“คุณมาตรวจใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองท้องเธอแวบหนึ่ง
หลินซินเหยียนผงกศีรษะให้อย่างมีมารยาทครั้งหนึ่ง
“คุณมีชะตาชีวิตที่ดีมากจริงๆ งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกอิจฉา” กู้หุ้ยหยวนเอ่ยยิ้มๆ
หลินซินเหยียนมองเธอ พลางเอ่ยถามว่า “พวกเรารู้จักกันหรือคะ”
“คุณอาจจะไม่รู้จักฉัน แต่ว่าฉันรู้จักคุณค่ะ” กู้หุ้ยหยวนยังคงยิ้มแย้มเช่นเดิม
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เริ่มค้นหาบุคคลนี้ภายในสมอง เธอแน่ใจว่าตัวเองไม่เคยพบเธอมาก่อน
“คุณรู้จักฉันได้อย่างไรคะ คุณเป็นใครกัน” สำหรับคนแปลกหน้า จิตใจระแวดระวังของหลินซินเหยียนนั้นสูงมาก เธอหาข้ออ้างหยิบกระเป๋า และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากด้านใน
เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอจะได้สามารถโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ทันที
กู้หุ้ยหยวนเห็นความเคลื่อนไหวของเธอแล้ว ในใจก็คิดว่า ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่ระแวดระวังสูงมาก
“ได้รับของขวัญวันแต่งงานที่ฉันมอบให้ไหมคะ ได้สวมให้สามีของคุณดูหรือเปล่า”
หลินซินเหยียนหน้าเปลี่ยนสีทันที เธอเป็นคนมอบของขวัญชิ้นนั้นให้หรือ เธอเป็นใครกัน คิดจะทำอะไร กระทั่งเสิ่นเผยซวนก็ยังตรวจสอบเธอไม่ได้
“คุณเป็นใครกันแน่คะ” เธอกำหมัดแน่น ในใจรู้สึกกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก
มักจะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จงใจเข้าใกล้เธอ และมีเจตนามุ่งร้ายด้วย
“คุณไม่ต้องรู้หรอกค่ะว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นแค่คนที่มีชะตาชีวิตลำบากคนหนึ่ง คุณมาตรวจครรภ์ ส่วนฉัน…”
กู้หุ้ยหยวนชี้ไปยังทิศทางของห้องผ่าตัด “ฉันมาทำแท้งโดยการฉีดยาชาเข้าทั้งร่างเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บขณะทำแท้งค่ะ”
เอ่ยจบแล้ว เธอก็ลุกขึ้น “ฉันพูดความจริงนะคะ ฉันอิจฉาคุณมากจริงๆ คุณมีสามีที่รักและทะนุถนอมคุณ ลูกก็มีคนคุ้มครอง ส่วนลูกของฉันนั้น ไม่สามารถคลอดออกมาได้”
“คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่คะ ทำไมถึงต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉันด้วยกัน?” หลินซินเหยียนเอ่ยเสียงเย็นชา
“ไม่ได้มีความหมายอะไรค่ะ เพียงแค่หาคนมาระบายความอึดอัดใจเท่านั้นเอง อย่างไรเสียลูกของชู้ ก็ไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของเด็กก็มีภรรยาและลูกแล้ว เขาจะอยู่ต่อไปได้อย่างไรกันคะ? หรือผู้ชายคนนั้นเพียงแค่หุนหันพลันแล่นเกิดความคิดกับฉันไปชั่วขณะ…ฉันคิดว่าเขายังคงรักภรรยาของเขามาก ไม่อย่างนั้นจะปฏิบัติต่อเธอดีขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?” เธอแสร้งเอ่ยเป็นนัย
เอ่ยจบแล้วก็หมุนตัวจากไป
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้หมายความว่าอะไรกันแน่?
คิดจะบอกใบ้อะไรในคำพูดและความหมายนี้กัน?
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเสิ่นเผยซวน
ตอนนี้เสิ่นเผยซวนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ คนที่เขาส่งมาสะกดรอยตามกู้หุ้ยหยวน ตามจนพลัดหลงกัน ขณะนี้กำลังรายงานกับเสิ่นเผยซวน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงได้พลัดหลงกัน?” เสิ่นเผยซวนถามเสียงเข้มและเฉียบขาด
“เธอน่าจะเห็นผมครับ เธอไปห้องน้ำอยู่นานก็ยังไม่ออกมา ตอนที่ผมเข้าไป ก็ไม่เห็นคนแล้ว ผมก็ไม่สามารถตามไปในห้องน้ำหญิงได้ ดังนั้น…เป็นความประมาทของผมเองครับ”
“ผมรู้แล้ว หาคนให้เจอแล้วตามต่อไป” เสิ่นเผยซวนเป็นกังวลใจ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้คิดไม่ซื่อ จงใจมอบของขวัญให้กับหลินซินเหยียนในวันแต่งงาน และรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตามเธอได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสลัดคนที่สะกดรอยตามตัวเองทิ้งได้ เห็นได้ชัดว่ามีแผนการในใจล่วงหน้าอยู่แล้ว
ในตอนนี้เองที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มีสายเข้ามา เสิ่นเผยซวนจึงเอ่ยว่า “พยายามตามหาคนให้พบโดยเร็วที่สุด”
เอ่ยจบแล้วเขาก็วางสาย และรับสายที่โทรเข้ามา “ฮัลโหล”
“ฉันเอง” หลินซินเหยียนถือโทรศัพท์มือถือ สายตามองไปที่ระเบียงทางเดิน “ฉันรู้ว่าคนที่มอบของขวัญให้ฉันในวันแต่งงานเป็นใครแล้ว”
เสิ่นเผยซวนชะงักไปครู่หนึ่ง “เธอ เธอรู้ได้อย่างไร”
“ฉันเจอเธอแล้ว เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เอ่ยคำพูดแปลกๆกับฉัน นายช่วยฉันตรวจสอบหน่อยได้ไหม”
“ฉันสามารถช่วยเธอตรวจสอบได้ เธอบอกฉันก่อนว่า เธอพบกับเธอที่ไหน จิ่งห้าวรู้ไหม” เสิ่นเผยซวนถาม
ตอนนี้เขาสามารถยืนยันได้ว่า กู้หุ้ยหยวนคนนี้จงใจเข้ามาใกล้ชิดหลินซินเหยียน ส่วนที่ว่าจะทำอะไรนั้น ยืนยันได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
“เขาไม่รู้ ฉันยังไม่ได้คุยกับเขา ตรวจสอบได้ผลลัพธ์แล้วอย่าลืมบอกฉันนะ”
เสิ่นเผยซวนบอกว่าได้
ตอนนี้เองที่จงจิ่งห้าวเดินถือผลการตรวจเข้ามา “คุยโทรศัพท์กับใครหรือ”
หลินซินเหยียนวางสายโทรศัพท์แล้วบอกว่าคุยกับเสิ่นเผยซวน
“มีเรื่อง?” จงจิ่งห้าวเห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดีจึงยื่นมือไปประคองเธอให้ลุกขึ้นยืน
“ฉันมีเรื่องที่ไม่ได้บอกคุณมาโดยตลอด ในวันแต่งงานวันนั้น ฉันได้รับของขวัญมาชิ้นหนึ่ง ไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ ฉันจึงให้เสิ่นเผยซวนไปตรวจสอบสักหน่อย” เธอเงยหน้าขึ้น “เอาผลการตรวจมาแล้วหรือคะ”
จงจิ่งห้าวรับคำเสียงเบา พาเธอไปที่ห้องตรวจเพื่อให้คุณหมอดูผลการตรวจ
หลังจากที่คุณหมออ่านดูแล้วก็บอกว่าทั้งหมดปกติ การพัฒนาของตัวอ่อนดีมาก ให้คนท้องคงสภาพจิตใจที่เบิกบานแจ่มใสเอาไว้ และมาตรวจครรภ์ให้ตรงตามเวลาที่กำหนด
จงจิ่งห้าวรับคำ
หลินซินเหยียนนั้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย คิดถึงคำพูดเหล่านั้นที่ผู้หญิงคนนั้นพูดว่าหมายความว่าอะไรตลอดเวลา
หลังจากขึ้นรถ กระทั่งเข็มขัดนิรภัยก็ลืมคาด จงจิ่งห้าวโน้มตัวดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เธอ พลางเอ่ยถามว่า “กำลังคิดอะไรอยู่ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเลย”
หลินซินเหยียนมองใบหน้าที่อยู่ระยะประชิดของเขา เอ่ยเรียกเขาเสียงเบาว่า “จิ่งห้าว”
“อืม” เขาเหลือบตาขึ้นมอง
“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งล่อใจ คุณจะยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่อยู่ไหมคะ” เขาอายุ 30 กว่าแล้ว สำหรับผู้ชายเป็นช่วงอายุที่มีเสน่ห์มากที่สุด มีความเป็นผู้ใหญ่และจิตใจหนักแน่น เขาหล่อ รวย ผู้หญิงที่ยินยอมมอบกายถวายตัวให้เขาจะต้องมีจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน
ในบรรดาผู้คนเหล่านั้นจะต้องมีคนที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
เขาจะหวั่นไหวหรือไม่
จงจิ่งห้าวสตาร์ทรถ บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดเจนว่าคำถามนี้ของเธอถามได้กะทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้ก็ดีมาตลอด จู่ๆถามคำถามแบบนี้ขึ้นมา อีกทั้งในคำพูดนั้นก็มีนัยยะ “คุณไม่เชื่อผมหรือว่าไม่เชื่อตัวคุณเองกันแน่”
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงเขาสั่นอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยิบออกมาดู บนหน้าจอก็มีข้อความที่ขึ้นว่ายังไม่ได้อ่านข้อความหนึ่ง เสิ่นเผยซวนเป็นคนส่งมา เขากดเปิดอ่าน [คนของฉันตามกู้หุ้ยหยวนจนพลัดหลงกัน เธอไปพบกับพี่สะใภ้ ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับพี่สะใภ้เหมือนกัน พี่สะใภ้โทรหาฉัน ให้ฉันตรวจสอบเธอ]
จงจิ่งห้าวกดพิมพ์ตัวอักษรออกมาประโยคหนึ่งบนแป้นพิมพ์ด้วยความรวดเร็ว [กู้หุ้ยหยวนพูดอะไรกับเธอ?]
และกดปุ่มส่งออกไป
[ฉันไม่รู้ พี่สะใภ้บอกเพียงแค่ว่าเธอพูดเรื่องแปลกๆ ส่วนคำพูดที่ว่าแปลกอะไรนั้น เธอไม่ได้บอกฉัน คราวที่แล้วส่งชุดชั้นในมา คราวนี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่เกินไปมากกว่าเดิมไหม ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้ก็คงไม่ให้ฉันตรวจสอบเธอ]
จงจิ่งห้าวตอบกลับ [ฉันรู้แล้ว]
เขาโยนโทรศัพท์ไว้ด้านหนึ่ง สตาร์ทเครื่องยนต์และขับรถจากไป
หลินซินเหยียนมองเขา พลางเอ่ยถาม “ใครส่งข้อความมาหรือคะ”
จงจิ่งห้าวเอ่ย “โทรศัพท์มือถืออยู่ตรงนั้น คุณดูเองเถอะ”
หลินซินเหยียนไม่ได้หยิบมาดู เม้มริมฝีปากไม่พูดไม่จา จงจิ่งห้าวก็ขับรถโดยไม่ได้พูดคุยกับเธอเช่นกัน ในไม่ช้ารถยนต์ก็จอดที่โรงแรม ทั้งสองคนลงจากรถและกลับไปที่ห้องด้วยกัน
หลังจากเข้าไปในห้อง จงจิ่งห้าวก็โยนกุญแจรถและโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะพร้อมกัน เขาดึงปกคอเสื้อและลากหลินซินเหยียนมานั่งบนโซฟา
“ผู้หญิงที่มอบของให้คุณในงานแต่งงานชื่อกู้หุ้ยหยวน พี่สาวคนที่หกของกู้เป่ย ตอนนี้กู้เป่ยและท่านปู่กู้ล้วนถูกตรวจสอบ คาดว่าน่าจะรู้ว่าผมเป็นคนทำ ถึงได้จงใจเข้ามาใกล้คุณ สำหรับเป้าหมายนั้นชัดเจนมาก ไม่ใช่การยุให้รำ ตำให้รั่ว ก็ต้องคิดหาวิธีทีทำร้ายคุณ เพราะว่าคุณเป็นคนของผม เธอพูดอะไรกับคุณหรือ ให้คุณสงสัยผม?
หลินซินเหยียนนัยน์ตาเบิกกว้าง “เธอคือเป็นคนตระกูลกู้หรือคะ”
จงจิ่งห้าวตอบเสียงเบา “ใช่แล้ว บอกมาเถอะว่า เธอพูดอะไรกับคุณ”
หลินซินเหยียนรู้สึกละอายใจในความคิดมากของตัวเอง ก้มศีรษะลง “เธอบอกใบ้กับฉันว่า คุณอาจจะมีความสัมพันธ์กับเธอ”
“ดังนั้นคุณก็เชื่อแล้ว?” จงจิ่งห้าวเลิกคิ้ว
“เปล่าค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้น “ฉันไม่ได้เชื่อ ฉันแค่กลัวว่าจะสูญเสียคุณไป”
เธอเป็นฝ่ายกอดเขาก่อน แนบใบหน้าลงบนแผงอกเขา นิ้วมือก็เกลี่ยกระดุมบนเสื้อเชิ้ตเขาเล่น เอ่ยด้วยความน้อยใจว่า “คุณเก่งขนาดนี้ ผู้หญิงข้างนอกก็มีเยอะแยะขนาดนั้น ฉันเป็นแม่ของลูกมาสามคนแล้ว จึงกลัวว่าจะมีสักวันหนึ่งที่คุณไม่ต้องการฉัน ลูกของฉันก็ไม่มีพ่อแล้ว นี่มันน่าสงสารมากนะคะ”
จงจิ่งห้าวถูกทำให้รู้สึกทั้งฉิวทั้งขัน จึงจับคางเธอเอาไว้ เชยให้เธอเงยหน้าขึ้นมา