศพนั้นสองนั้นเข้ากับเกราะ ความพยายามนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ

บางทีที่ข้าทำสำเร็จอาจเป็นเพราะว่าแขนที่หักข้างนั้นเป็นอาวุธเวทกระมัง หวังเป่าเล่อคิด แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ชายหนุ่มก็ต้องยอมแพ้ เขาใช้สถานะผู้อาวุโสเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการหลอมหุ่นเชิด แม้จะได้ข้อมูลมาบ้าง แต่หวังเป่าเล่อก็ยังต้องการเวลาเพื่อจะค้นคว้าและทำการทดลองเพิ่มเติมเพื่อทำให้สำเร็จ

สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือการเตรียมตัวสำหรับการบรรลุขั้นจุติวิญญาณเท่านั้น!

สิทธิพิเศษในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของหวังเป่าเล่อทำให้เขาสามารถเข้าถึงจารึกที่พูดถึงวิธีการบรรลุขั้นจุติวิญญาณได้มากมาย รวมไปถึงจารึกที่พูดเรื่องประเภทของวิญญาณจุติ ซึ่งมีอยู่กว่า 300 ชนิดด้วยกัน ทั้งหมดแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย การตัดสินใจเลือกวิญญาณจุติประเภทหนึ่งอาจจะกำหนดอนาคตของผู้ฝึกตนได้เลยทีเดียว

หวังเป่าเล่ออ่านข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณจุติหลากหลายประเภทเพื่อประกอบการตัดสินใจ ชายหนุ่มถึงกับเรียกแม่นางน้อยมาถาม นางให้ชื่อวิญญาณจุติมาหลากหลายชนิด จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมประสบการณ์ว่า หากหวังเป่าเล่อสามารถหลอมหนึ่งในบรรดาวิญญาณจุติที่นางเสนอมาสิบกว่าชนิดนี้ได้ นางก็จะมีวิธีช่วยยกระดับคุณภาพของวิญญาณนั้นให้ได้ จะเป็นการเกื้อกูลอนาคตของหวังเป่าเล่อได้อย่างมากทีเดียว!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset