“ทำไมคุณไม่พูด” ซางหยิงมองเสิ่นเผยซวนที่ใจลอยจึงถามออกมา
เสิ่นเผยซวนรีบพูดว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมานิดหน่อย”
ซางหยิงไม่ได้ซักถามต่อ ยิ้มอ่อนๆ
วันนี้ออกไปข้างนอกมา ดังนั้นจึงซื้ออาหารมาไม่น้อย วันนี้ซูจ้านเพื่อนของเสิ่นเผยซวนมา เธอเตรียมทำอาหารไว้เผื่อต้อนรับซูจ้าน
เสิ่นเผยซวนใช้ชีวิตเพียงคนเดียวลำพัง ไม่ต้องทำอาหาร อย่างมากก็ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ ครั้งนี้เขาก็ช่วยเธอล้างผัก ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของซางหยิง
ในวันที่อากาศร้อนซูจ้านก็ไม่ได้เดินไปไกล เดินวนอยู่แถวนี้ สุดท้ายก็หยุดพักที่โรงเรียน เด็กๆที่นี่จริงใจ เมื่อนึกถึงว่าต่อไปตนเองกับฉินยาไม่สามารถมีลูกได้ ก็รู้สึกท้อแท้ผิดหวังเป็นพิเศษ
นี่คือความเศร้าเสียใจในชีวิตนี้ของเขาและฉินยา
ทุกคนต่างบอกว่าลูกคือโซ่ทองคล้องใจของพ่อแม่ ไม่มีลูก แสดงว่าความรักของเขาและฉินยาได้แต่ออกดอก แต่กลับไม่ออกผลใช่หรือไม่
ต่อหน้าฉินยา เขาไม่กล้าแสดงออกว่าชอบเด็กเลยสักนิดเดียว เขากลัวว่า ฉินยาจะไม่สบายใจ
มีลูกไม่ได้ ฉินยาคือคนที่เสียใจที่สุด
สายตาเขาเศร้าหมอง ควักโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความให้ฉินยา “เสี่ยวยา ผมคิดถึงคุณจังเลย”
นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะบอกออกมาจากใจในตอนนี้
เมืองC
ช่าวหยุนพาซางหยิงมากินข้าวที่ร้านอาหารที่เก๋ไก๋มีสไตล์แห่งหนึ่ง เขายิ้มพลางเอ่ยว่า “ที่นี่ เธอกับซูจ้านต้องมา แต่เขาไม่คุ้นเคยกับเมืองC ไม่เหมือนอาที่รู้ว่าร้านไหนอร่อย ซี่โครงแพะร้านนี้อร่อยอย่างยิ่ง อารับประกันว่าเธอได้กินแล้ว จะต้องอยากกลับมากินอีก”
ฉินยายิ้ม “อารองคะ อาน่าจะหาแฟนสักคน ไม่อย่างนั้นตัวคนเดียว โดดเดี่ยวอ้างว้างตลอดชีวิตน่าสงสารแค่ไหน”
“อาตัวคนเดียวไม่ต้องการอิสระมากเกินไป ผู้หญิงอยากจะเปลี่ยนยังไงก็เปลี่ยนได้ หาแฟนเป็นตัวเป็นตน มีอะไรก็คอยมาเจ้ากี้เจ้าการกับอา อึดอัดขนาดไหน อาไม่ได้บ้านะ” ช่าวหยุนเองก็ชินแล้ว แน่นอนว่าผู้ชายอกสามศอกปกติอย่างเขาก็ต้องมีความต้องการ ก็บอกไปแล้วว่า มีเงินจะหาผู้หญิงแบบไหนก็ได้
เขาจะหาเรื่องใส่ตัวไม่ได้ และไม่อาจจะทำให้ผู้ตายไว้เนื้อเชื่อใจผิดหวังได้
“ที่นี่ พวกเรามานั่งที่นี่” ช่าวหยุนลากเก้าอี้ให้ฉินยา ฉินยายิ้มพลางเอ่ยขอบคุณ
“ยังจะมาเกรงใจกับอาอีก” ช่าวหยุนนั่งลงตรงข้าม
ตอนนี้พนักงานบริการเดินมา ช่าวหยุนรู้จักอาหารเด็ดของที่นี่ดี สั่งอาหารอร่อยๆมาหลายอย่าง
“ดื่มเหล้ามั้ย” ช่าวหยุนถาม “อาซ่อนไวน์แดงอย่างดีไว้ขวดหนึ่ง เธอจะลองดื่มมั้ย”
“ได้สิค่ะ มีคนเลี้ยงข้าว แล้วยังมีไวน์ชั้นดีด้วย แน่นอนว่าฉันไม่เกรงใจแล้ว” ฉินยายิ้มพลางเอ่ย
ช่าวหยุนยกนิ้วโป้งให้ฉินยา“ฉินยา อาชอบที่เธอมีความสุข แต่เธอเพิ่งจะคืนดีกับซูจ้าน ก็แยกกันคงไม่ดีนะ”
ฉินยาก้มหน้า “คืนดีแล้ว ก็ต้องทดสอบเขาบ้าง”
เธอรู้ว่าซูจ้านไม่มีพ่อแม่ มีเพียงย่าคุณคนเดียว และยังมีความหวังที่จะได้อุ้มหลาน เธอมีลูกไม่ได้ ก็ทำให้ซูจ้านไร้คนสืบสกุล เธอไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่า ถ้าท่านย่ารู้สภาพของตนเองจะมีท่าทางอย่างไร
โต้แย้งเหรอ หรืออาจจะร้องขอให้อุ้มบุญกันหรือ
ตอนนี้เธอยังไม่กล้าคิดไกลไปถึงขั้นนั้น หลังจากคิดดูแล้ว อาจจะต้องยอมถอย
“แบบนี้ก็ถูก ในเมื่อจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ก็ควรจะต้องทดสอบ” ช่าวหยุนแสดงความเห็นด้วย
“อามองว่าซูจ้านก็เป็นคนที่ไม่เลวนะ เหมาะสมกับเธอดีมาก” ช่าวหยุนพูด เวลานี้เองพนักงานก็ยกอาหารมา และก็ไวน์ที่ช่าวหยุนเอามา ก็หยิบมาวางบนโต๊ะ เขาเปิดฝาขวดรินให้ฉินยาหนึ่งแก้ว
ฉินยายกแก้วไวน์ขึ้น เตรียมจะลองจิบรสชาติไวน์นี้ว่าเป็นอย่างไร โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็สั่นขึ้นมา เธอล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา ด้านบนแสดงชื่อของซูจ้าน เธอเปิดดูข้อความ ข้อความนั้นซูจ้านบอกว่าเขาคิดถึงเธอ
สายตาเธอมืดมิด รีบตอบกลับไปสองสามคำอย่างรวดเร็ว 【งั้นก็มาหาฉันสิ】
ซูจ้านถูกเสิ่นเผยซวนเรียกกลับมา นั่งลงบนเก้าอี้ซางหยิงผัดอาหารที่ถูกปากสองสามอย่าง ได้ยินเสียงเตือนข้อความเข้าก็รีบล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาทันที มองเห็นเนื้อความที่ฉินยาตอบกลับ ก็ดีใจยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงใบหู
“เรื่องอะไรดีใจขนาดนั้น” ซางหยิงยกชามมาให้เขา
เสิ่นเผยซวนตอบว่า“ปกติที่เขาเผยให้เห็นอารมณ์แบบนี้ น่าจะถูกฉินยานัดพบแล้ว ก็เหมือนกับฮ่องเต้ที่นัดพบกับพระสนมในสมัยโบราณ ความตื่นเต้นยินดีของพระสนมอย่างนั้น”
ซูจ้าน “……”
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนนายกำลังด่าฉันอยู่นะ” ซูจ้านขมวดคิ้ว แต่อารมณ์ยังดีอยู่ ฉินยาให้เขาไปหา นั่นก็หมายความว่าเธอคิดถึงเขาแล้วใช่มั้ย
“ทานข้าว ทานข้าว” ซูจ้านหยิบชามยกตะเกียบขึ้น พุ้ยข้าวเข้าปาก ตอนนี้เขาหิวมากจริงๆ ผัดกาเป๊ก ผัดมะเขือม่วง มะเขือเทศผัดไข่ น้ำแกงหัวไชเท้าซี่โครงหมู ล้วนเป็นอาหารบ้านๆทั่วไป แต่รสชาติล้วนใช้ได้เลย ซูจ้านคีบมะเขือผัดพูดว่า “แฟนนายคนนี้หาถูกคนแล้ว ทำกับข้าวเป็น ต่อไปนายก็มีลาภปากแล้ว”
เสิ่นเผยซวนเหล่มองเขา “กินข้าวของนายไป อุดปากนายไว้ไม่ได้”
“ชมว่านายตาถึงนะ ทำไมถึงไม่รู้จักแยกแยะบ้างเลย” ซูจ้านกลืนอาหารในปาก “เผยซวน บ่ายฉันจะไปแล้วนะ นายมีอะไรก็รีบบอกฉัน”
เสิ่นเผยซวนพูดออกมาตรงๆ “ฉันต้องการแค่เงิน อย่างอื่นไม่เอา”
ซูจ้านกะพริบตามองเขา “นายไม่มีเงินติดตัวสักบาทเลย อาศัยฉินยาเลี้ยงดูเหรอ”
เสิ่นเผยซวนขี้เกียจจะสนใจเขา แม้แต่โทรศัพท์มือถือเขายังไม่มีเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระเป๋าสตางค์ มีชีวิตอยู่รอดก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
“ที่ตัวฉันมีเงินไม่เท่าไหร่ เอาบัตรให้นายแล้วกัน”ซูจ้านรีบร้อนจะไปหาฉินยา ข้าวในชามไม่ทันไรก็กินจนหมดเกลี้ยง เขาเหลือน้ำแกงอีกชาม ร้อนนิดหน่อย เขาวางบนโต๊ะรอให้เย็น ล้วงกระเป๋าเงินออกมาควักบัตรออกมาให้เขาหนึ่งใบ
เสิ่นเผยซวนรับมาแล้วพูดว่า“กลับไปจะคืนให้นาย”
“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นกับฉัน” ซูจ้านเช็ดปาก “ฉันไม่กลับไปเมืองB ฉันจะไปเมืองC ฉันจะกลับจากเมืองCกลับไปที่เมืองBทันที ไม่มาที่นี่แล้ว นายมีเวลาก็ไปถอนเงินมาซื้อโทรศัพท์มือถือ พวกเราจะได้ติดต่อนายได้อย่างสะดวก”
เสิ่นเผยซวนพูดว่าเข้าใจแล้ว
กินข้าวเที่ยงอิ่มแล้วซูจ้านก็ไปเลย
เมืองB
ตระกูลซ่ง
เสิ่นเผยซวนหายตัวไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว คุณนายซ่ง ผู้บัญชาการซ่งตอนนี้ก็เริ่มเชื่อว่าเสิ่นเผยซวนอาจจะตายไปแล้ว
ในเมื่อสถานการณ์ตอนนั้นอันตรายมาก การตามหาดำเนินต่อเนื่องมาหกวันแล้ว
“หย่าซิน ลูกไม่ต้องคิดแล้ว ปล่อยวางเสียเถอะ” คุณนายซ่งเกลี้ยกล่อมลูกสาว เธอถอนหายใจ “ลูกกับเขาไม่มีวาสนาต่อกัน ครั้งแรกลูกไม่เต็มใจ ไม่สำเร็จ ครั้งที่สองเขาก็ไม่อยู่แล้ว นี่คือไม่มีวาสนาถ้ามีวาสนาต่อกัน ครั้งแรกก็ต้องสำเร็จ มองหาคู่ชีวิตที่เหมาะสมกันมากกว่าเถอะ”
ซ่งหย่าซินกังวลมาก “แม่ แม่อย่าพูดได้มั้ย”
“แม่ก็หวังดีต่อลูก……”
“หนูไม่ต่องการความหวังดีของแม่” พูดพลางเธอก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าออกไป
“หย่าซิน……”
“เอาละ ลูกจะไปก็ไป พอกลับมาคุณก็บ่น ไม่ต้องพูดถึงลูกหรอก ผมเองก็รำคาญมาก” ผู้บัญชาการซ่งอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
คุณนายซ่งคิดว่าตนเองไม่ผิด “ฉันไม่ได้หวังดีต่อลูกหรอกเหรอ”
“เอาละๆ ไม่ต้องพูดแล้ว” ผู้บัญชาการซ่งบีบสันจมูกอย่างเหนื่อยล้า ไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระอะไรเลยสักนิด
“คุณบอกว่าลูกสาวจะไปที่ไหนนะ” คุณนายซ่งเป็นห่วงเล็กน้อย
“เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว คุณไม่ต้องไปเจ้ากี้เจ้าการมาก” ผู้บัญชาการซ่งพูดด้วยความหวังดี “คุณยิ่งไปยุ่งวุ่นวาย ลูกก็ยิ่งไม่พอใจ คุณก็ไม่ต้องไปยุ่ง จะไปไหนก็ปล่อยลูกไปเอง”
คุณนายซ่งคิดว่าเรื่องของลูก ยังไงก็ต้องให้ผู้ใหญ่ตัดสินใจ แม้เธอจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว เตรียมจะเอ่ยปากพูด ก็ถูกผู้บัญชาการซ่งดุว่า “ถ้าขืนคุณยังพูดมากอีก ก็ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
เขาเองก็โกรธมาก
คุณนายซ่งเม้มปากร้องไห้ออกมาแล้ว
ผู้บัญชาการซ่งลุกขึ้นด้วยความรำคาญเดินเข้าบ้านไป ไม่อยากมองให้กลุ้มใจ
ซ่งหย่าซินที่ออกจากบ้าน ไปที่คฤหาสน์