หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 588 เซี่ยไห่หยางผู้วิตกกังวล!

บทที่ 588 เซี่ยไห่หยางผู้วิตกกังวล!

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนจำนวนมากทั้งชายหญิง จากพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐรุ่นที่สองก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกกระทู้หาคู่ หาเพื่อน และความบันเทิงด้วย รูปร่างหน้าตาที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาก่อให้เกิดกระแสความนิยมขึ้นในกระทู้นั้น

หลังจากนั้น จินตั้วหมิงก็เชิญศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลจำนวนหนึ่งเข้ามาเป็นสมาชิกเช่นกัน ในทางนี้ ในเวลาเพียงครึ่งเดือน ร่วมกับกระแสของการผลักดันกิจกรรมในกระทู้ซุบซิบ ทำให้เครือข่ายวิญญาณได้รับความนิยมมหาศาล

ศิษย์รับรู้เกี่ยวกับเครือข่ายวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนไม่น้อยก็เริ่มเข้าร่วมและอ่านเนื้อหาด้านใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจินตั้วหมิงได้จัดการนัดบอดครั้งใหญ่ขึ้นมา…

ในเวลาไม่ถึงสองเดือน ขณะที่หวังเป่าเล่อยังคงพยายามควบคุมพลังปราณของตน จินตั้วหมิงก็สร้างความโกลาหลให้กับศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลทั้งหลาย เขาเกิดมีชื่อเสียงขึ้นมา และในเวลาเดียวกับ เครือข่ายวิญญาณก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของบรรดาศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลเป็นที่เรียบร้อย!

แต่ทว่า ศิษย์จำนวนมากก็ใช้เพื่อความสนุกเท่านั้น ไม่ใช่ของที่จะขาดไม่ได้ จนกระทั่งประมุขสำนักสวีติดต่อไปหาเฟิ่งชิวหรัน หลังจากที่เฟิ่งชิวหรันให้การรับรอง จินตั้วหมิงก็เปิดกระทู้ที่สามที่สำคัญที่สุดในเครือข่ายวิญญาณ!

ได้แก่…กระทู้สำหรับการซื้อขายบริการและสินค้า!

สินค้าจากสหพันธรัฐและสมบัติเวทจำนวนมากปรากฏขึ้นบนกระทู้ในทันที ในเวลาเดียวกันก็ยังมีขนมจำนวนมากปรากฏขึ้นเป็นราบวัน จินตั้วหมิงมุ่งเน้นสินค้าอุปโภคบริโภครายวัน เขาได้ทำการศึกษามาเป็นอย่างดีและพบว่าการฝึกปราณของสหพันธรัฐไม่ได้เป็นที่นิยมกันนักในสำนักวังเต๋าไพศาล แม้ศิษย์จากสหพันธรัฐอาจจะไม่มีฝีมือในการหลอมวัตถุเวทสูงนัก แต่กลับเก่งเรื่องการทำสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นอย่างยิ่ง

ในเวลาเดียวกัน จินตั้วหมิงยังจับตามองแผ่นหินรับภารกิจอีกด้วย ด้วยความสนับสนุนจากประมุขสำนักสวีผนวกกับการสนับสนุนอย่างเงียบๆ ของเฟิ่งชิวหรัน จินตั้วหมิงก็คัดลอกแผ่นหินไปลงในเครือข่ายวิญญาณ ทำให้ศิษย์ทุกคนสามารถรับภารกิจผ่านเครือข่ายวิญญาณได้!

หากเพียงแค่นั้นก็คงไม่สำคัญเท่าใดนัก เพราะว่าในถ้ำที่พักทุกแห่งก็มีแผ่นหินรับภารกิจขนาดย่อมๆ อยู่แล้ว แม้ว่าจะใช้ทำภารกิจให้สำเร็จและบันทึกไม่ได้ แต่ก็ยังสามารถใช้ตรวจสอบและรับภารกิจได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่จินตั้วหมิงทำก็คือการนำเอาความสะดวกสบายมาให้

แต่ทว่า สำหรับจินตั้วหมิงแล้ว เขารู้ดีว่าเป้าหมายหลักของเครือข่ายวิญญาณก็คือการนำเอาความสะดวกสบายมาให้ผู้คน แม้จะสบายขึ้นเพียเล็กน้อย แต่สำหรับจินตั้วหมิงก็ถือว่าประสบความสำเร็จ!

นั่นก็เพราะว่าสำหรับเขา อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลก็คือความสะดวกสบายนั่นเอง เมื่อใดก็ตามที่ทุกคนเคยชินกับมัน ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนนิสัยไป กลายเป็นว่าความเปลี่ยนแปลงจะกลายเป็นเรื่องยากจะยอมรับ

สิ่งนี้ก็เป็นแผนของเขาเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เป้าหมายที่เขาได้รวมเอาข่าวและเรื่องซุบซิบเอาไว้ก็เพื่อให้ทุกคนรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องเดินออกจากบ้านหรือถามคนอื่นๆ นัดบอดและกระทู้หาเพื่อนก็บรรลุเป้าหมายนี้เช่นกัน มันไหลเข้าไปรวมกับชีวิตประจำวันของบรรดาศิษย์ จนกระทั่งมีเพียงชุมชนเท่านั้น ไม่เหลือผู้คนอยู่เดี่ยวๆ อีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกระทู้สำหรับการซื้อขายบริการและสินค้า ซึ่งนำเอาความสะดวกสบายมาสู่ทุกผู้คนอย่างตรงไปตรงมาที่สุด เพราะฉะนั้น การเกิดขึ้นของเครือข่ายวิญญาณก็จึงมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสำนักวังเต๋าไพศาล ที่แม้จะเหนือกว่าในด้านการฝึกปราณแต่ไม่ใช่ในด้านคุณภาพชีวิต ผลกระทบนี้รุนแรงเสียจนรุนแรงกว่าระเบิดต้านทานวิญญาณเสียอีก!

และด้วยเหตุนี้เอง เครือข่ายวิญญาณก็กลายเป็นสิ่งยอดนิยมในสำนักวังเต๋าไพศาล กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณบางคนก็ยังเปิดเข้าไปดู และก็ต้องติดงอมแงมเช่นกัน

ในแง่หนึ่ง ความสะดวกสบายที่เครือข่ายวิญญาณนำมาให้ทุกคนนี้ทำให้การควบรวมสหพันธรัฐและสำนักวังเต๋าไพศาลสำเร็จไปแล้วในขั้นแรก อาจจะพอจินตนาการได้ว่าหากศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลติดเริ่มติด เครือข่ายวิญญาณก็จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขาอย่างถาวร

เมื่อทุกๆ อย่างดำเนินการไปตามแผน ระบบการชำระเงินที่ใช้กับเครือข่ายวิญญาณ กระทู้ต่างๆ ก็มีค่าธรรมเนียมการใช้ที่แม้จะไม่แพงนัก จินตั้วหมิงก็ยังสามารถจะหาแต้มการรบปริมาณมหาศาลได้ในระยะเวลาอันสั้น

หวังเป่าเล่อมองเครือข่ายวิญญาณเติบโตจากความหว่างเปล่าไปสู่ความยิ่งใหญ่ ความรู้สึกคุกคามที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้ยิ่งทวีคูณขึ้น เครือข่ายวิญญาณและจินตั้วหมิงกลายมาเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม แต่ทว่า จินตั้วหมิงนั้นเป็นคนที่สามารถจัดการกับเรื่องแบบนี้ได้ดีอยู่แล้ว ชายหนุ่มส่งมอบสิทธิถือครองเครือข่ายวิญญาณมาให้หวังเป่าเล่อจำนวนหนึ่งด้วย

ในขณะเดียวกัน ประมุขสำนักสวีแห่งสำนักรุ่งสางจักรพิภพเองก็มีส่วนสำคัญ เขาส่งสิทธิถือครองเครือข่ายวิญญาณมาให้เมี่ยเลี่ยจื่อและศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน และที่สำคัญคือผู้อยู่เบื้องหลังเช่นเฟิ่งชิวหรันด้วย

ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณคนอื่นๆ ก็ได้รับสิทธิถือครองบางส่วนเช่นกัน สิทธิราวร้อยละเจ็ดสิบถูกกระจายออกไป ส่วนที่เหลืออีกร้อยละสามสิบเป็นของจินตั้วหมิง แต่ก็เพียชั่วคราวเท่านั้น ตามแผนของประมุขสำนักสวี หากมีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณเกิดขึ้นมาใหม่ในอนาคต พวกเขาก็จะได้รับสิทธิถือครองและผลประโยชน์ด้วยทันที

แผนนี้จะไม่มีทางสำเร็จได้เลยหากคนอื่นรับไปทำ แต่ทว่า จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างประมุขสำนักสวีแห่งสำนักรุ่งสางจักรพิภพ กลับจัดการได้อย่างเรียบเนียน อย่างไรเสีย เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งยุคกำเนิดวิญญาณของสหพันธรัฐ อีกทั้งยังเป็นผู้นำของสำนักอีกด้วย เขาจึงทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งสามารถยิ่ง

แม้ว่าเขาจะมีอคติอยู่บ้าง แต่สวีหยุนคุนก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะต่อต้านสหพันธรัฐ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ ณ สำนักวังเต๋าไพศาลเขาจึงจัดการงานทุกอย่างโดยมีผลประโยชน์ของสหพันธรัฐอยู่ในใจ แม้กระทั่งหวังเป่าเล่อก็ยังต้องยอมรับกับวิธีการที่เขาจัดการปัญหาหลังจากที่ได้รับรู้ผ่านสายของเขา

คงจะน่ากลัวยิ่งหากคนเช่นเขากลายเป็นศัตรูกับข้า ข้าคงจะต้องหาทางสังหารเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงจะต้องระแวดระวังไปตลอด แต่ทว่า ขณะนี้เราอยู่ฝ่ายเดียวกัน ข้าค่อยโล่งใจ…หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งถือสิทธิถือครองอยู่รู้ดีว่าแม้ดูเผินๆ เหมือนจินตั้วหมิงจะเป็นผู้ครองอำนาจ แต่บุคคลทรงอำนาจตัวจริงต้องเป็นประมุขสำนักสวีแน่นอน

เห็นได้ชัดว่าเครือข่ายวิญญาณนั้นเป็นอาวุธทรงพลังที่สหพันธรัฐเตรียมไว้ในคราวนี้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นอะไร หวังเป่าเล่อก็จะไม่ขัดขวาง แต่ทว่า ชายหนุ่มก็วิตกกังวลมากที่เห็นแต้มการรบของจินตั้วหมิงมีมากขึ้นทุกวันๆ แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะมีสิทธิถือครองอยู่ถึงร้อยละสิบก็ไม่พอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจินตั้วหมิงเริ่มส่งเคล็ดวิชาฝึกปราณกลับไปยังสหพันธรัฐ

ภายในเวลาไม่กี่เดือน ชายคนนั้นก็ส่งเคล็ดวิชาฝึกปราณลงไปกว่ายี่สิบชิ้นด้วยกัน!

เจ้าผู้นี้อยากจะแย่งชิงตำแหน่งผู้นำของสหพันธรัฐกับข้าจริงงั้นหรือ ต้วนมู่น้อย นี่คือทางออกของเจ้างั้นหรือ เจ้าทำให้ข้ากังวลแล้ว! ข้าจะอัดเจ้าให้ยับทันที่ข้ากลับไปเลย หวังเป่าเล่อวิตกเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งเมื่อเขาได้คิดว่าเขาสามารถจะอัดต้วนมู่ฉีให้ยับได้ด้วยพลังการยุทธของเขาในตอนนี้ได้ เขาก็ยิ่งอยากจะทำยิ่งขึ้นไปอีก

แต่ว่าเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ข้าก็ควรจะเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดในสหพันธรัฐไม่ใช่หรือ หวังเป่าเล่อกะพริบตาและเริ่มรู้สึกตื่นเต้น

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังใคร่ครวญการกลับไปทำตามแผนการของเขา ณ สหพันธรัฐ ก็มีใครอีกคนในสำนักวังเต๋าไพศาลที่วิตกยิ่งไปเสียกว่าเขาอีก

คนๆ นั้นก็คือ…เซี่ยไห่หยางนั่นเอง!

การมาของเครือข่ายวิญญาณทำให้เซี่ยไห่หยางเสียหายหนักที่สุด ความลับที่เขาถือครองอยู่ก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยกระทู้ข่าวซุบซิบ ขณะที่กระแสธารของธุรกิจที่เขาถือครองอยู่ก็ถูกแทนที่ด้วยกระทู้การซื้อขายบริการและสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระทู้การซื้อขายบริการและสินค้า มีศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลบางคนที่โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการซื้อขายบริการ เท่ากับทำลายรายได้หลักของเซี่ยไห่หยางไปโดยปริยาย

ทำลายรายได้ของข้าเช่นนี้เลวร้ายราวกับสังหารบุพการีก็ไม่ปาน! เซี่ยไห่หยางตาแดงก่ำ ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและมีรายได้ผ่านเส้นสายของเขาเท่านั้น ไม่อาจจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอย่างที่เคยเป็นมาได้อีกแล้ว

เพราะฉะนั้น ในความเคร่งเครียดอย่างหนักนั้นเอง เขาจึงไปหาหวังเป่าเล่อ

“เป่าเล่อ เจ้าประมุขสำนักสวีจากสหพันธรัฐนี่เก่งเกินไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ธุรกิจข้าไปไม่รอดแน่นอน ตำแหน่งผู้นำแห่งสหพันธรัฐก็จะตกไปอยู่ในมือของจินตั้วหมิง พวกเราต้องร่วมมือกันแล้ว!” จากการตีความของเซี่ยไห่หยาง ไม่ว่าสหพันธรัฐกำลังทำสิ่งใดอยู่หวังเป่าเล่อก็จะต้องอยู่ฝ่ายนั้นเสมอ แต่หวังเป่าเล่อกลับตกลงเรื่องมือกับเซี่ยไห่หยางทันที แต่ทว่า ช่างน่าเสียดาย ที่อย่างไรเสียชายหนุ่มก็เป็นคนของสหพันธรัฐ ไม่อาจจะเคลื่อนไหวเพื่อทำลายเครือข่ายวิญญาณได้ เพราะจะทำให้เขาจนตรอกทันที

เซี่ยไห่หยางดูเหมือนว่าเตรียมตัวรับมือความรู้สึกสิ้นหวังของหวังเป่าเล่อมาเป็นอย่างดี และพูดขึ้นทันทีว่า

“เป่าเล่อ ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำลายธุรกิจเครือข่ายวิญญาณ เรามาร่วมมือกันเพื่อสร้างธุรกิจที่ดีกว่าเพื่อเราจะได้หาเงินไปพร้อมๆ กับสหพันธรัฐ ข้า เซี่ยไห่หยางผู้นี้ เป็นนักธุรกิจ ไม่เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น เป้าหมายของข้าคือให้ทุกคนหาเงินไปพร้อมๆ กันได้!”

“ธุรกิจอะไรกันเล่า” หวังเป่าเล่อสนใจ ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเซี่ยไห่หยาง

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset