ซูจ้านจ้องมองโทรศัพท์มือถืออย่างตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าเสิ่นเผยซวนโน้มตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เงยหน้าขึ้นมาก็ตกใจ ถอยไปข้างหลัง จนเก้าอี้เอียง เขาลงไปนั่งกับพื้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจ้านถลึงตาโต “เสิ่นเผยซวนนายทำอะไรของนาย”
เสิ่นเผยซวนยืนอยู่ตรงนั้น มองลงมาที่เขา “นายไปทำผิดอะไรมาเหรอ ไม่อย่างนั้นจะตกใจขนาดนี้ได้ยังไง”
“นายต่างหากที่ทำผิด!” ซูจ้านถลึงตาใส่เขา ลุกขึ้นมาจากพื้นปัดก้นแล้วยกเก้าอี้ขึ้นมา ไม่ได้นั่งอีก นั่งบนเก้าอี้เตี้ยๆ ไม่สบาย ถ้าพูดตรงๆ ไม่เหมาะกับคนตัวสูงนั่ง มิฉะนั้นขาทั้งสองข้างจำเป็นต้องคดงอมาก ท่าทางไม่สบายมาก
ซางหยูเทน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง “ปลอบให้หายตกใจ”
ซูจ้านยื่นมือมารับ ไม่ได้ดื่มในทันที แต่ถามว่า “ถ้าเสิ่นเผยซวนกลั่นแกล้งคุณ คุณจะโกรธมั้ย แล้วจะไม่สนใจเขาด้วยมั้ย”
ซางหยูกะพริบตาปริบๆ “คนอย่างเขานั้นจะกลั่นแกล้งใครเป็นเหรอ”
ซูจ้าน“……”
ใช่สินะ คนแข็งทื่ออย่างเสิ่นเผยซวนนี้ จะรู้จักว่าอะไรคือความสนุกมั้ย
“คุณแกล้งแฟนคุณ แล้วเธอไม่สนใจคุณแล้วเหรอ” ซางหยูมองท่าทางทุกข์ใจของซูจ้าน จึงถามด้วยการคาดเดา
ซูจ้านยิ้ม อธิบายว่า “พวกเรารักกันมาก เธอต้องไม่มีเวลาตอบกลับผมแน่นอน”
เขาไม่อยากเผยสถานะของเขาในความรักครั้งนี้ ต่อหน้าคนนอก
“ฉันเห็นท่าทางคุณเคร่งเครียด” ซางหยูพูดตามความจริง เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาดูโทรศัพท์มือถือจนใจลอย ก็คงไม่ถูกเสิ่นเผยซวนทำให้ตกใ
“เคร่งเครียดเหรอ” ซูจ้านปรับสีหน้าท่าทางเล็กน้อย “ผมดูเคร่งเครียดเหรอ”
เห็นซูจ้านแกล้งทำท่าสงบสุขุม ทั้งน่ารัก ทั้งตลก
ซางหยูกลั้นหัวเราะ ส่ายหน้าพูดว่า “คุณไม่ได้เคร่งเครียด คุณก็แค่กระสับกระส่ายนิดหน่อย
เพราะแฟนไม่ตอบกลับข้อความเลยกระสับกระส่าย
ซูจ้านหัวเราะ อาจจะเป็นเพราะไม่สามารถกลบเกลื่อนอารมณ์ของตนเองได้เลย เขาชี้ไปที่เสิ่นเผยซวนและซางหยู “วันนี้ พวกคุณต้องต้อนรับขับสู้ผมให้ดี ผมออกไปโทรศัพท์แปบเดียว”
พูดจบซูจ้านก็เดินออกจากห้อง กดโทรไปหาฉินยา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลับมาคืนดีกัน ความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยของฉินยา ล้วนทำให้เขาตื่นตระหนก กลัวว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง
ความจริงแล้วฉินยาเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่ตอบเขาเลย ในร้านมีแขกมา เธอไปรับแขก แต่โทรศัพท์มือถือวางไว้ที่ห้องทำงาน หลังจากยืนยันแบบกับลูกค้าแล้ว ส่งแขกกลับไปจึงกลับมาที่ห้องทำงาน เวลานี้เอง เป็นสายที่สามแล้ว เธอหยิบขึ้นมารับสาย
“ฉินยาเหรอ!”
ฉินยาขมวดคิ้ว “ฉันเอง”
“คุณไปทำอะไรมา ทำไมไม่ตอบผมเลย โทรศัพท์ก็ไม่รับ คุณทำผมตกใจแทบตาย” เขาบ่นด้วยความน้อยใจเล็กน้อย
“ฉันรับแขกอยู่ คุณโทรหาฉันตลอดเวลาทำไมคะ”
“คุณไม่รับโทรศัพท์ผมก็กังวลไง” ใบหน้าซูจ้านเผยให้เห็นรอยยิ้ม
ในห้องซางหยูได้แต่มองท่าทางของซูจ้าน แต่ไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร ทว่าดูท่าทางแฟนเขาน่าจะรับสายแล้ว
“ซูจ้านชอบแฟนของเขามากเลยสินะ” แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ เธอก็มองออกถึงระดับความใส่ใจของซูจ้าน
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า “อืม พวกเขากลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
ซางหยูมีความสนใจอย่างมาก “คุณเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“เรื่องราวมากมายพูดไม่กี่ประโยคก็คงไม่รู้เรื่อง ความสัมพันธ์ของพวกเขามีการหักมุมอย่างมาก ผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน พูดไปแล้ว คุณอาจจะว่ามันเหลือเชื่อ” เสิ่นเผยซวนเข้าใจความรู้สึกของซูจ้านดี
ซางหยูเงยหน้ามองเสิ่นเผยซวน “พวกคุณมีเรื่องเล่ามากมายเลยเหรอ”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า “ช่างเถอะ มันเยอะมาก”
ซางหยูหลุบตาลง “คุณไปคุยกับแฟนคุณเถอะ ฉันจะไปเตรียมอาหารกลางวัน”
ในใจเธอรู้สึกจิตตกเล็กน้อย รู้สึกว่ามีส่วนร่วมกับเรื่องของเสิ่นเผยซวนน้อยเกินไป
ตอนนี้ซูจ้านยังคุยโทรศัพท์อยู่ คาดว่าอากาศจะร้อนเกินไป จึงวิ่งไปนั่งอยู่ในรถที่จออดอยู่ไม่ไกล หน้าต่างก็ปิด ด้านในเปิดแอร์
เสิ่นเผยซวนไม่ได้ไปรบกสนการพูดคุยโทรศัพท์ของเขากับฉินยา แต่ตามมาด้านหลังของซางหยู “ผมช่วยคุณ”
ซางหยูพูดว่า “ไม่ต้องค่ะ”
เสิ่นเผยซวนโง่ขนาดไหน ก็มองออกว่าเสิ่นเผยซวนไม่พอใจมาก “คุณเป็นอะไรเหรอ ผมพูดอะไรผิดไปอีกแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะ” ซางหยูเงยหน้ามองเขา “ฉันก็แค่คิดว่า ฉันรู้เรื่องของคุณน้อยเกินไป”
ความจริงแล้วเธอไม่อยากจะไปขุดคุ้ยอดีต และความเป็นส่วนตัวของเสิ่นเผยซวน แต่ว่าเธอรู้เรื่องของเขาคนข้างๆเขาน้อยเกินไป
เธอชอบผู้ชายคนนี้ แน่นอนว่าอยากจะเข้าไปอยู่ในโลกของเขา ในหมู่เพื่อนฝูงของเขา
ไม่อยากให้ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ตนเองก็เหมือนกับคนนอกคนหนึ่ง
เสิ่นเผยซวนตั้งใจพูดตรงๆว่า “คุณอยากรู้อะไร ต่อไปผมจะบอกคุณหมด”
ซางหยูยิ้ม “ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือของฉันฟังเรื่องราวที่คุณจะเล่าให้ฉันฟัง ขอแค่คุณไม่ทอดทิ้งฉันไว้กลางทาง ฉันก็จะฟังจนถึงเรื่องสุดท้ายแน่นอน”
“จุ๊ๆ” ซูจ้านไม่รู้ว่าวางสายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พอเข้ามาก็ได้ยินประโยคนั้นของซางหยู อดแซวไม่ได้ว่า “ไม่เสียแรงที่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ขนาดคำบอกรักที่พูดออกมา ยังเจ้าบทเจ้ากลอนสละสลวยขนาดนั้น ”
ซางหยูยิ้มอย่างเขินพลางย้อนถามกลับไปว่า “แฟนคุณหายโกรธคุณแล้วเหรอ”
“พวกเรารักกันดีอยู่นะ เธอจะไปโกรธผมได้ยังไง” ครั้งนี้ซูจ้านได้ทีข่มบ้าง พูดให้ดูดีแต่ไม่น่าจะเป็นจริงว่า “น่าจะเป็นผมที่โกรธเธอมากว่า”
ซางหยูไม่รู้จักซูจ้านดี แต่เสิ่นเผยซวนรู้ดี ฉินยายอมตกลงกลับมาคืนดีกับเขา ระหว่างนี้เขาผ่านความสิ้นหวังมามากแค่ไหน
“คำพูดนี้ของนาย ฉันเอาไปบอกต่อฉินยาได้มั้ย” เสิ่นเผยซวนพูดด้วยเสียงราบเรียบ ซูจ้านกลับฟังออกถึงการเตือน
ซูจ้านลุกขึ้นยืนทันที “ทำไมนายถึงได้น่ารังเกียจแบบนี้นะ นี่รู้จักไปฟ้องแล้วเหรอ ไปเรียนมาจากแฟนตัวน้อยนายมาใช่มั้ย”
เสิ่นเผยซวน ตอนแรกก็ข้อจำกัดเรื่องอายุ จึงไม่รู้ใจตัวเองดี มักจะถูกซูจ้านใช้คำว่าแฟนตัวน้อยมาเรียก เขารู้สึกค้างคาใจเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าเขาไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรมา
เขามองซูจ้านอย่างจริงจัง “พวกเราสองคนใครแก่กว่ากัน”
“นายสิ” พูดจบซูจ้านก็เข้าใจความหมายของเขาเลย พูดอย่างไม่มั่นใจว่า “นายไม่ใช่ว่ายังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่เหรอ แต่งงานแล้ว……ฉันก็เรียกไม่ได้แล้ว”
เด็กขนาดนั้น
“อย่างนั้นหลินซินเหยียนนายก็เรียกได้เหรอ” เมื่อเทียบกันแล้วตอนที่หลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวมีการติดต่อกัน อายุน้อยกว่าซางหยูอีก
ซูจ้านเถียง “นั่นไม่เหมือนกัน”
เสิ่นเผยซวนถาม “ไม่เหมือนกันตรงไหน”
ซูจ้านส่ายหน้า “นั่น นั่นหลินซินเหยียนกับจิ่งห้าวไม่ใช่สามีภรรยาอย่างจริงจังนี่ ว่ากันตามเหตุผลก็ต้องเรียกแบบนั้น ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของเสี่ยวยากับหลินซินเหยียนต่างกันนะ”
เสิ่นเผยซวนไม่ได้สนใจว่าเขาจะจัดเรียงอย่างไร “ยังไงนายก็เด็กที่สุด ตอนนี้ฉันไม่เอาเรื่องเอาราวกับนายแล้ว ต่อไปฉันแต่งงานแล้ว นายก็ต้องเรียกซางหยูแบบนี้ ต้องเรียกให้ถูก”
ซูจ้าน“……”
เขากระพริบตาปริบๆ มองซางหยู อ้ำอึ้งอยู่นาน “รอพวกคุณแต่งงานกันแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
พูดจบก็เดินออกไป “ฉันไปชมวิวแถวนี้หน่อย”
ซางหยูได้ข้อมูลบางอย่างจากในบทสนทนาของพวกเขา สำหรับจงจิ่งห้าวเธอเคยเจอแล้ว มีความประทับใจอย่างลึกซึ้งในเมื่อเป็นเจ้านายใหญ่คนหนึ่ง ออร่าที่แผ่มาจากตัวเขานั้นแน่นอนว่าทำให้คนลืมไม่ลงเลย
“ภรรยาของเพื่อนอีกคนของพวกคุณ อายุก็ไม่มากเหรอ” ซางหยูถาม
เสิ่นเผยซวนพยักหน้าอย่างจริงใจ “อืม รอกลับไป ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก”
ซางหยูพยักหน้าถามว่า “แฟนของซูจ้านอายุมากมั้ยคะ”
เธอถอนใจอย่างโล่งอกในใจอย่างประหลาด ก่อนหน้านี้ยังกลัวว่าจะเข้ากับกลุ่มเพื่อนพวกเขาไม่ได้ ตอนนี้รู้ว่าเธอไม่ใช่ คนที่พิเศษในหมู่ของพวกเขา ก็สบายใจลงมาก ในเมื่อภรรยาของพวกเพื่อนๆเขาก็อายุไม่มาก
พอถูกซางหยิงถาม เสิ่นเผยซวนก็พบเรื่องหนึ่งว่า แฟนของพวกเขาสามคนล้วนอายุค่อนข้างน้อยทุกคน