แม้ว่าสีหน้าท่าทางขมวดคิ้วของซ่งหย่าซินจะถูกอำพรางลงไปอย่างรวดเร็ว แต่จงเหยียนซีก็เห็นแล้วอยู่ดี เดิมยังอารมณ์ดีมาก แต่ในตอนนี้รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆเลือนหายไป “คุณน้า คุณน้าไม่พอใจหรือคะ”
ไม่อย่างนั้นจะขมวดคิ้วได้อย่างไรกัน?
ซ่งหย่าซินรีบแย้มรอยยิ้มออกมา “เปล่าจ้ะ น้าชอบหนูมาก เด็กน้อย หนูชื่ออะไรจ๊ะ”
“หนูชื่อจงเหยียนซี” เธอกะพริบตาปริบๆ
“อ่อ” ซ่งหย่าซินหันหน้ากลับมามองเสิ่นเผยซวน “ทำไมคุณถึงพาเธอมาด้วยล่ะคะ”
“หลักๆคือผมจะไปส่งเธอ ที่มารับคุณก็เป็นทางผ่าน” เสิ่นเผยซวนเอ่ย
ซ่งหย่าซิน “…”
เธอที่เป็นแฟนสาวยังสู้ลูกของเพื่อนไม่ได้?
“เผยซวน”
“อืม?” เสิ่นเผยซวนมองเธอแวบหนึ่ง และตั้งใจขับรถต่อไป พลางเอ่ยว่า “ทำไมหรือ”
ซ่งหย่าซินกดความไม่พอใจเอาไว้ เอ่ยว่า “ไม่มีอะไรค่ะ เพียงแค่คิดไม่ถึงว่าเพื่อนของคุณจะรวยขนาดนี้”
รถคันนี้มีมูลค่าไม่น้อย
เธอคิดไม่ถึงว่ากลุ่มเพื่อนของเสิ่นเผยซวนจะยังมีคนที่มีเงินมากขนาดนี้อยู่ด้วย
เสิ่นเผยซวนยิ้มเล็กน้อย เพราะสิ่งที่ซ่งหย่าซินเอ่ยมานั้นเป็นความจริง เดิมจงจิ่งห้าวก็ร่ำรวย
“คุณอาเสิ่น วันนี้คุณอายุ่งไหมคะ” จงเหยียนซียื่นศีรษะมา “ถ้าไม่ยุ่งล่ะก็ คุณอาพาหนูไปเที่ยวเถอะนะคะ”
ซ่งหย่าซินหันหน้ากลับไปมองเธอ “คุณอาเสิ่นของหนูต้องไปทำงาน จะมีเวลาพาหนูไปเที่ยวเล่นได้อย่างไรจ๊ะ”
จงเหยียนซีถอยกลับมาพิงเข้ากับเบาะนั่ง พลางเอ่ยว่า “หนูถามคุณอาเสิ่น ไม่ได้ถามคุณน้า คุณน้าตอบคำถามแทนคุณอาเสิ่นทำไมคะ ไม่มีมารยาทจริงๆ”
ซ่งหย่าซินสีหน้าอึมครึมทันที เสิ่นเผยซวนสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ นัยน์ตาก็มืดมนลงไปหลายส่วน เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เธอยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”
ซ่งหย่าซินจัดการสีหน้าบนใบหน้าเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “ฉันรู้ค่ะ ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนิคะ ทำไมคุณถึงยังปกป้องอีก ถ้าจะปกป้องก็ควรจะปกป้องฉันถึงจะถูก
จงเหยียนซีมองซ่งหย่าซินจากทางด้านหลัง พลางเบะปาก รู้สึกว่าไม่ชอบเธออย่างน่าประหลาด และรู้สึกว่าคุณน้าคนนี้เสแสร้งมาก
เห็นอยู่ชัดๆว่าโมโห แต่พูดว่าไม่
เชอะ!
“เรื่องที่จะไปพบกับเพื่อนคุณ คุณอยากจะจองสถานที่แบบไหนคะ? ฉันรู้จักสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่เลวเลย อาหารที่นั่นอร่อยมากเช่นกัน” ซ่งหย่าซินเอ่ย
“ถ้าอย่างนั้นคุณจองแล้วกัน”
เสิ่นเผยซวนไม่สนใจเรื่องพวกนี้
ซ่งหย่าซินเขยิบเข้ามาใกล้ วางศีรษะลงบนไหล่ของเขา “เผยซวน คุณดีมากจริงๆ”
เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากจริงๆ เมื่อวานรับปากเธอ วันนี้ก็แนะนำเธอให้กับเพื่อนๆข้างกายเขารู้จัก นี่เป็นการยอมรับอย่างหนึ่ง ทั้งยังสามารถมอบความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยให้กับเธอด้วย
เหมือนกับหนุ่มสาวมากมายที่กำลังมีความรักในตอนนี้ เด็กสาวมักจะพูดกับเด็กหนุ่มว่า คุณกล้าโพสต์รูปคู่ของพวกเราในกลุ่มเพื่อนไหม
เสิ่นเผยซวนไม่คุ้นชินกับการเข้ามาใกล้ชิดของเธอ รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้ผลักออก อีกทั้งยังไม่คิดว่าตัวเองดี เพียงแต่คิดว่ารับปากไปแล้ว ก็ต้องยอมรับสถานะของผู้อื่น ไม่มีอะไรที่ดีหรือไม่ดี
จงเหยียนซีขึงตามองซ่งหย่าซิน ในใจก็คิดว่าคุณน้าคนนี้น่าเกลียดจริงๆ เธอยังอยู่ที่นี่ด้วยนะ ไม่สนใจภาพลักษณ์และควบคุมตัวเองเอาเสียเลย
เธอรู้สึกไม่ชอบซ่งหย่าซินแปลกๆ มองอย่างไรก็ขัดตา เหมือนกับว่าเธอทำอะไร เธอล้วนไม่สามารถทนดูได้
ซ่งหย่าซินถาม “เผยซวน โทรศัพท์มือถือของคุณล่ะคะ”
“อยู่ในกระเป๋ากางเกง” เสิ่นเผยซวนเอ่ย
เธอยื่นมือเข้าไปหยิบ โทรศัพท์มือถืออยู่ในกระเป๋ากางเกง เมื่อแตะโดน เสิ่นเผยซวนก็รีบดึงมือเธอออกอย่างรวดเร็ว “ผมหยิบให้คุณเอง”
ซ่งหย่าซินมือแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เอ่ยยิ้มๆว่า “ฉันแค่อยากจะบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของฉันไว้ในโทรศัพท์มือถือของคุณ คุณอ่อนไหวขนาดนั้นเชียว”
เสิ่นเผยซวนไม่พูดอะไร หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วยื่นให้เธอ
ซ่งหย่าซินรับมา พลางเอ่ยถาม “รหัสคืออะไรคะ”
“ไม่มีรหัส” เขาไม่คุ้นชินกับการตั้งรหัสในโทรศัพท์มือถือ
ซ่งหย่าซินใช้นิ้วมือเลื่อน หน้าจอก็สว่างขึ้น ถามยิ้มๆว่า “คุณว่าฉันจะบันทึกด้วยชื่อเรียกอะไรดีคะ? แฟนสาว?”
เสิ่นเผยซวนเอ่ยเรียบๆ “ตามใจคุณ อะไรก็ได้”
ซ่งหย่าซินมองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีจึงเอ่ยถามว่า “คุณอารมณ์ไม่ดีหรือคะ”
“เปล่า” เสิ่นเผยซวนตอบ
ซ่งหย่าซินก็ไม่ได้สนใจ “ฉันบันทึกชื่อเอาไว้ ร้านอาหารเจียงหนานรู้จักไหมคะ เดี๋ยวฉันจองที่นั่งเองค่ะ”
เสิ่นเผยซวนอืมคำหนึ่ง ในไม่ช้าก็ถึงที่ทำงานของซ่งหย่าซิน เมื่อรถจอดนิ่ง เธอก็เปิดประตูรถแล้วลงไป พลางเอ่ยว่า “คุณขับรถช้าหน่อยนะคะ มีเวลาว่างก็โทรศัพท์หาฉัน”
เสิ่นเผยซวนเอ่ยว่าได้
รอจนรถขับออกมาแล้ว จงเหยียนซีก็ถามว่า “คุณอาเสิ่น คุณน้าคนนี้คือแฟนสาวของคุณอาหรือคะ”
เสิ่นเผยซวนตอบว่า “ใช่”
“ไม่คู่ควรกับคุณอา” จงเหยียนซีเอ่ย คุณอาเสิ่นน่ารักขนาดนี้ คุณน้าคนนี้ไม่น่ารักเลยสักนิด ทั้งยังน่าเกลียดมากด้วย
เสิ่นเผยซวนรู้สึกขบขัน “หนูรู้ไหมว่าอะไรคือคู่ควรไม่คู่ควร จะว่าไปอาก็ไม่ได้ดีเช่นกัน”
“ใครบอกว่าคุณอาไม่ดีคะ คุณอาเป็นคุณอาเสิ่นที่ดีที่สุดเลย” จงเหยียนซีโต้กลับ
“ใช่หรือ”
“แน่นอนค่ะ คุณอาไม่เห็นหรือคะว่า บรรยากาศของพวกเราไม่ดี? เธอไม่อยู่ พวกเราดูเป็นธรรมชาติขนาดไหน ใช่ไหมคะคุณอาเสิ่น” จงเหยียนซีเอ่ย
เสิ่นเผยซวนหวนคิดครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตอนที่เธออยู่ด้วย บรรยากาศดูไม่สบายนัก
“อาจจะเป็นเพราะเธอยังไม่สนิทกับพวกเรา รอสนิทแล้วก็ดีเอง” เสิ่นเผยซวนเอ่ย
จงเหยียนซีส่ายหน้า “คุณอาเสิ่น คุณอาบอกว่าคุณอาซูเป็นคนโง่ หนูว่าคุณอาต่างหากที่โง่”
เสิ่นเผยซวนถูกทำให้โมโหจนหัวเราะออกมา “ปากหนูเก่งแบบนี้ ระวังโตขึ้นมาแล้วหาแฟนหนุ่มไม่ได้นะ”
“หนูไม่ต้องการแฟนหนุ่ม หลังจากนี้หนูจะอยู่กับคุณพ่อและหม่ามี๊” จงเหยียนซีเชิดศีรษะขึ้นอย่างห้าวหาญ
หลังจากถึงคฤหาสน์แล้ว เสิ่นเผยซวนก็อุ้มเธอลงมา เมื่อเข้าไปในบ้านเจ้าขาวก็ส่ายหางดุ๊กดิ๊กวิ่งเข้ามา จงเหยียนซีสะบัดขา “หนูจะลง”
เสิ่นเผยซวนปล่อยเธอลง
จงเหยียนซีอุ้มเจ้าขาว พลางลูบศีรษะมันไปทั่ว จงฉีเฟิงกำลังดื่มชา เมื่อเห็นเสิ่นเผยซวนมาส่งหลานสาวกลับมา ก็ถามว่า “ทำไมถึงเป็นเราที่มาส่งล่ะ?”
“จิ่งห้าวมีธุระ อย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ” เสิ่นเผยซวนเอ่ย
จงฉีเฟิงรับคำแล้วเดินมาลูบศีรษะหลานสาว ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ข้างนอกร้อนหรือไม่”
จงเหยียนซีส่ายหน้า เงยศีรษะขึ้น พลางเอ่ยว่า “คุณปู่ วันนี้หนูเห็นแฟนสาวของคุณอาเสิ่นด้วยค่ะ”
“อ่อ? เผยซวนมีแฟนสาวแล้ว?” จงฉีเฟิงรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ดีใจแทนเสิ่นเผยซวน
“ใช่แล้วค่ะ แต่ว่าหนูไม่ชอบคุณน้าคนนั้น เธอชอบมีท่าทางเสแสร้ง หนูเห็นคุณอาเสิ่นก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเธอนะคะ”
จงฉีเฟิงยิ้ม อุ้มหลานสาวขึ้นมา “หนูโตแค่นี้เอง รู้แล้วหรือว่าอะไรคือเป็นมิตรหรือไม่เป็นมิตร”
“จะไม่รู้ได้อย่างไรคะ หนูไม่โง่นะ”
จงฉีเฟิงถูกหลานสาวทำให้หัวเราะ “ใช่แล้ว หลานสาวของปู่ฉลาดมาก ไม่รู้ว่าสติปัญญานี้เหมือนใครกัน”
จงเหยียนซีกอดคอคุณปู่ เอ่ยว่า “เหมือนคุณปู่ค่ะ”
จงฉีเฟิงยิ้มอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม เฉิงยู่เวินที่เล่นหมากรุกกับจงเหยียนเฉินอยู่เอ่ยขึ้นอย่างอิจฉาว่า “ดูคุณยิ้มเข้าสิ”
จงฉีเฟิงก็ไม่โกรธ “ผมดีใจ คุณจะมาสนใจทำไมว่าผมยิ้มยังไง”
ในบ้านมีเด็กๆอยู่ด้วยสองคน ผู้ชราทั้งสองคนก็ไม่รู้สึกว่าเหงาแล้ว ไม่ได้ทะเลาะกันก็เอะอะโวยวาย
ทั่วทั้งคฤหาสน์ล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นเขม่าควัน
ว่านเยว่กรุ๊ป
เมื่อออกจากสนามบิน จงจิ่งห้าวก็พาหลินซินเหยียนไปที่บริษัท
“คุณมาทำงานจะลากฉันมาด้วยทำไมคะ” หลินซินเหยียนรู้สึกหมดคำพูดกับเขา เขาให้เสิ่นเผยซวนไปส่งลูกสาวกลับบ้าน เธอยังนึกว่าเขาจะมีเรื่องอะไร สุดท้ายคือให้ตัวเองมาทำงานเป็นเพื่อนเขา
“ทำไม ไม่ยินยอมหรือ” จงจิ่งห้าวเปิดแฟ้มเอกสาร หลินซินเหยียนปิดแฟ้มแล้วหยิบมาอ่านเอง “แน่นอนว่าไม่ยอมค่ะ คุณไม่ได้ให้เงินเดือนกับฉันสักหน่อย”
จงจิ่งห้าวโอบเอวเธอเอาไว้ ให้เธอนั่งลงบนตักตัวเอง “ตัวผมล้วนเป็นของคุณแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ”
หลินซินเหยียนพลิกอ่านไม่กี่หน้าล้วนอ่านแล้วไม่เข้าใจ จึงปิดแฟ้มไม่ดูต่อแล้วโยนลงบนโต๊ะ เอ่ยล้อเล่นว่า “เมื่อเปรียบเทียบเงินกับคุณแล้ว ฉันชอบเงินมากกว่าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ”
จงจิ่งห้าวออกแรงจับต้นขาเธอผ่านผ้าผืนบาง บีบจนเจ็บ หลินซินเหยียนร้องซี๊ด ขึงตาใส่เขา “ฉันพูดความจริง คุณไม่ยินดีที่จะฟังหรือคะ”
“แน่นอนว่าผมไม่ยินดีที่จะฟัง เงินสามารถทำให้คุณสบายได้หรือ” จงจิ่งห้าวยิ้ม และเขยิบเข้ามาใกล้ “ไม่อย่างนั้น ผมจะพิสูจน์ให้คุณดูว่า ผมมีประโยชน์มากกว่าเงิน?”
หลินซินเหยียนดันหน้าเขาออก “ที่นี่คือบริษัท อย่าทำตัวนอกลู่นอกทางสิคะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณพูดสิว่า คุณชอบเงินหรือว่าชอบผม?” จงจิ่งห้าวยังคงตื้อไม่เลิก
“ชอบคุณค่ะ” หลินซินเหยียนประคองใบหน้าเขา มอบจูบตัวเองให้ “พูดมาค่ะ เรียกฉันมาด้วยทำไมคะ”
จงจิ่งห้าวปรับสีหน้าให้จริงจัง “ตอนวันแต่งงาน บริษัทมีพนักงานบางส่วนไม่ได้ไป ผมเลยพาคุณมา อีกครู่หนึ่งค่อยพบกับพวกเขา”
ในงานแต่งงานรองรับคนมากมายขนาดนั้นไม่ได้ มีเพียงแค่พนักงานระดับสูงที่ไป จึงต้องแนะนำหลินซินเหยียนให้กับทุกคนได้รู้จักสักหน่อย
หลินซินเหยียนเบิกนัยน์ตาแวววาวสดใสคู่นั้น ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาโค้งลงเหมือนพระจันทร์เสี้ยว เชยคางเขาขึ้นมา เอ่ยอย่างแง่งอนว่า “ที่แท้คุณเรียกฉันมา ก็เพื่อต้องการให้ฉันเปิดเผยหน้าตาต่อหน้าเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณอย่างเป็นทางการ? ไม่ใช่เพราะว่าอยู่ห่างจากฉันไม่ได้? และก็ไม่ใช่เพราะว่าคิดถึงฉัน?”