เสิ่นเผยซวนหน้ามืด ก่อนจะล้มหมดสติไป
ชายคนนั้นปล่อยท่อนไม้หล่นลงพื้น เขาเริ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อย กลัวว่าเขาจะฆ่าคนด้วยท่อนไม้ สมัยนี้คนไม่ดีมีตั้งเยอะแยะ เขาโผล่ออกมาจากน้ำ เขาก็คงไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน เขาปลอบใจตัวเอง ก่อนจะแบกอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วเอาไปโยนทิ้งในที่ที่ไม่มีคน
แล้ววิ่งกลับมาที่บ้าน เก็บข้าวของแล้วหนีไปในช่วงกลางคืน
กลัวถูกรีดไถเงิน กลัวจนทำให้ตัวเองต้องติดคุกข้อหาฆ่าตาย ดังนั้นเขาต้องรีบหนีไปจากที่นี่
……
ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลจากเมืองBประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตร คนในหมู่บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร หนุ่มสาวในหมู่บ้านส่วนใหญ่ออกไปทำงานข้างนอกกันหมดแล้ว คนอยู่บ้านจึงมีแค่คนชราและเด็ก
หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต เธอก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะทำงานหาเงินอีก หลังจากทำพิธีฝังศพให้แม่เสร็จ เดิมทีเธอคิดว่าจะหางานในบ้านเกิดทำ แล้วใช้ชีวิตเรียบง่ายไปตลอดชีวิต แต่คนในหมู่บ้านของเธอต่างก็คอยนินทาเธอ เธอจึงเดินทางออกจากหมู่บ้าน
เมื่อก่อนเธอเคยมาเป็นอาอาสาสมัครที่หมู่บ้านแห่งนี้ เธอรู้ว่าที่นี่ยากจนมาก ไม่มีใครอยากมาเป็นครูที่นี่ เธอจึงออกจากบ้านเกิดแล้วมาที่หมู่บ้านที่อยู่ห่างจากเมือง B หนึ่งร้อยกิโลเมตรแห่งนี้ เพื่อมาเป็นครูสอนเด็กๆ
ตัวเธอเองก็มาจากหมู่บ้านที่ยากจน รู้ดีว่าเด็กจากครอบครัวที่ยากจนกว่าจะได้เรียนหนังสือมันยากลำบากมากแค่ไหน ในเมื่อไม่มีแม่เป็นที่พึ่งพาทางจิตใจ เธอจึงวางความหวังทั้งหมดไว้กับเด็กๆ เหล่านี้
โรงเรียนมีห้าชั้นเรียน มีครูทั้งหมดสามคน นอกจากเธอแล้ว ยังมีอีกสองคน คนหนึ่งเป็นครูใหญ่วัยห้าสิบปี ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนในหมู่บ้านที่กลับมาช่วยสอนที่บ้าน เพราะโรงเรียนในเมืองยังไม่เปิดเรียน จึงมาช่วยสอนเด็กๆ ในหมู่บ้าน อีกไม่นานเขาก็ต้องจากไป
ซางหยูสอนภาษาจีนให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สอง และชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง แล้วสอนวิชาศิลปะให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม สี่ และห้า
ชั้นเรียนแรกของเธอในเช้าวันนี้เป็นวิชาภาษาจีนของชั้นประถมศึกษาปีที่สอง หวางห้าวหนานนักเรียนที่เรียนเก่งที่สุดและมีระเบียบวินัยที่สุดในชั้นเรียนมาสาย
พอเข้าไปในห้องเรียนก็ตะโกนเรียกเสียงดัง “คุณครูซางครับ แย่แล้วครับ…”
ซางหยูกำลังเขียนคำศัพท์ใหม่ที่ต้องจำบนกระดานดำโดยไม่หันกลับไปมอง แล้วพูดว่า “ไปนั่งพักที่เก้าอี้ แล้วพักหายใจก่อน”
หวางห้าวหนานยังคงยืนอยู่ที่ประตู มือบีบเอวตัวเองไว้ “ระหว่างทางมาที่โรงเรียน ผมเห็นคนตายครับ”
ซางหยูวางชอล์กลง แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา “นายพูดอะไรนะ?”
“ผมบอกว่าผมเห็นคนตายครับ” หวางห้าวหนานพูดเสียงหอบ
“เห็นที่ไหน” ซางหยูเดินเข้าไปหา “พาครูไปดูเร็วเข้า”
“ได้ครับ ตามผมมาเร็วครับ” หวางห้าวหนานดึงแขนเสื้อของซางหยูเพื่อพาออกไป เพื่อนร่วมชั้นก็อยากเห็นคนตายเหมือนกัน พอเห็นเธอจะเดินออกไป พวกเขาก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ ซางหยูรีบสั่งให้พวกเขานั่งลง “นักเรียนทุกคนห้ามออกไปจากห้องเรียนเด็ดขาด”
อีกฝ่ายเป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าตายแล้วจริงๆ คงไม่เหมาะสมที่จะให้พวกเด็กๆ เห็นเหตุการณ์แบบนี้
“รองหัวหน้าห้อง นำเพื่อนๆ ทุกคนอ่านเนื้อหาของบทที่ห้า” ซางหยูพูด
รองหัวหน้าห้องลุกขึ้นยืน แล้วพูด “ได้ครับ”
“คุณครูซางครับ รีบตามผมมาเร็วเข้า” หวางห้าวหนานร้อนใจ แล้วรีบลากซางหยูออกไป
ถนนของที่นี่ไม่ค่อยดี ซางหยูจึงรีบพูดเตือน “วิ่งช้าลงหน่อย”
“ผมกลัวว่าเขาจะหายไปนี่ครับ” หวางห้าวหนานพูด
ซางหยูส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “นายบอกว่าเป็นคนตาย แล้วเขาจะลุกขึ้นมาวิ่งหนีไปได้ยังไงล่ะ”
หวางห้าวหนานเกาศีรษะ “มันก็จริงครับ”
ซางหยูลูบผมของเขา รู้สึกเขาน่ารักมาก ก่อนจะเดินตามเขาไปทางหลังโรงเรียน ไม่ไกลนัก เธอก็เห็นคนนอนอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่ไกล
สีหน้าเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ห้าวหนาน นายเห็นตอนไหน”
“ตอนผมเดินมาโรงเรียนครับ ตอนที่เห็นผมตกใจแทบตาย” หวางห้าวหนานลูบหน้าอกของเขาเหมือนกำลังปลอบใจตัวเอง
พอย้อนกลับไปคิด ตอนที่เห็นคนที่มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะ แล้วนอนนิ่งอยู่บนพื้น เขาก็ยังตกใจกลัวมากอยู่ดี
ซางหยูเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าคนคนนี้คุ้นมากๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“คุณครูซางครับ เราโทรแจ้งตำรวจดีไหมครับ” หวางห้าวหนานเอ่ยถาม
ซางหยูเดินเข้าไปแล้วพูด “ต้องโทรแจ้งตำรวจแน่นอนสิจ้ะ…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็มองเห็นใบหน้าของผู้ชายที่นอนสลบอยู่ตรงพื้น