เสิ่นเผยซวนพูด “ได้ ฉันจะจัดให้คนไปจับตามอง”
“มีเรื่องอะไรติดต่อฉันได้ตลอด” จงจิ่งห้าวดื่มน้ำ ก่อนจะพิงโซฟาแล้วพัก
เสิ่นเผยซวนนั่งข้างๆ อย่างสนใจ และไม่กล้าส่งเสียงรบกวนเขา
ในห้องข้างๆ ฉินยาคิดอยู่นาน ก่อนจะตอบหลินซินเหยียน เธอยืนขึ้นก่อนจะเดินไปข้างหน้าต่าง พลางมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงเขา เพียงแค่……ปิดบังเหตุผลที่เลิกกับเขา แล้วรู้สึกผิดกับเขาเท่านั้นเอง”
เธอไม่ได้พูดความจริงออกไป แล้วปิดบังสิ่งที่ตัวเองไม่อยากเผชิญ
“ฉันไม่คิดถึงเขาเพราะเรื่องของฉัน จะท้อถอยและกลับมาฮึดสู้ไม่ได้” เธอทำเพราะหวังดีกับเขา
และก็เพื่อตัวเองด้วย
เหมือนกับเป็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง ที่มันโทรไม่ได้ การอยู่ของมันนั้นประหลาด แล้วไม่ถูกคนยอมรับ
“คุณรู้ไหมว่าทำไมซูจ้านไม่ออกมา?” หลินซินเหยียนรู้ความรู้สึกผิดในใจของเธอ และไม่อยากเผชิญหน้า แต่การไม่สามารถมีลูกได้นั้นมันไม่ใช่จุดจบคอขาดบาดตาย แล้วถ้าเกิดว่าซูจ้านไม่สนใจล่ะ?
ทำไมไม่ลองให้โอกาสกับเขาล่ะ?
เชิญหน้าไปด้วยกันงั้นเหรอ?
“เขาทะเลาะกับคนที่บาร์ หน้ามีรอยแผล ดังนั้นเลยไม่กล้ามาปรากฏตัวที่งานแต่งงาน”
มีเรื่องงั้นเหรอ?
“เขาเจ็บมากไหม?” ฉินยาหันมามองเธอ
หลินซินเหยียนมองเธอ “คุณไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแล้ว จะสนใจทำไมว่าเขาบาดเจ็บหนักหรือเปล่า?”
เธออยากกระชากหน้ากากอันนี้ของฉินยาออกมา เห็นๆ อยู่ว่าเป็นห่วง แต่ดันปากแข็ง
“ฉันจะไปเรียกเขามา แล้วคุณถามเขาเอง” หลินซินเหยียนลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหน้าประตู ฉินยาก็รีบดึงเธอเอาไว้ “อย่าเลย ฉันไม่อยากเจอเขา”
“ทำไมไม่อยากเจอฉัน” จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก ซูจ้านยืนอยู่ตรงประตู เขาใส่แว่นกันแดด หางตามีรอยช้ำ พลางมองฉินยาตรงๆ “คุณปิดบังเหตุผลที่เลิกกับฉันงั้นเหรอ?”
หลินซินเหยียนเห็นซูจ้าน กำลังโอบไหล่ของฉินยา “บอกกับเขาเถอะ ถึงแม้จะต้องเลิกกันจริงๆ แต่ก็ต้องให้ชัดเจน เขามีคุณสมบัติของตัวเอง”
เมื่อพูดจบหลินซินเหยียนก็เดินออกจากห้องไป ให้พื้นที่พวกเขา
ฉินยาก้มหน้าลง และอยากจะไปเหมือนกัน ตอนที่เดินไปถึงประตูก็ถูกซูจ้านจับข้อมือเอาไว้ ก่อนจะดึงเข้ามาในห้อง แล้วก็เปิดประตูห้องไป
“คุณต้องบอกฉันให้ชัดเจน ว่าคุณปิดบังอะไรฉัน?ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ให้คุณไป” ท่าทีของซูจ้านนั้นดุดันมาก
ฉินยาเอามือทั้งสองข้างกอดตัวเอง เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย
เธอไม่กล้ามองน้ำตาของซูจ้าน “ฉันไม่ได้ปิดบังอะไรคุณ”
“งั้นเหรอ?” ซูจ้านไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
“เกี่ยวกับช่าวหยุนเหรอ?” ซูจ้านจับไหล่ของเธอ เพื่อให้เธอมองตัวเอง
ฉินยารีบส่ายหัว “ไม่เกี่ยวกับเขา”
เธอเพียงแค่ให้ช่าวหยุนช่วยตัวเองสักหน่อย แต่ไม่อยากให้ซูจ้านเข้าใจอะไรเขาผิดอีก และสร้างความลำบากให้เขา
“ไม่เกี่ยวกับเขา แล้วเกี่ยวกับใคร?”
“ไม่ต้องถามแล้ว เราเลิกกันไปแล้ว ขอให้คุณอย่ามารบกวนฉันอีก” ฉินยาพูดเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะผลักมือของเขาออกอย่างเต็มแรง
ซูจ้านกำมือทั้งสองข้างแน่น พลางมองเธออยู่นาน “ดี ในเมื่อคุณไม่อยากพูด ฉันจะไปถามพี่สะใภ้ ฉันว่าต้องมีคนรู้อยู่แล้ว”
พูดจบเขาก็หันตัวเดินจากไป
“ซูจ้าน!”
ฉินยาเรียกเขาเอาไว้ “คุณอย่าทำอะไรไร้เหตุผลแบบนี้นะ”
วันนี้เป็นวันดีของหลินซินเหยียน เขาหาหลินซินเหยียนเพราะเรื่องของตัวเอง มันทำให้เธอรู้สึกเกรงใจไม่น้อย
เธอไม่อยากให้คนอื่นลำบาก
“ถ้าวันนี้พูดไม่ชัดเจน ฉันจะไม่หยุด”
ซูจ้านรู้ว่าเธอไม่อยากให้ตัวเองไปรบกวนหลินซินเหยียน ดังนั้นท่าทีเลยดุดันกว่าเดิม พลางบังคับเธอ
จู่ๆ ฉินยาก็หัวเราะขึ้นมา “คุณอยากรู้จริงๆ เหรอ?”
ซูจ้านพูดอย่างไม่ลังเล “ใช่”
“งั้นก็ดี” ฉินยานั่งลงบนโซฟา ก่อนจะพูดเสียงเย็นชาออกมาจากจมูก “พี่หลินคิดว่าฉันควรจะบอกกับคุณให้ชัดเจน ก็ดี วันนี้ ฉันจะเคลียร์กับคุณให้ชัดเจน”
ซูจ้านเห็นท่าทีของเธอเริ่มตึงเครียดขึ้นมา รู้สึกมีลางไม่ค่อยดี มันวนเวียนอยู่ในหัวโดยที่ควบคุมไม่ได้
เขามองฉินยาอย่างจริงจัง
ฉินยาค่อยๆ ชายตาขึ้น “ฉัน จากนี้……จะไม่มีทางมีลูกได้อีกแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ฉันปิดบังคุณ พอใจหรือยัง?”
ซูจ้านคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป “คุณ คุณหมายความว่าอย่างไร?”
จากนั้น ฉินยาก็ระเบิดอารมณ์ เธอเงยหน้าหัวเราะจากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา “ฉันหมายความว่าอะไรเหรอ?ฉันหมายความว่า ทั้งชีวิตนี้ฉันเป็นแม่คนไม่ได้แล้ว ฉันไม่ใช่หญิงที่สมบูรณ์ ตอนนี้คุณรู้แล้ว พอใจหรือยัง?ห๊ะ?พอใจหรือยัง?”
ซูจ้านเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ เพราะไม่อยากจะเชื่อ “คุณโกหกฉัน คุณตั้งใจหลอกฉัน ก่อนหน้านี้เรามีลูกด้วยกันแท้ๆ คุณจะเป็นแม่ไม่ได้อย่างไร……”
“ใช่ ฉันเคยท้องลูกจริงๆ” จู่ๆ ฉินยาก็ตัดบทเขา เธอจริงจัง ก่อนจะเดินมาอยู่ตรงหน้าซูจ้านอย่างไม่มั่นคง พลางเอามือของเขามาวางบนท้องของตัวเอง “ฉันตัดมดลูกออก เพื่อให้มีชีวิตต่อไป ดังนั้นฉันเลยมีลูกไม่ได้ ในนี้ขาดอวัยวะหนึ่งไป คุณรู้ไหม?”
ซูจ้านส่ายหัว ก่อนจะถอยออก “คุณโกหกฉัน คุณโกหกฉัน คุณจะไม่มี……”
“เพราะถ้าไม่เอาออก ฉันจะต้องตาย ดังนั้น เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อ เลยเลือกที่จะตัดทิ้ง แค่นั้นเอง”
เธอลูบหน้า “ตอนนี้ก็รู้หมดแล้ว ยังอยากจะคืนดีกับฉันไหม?”
ซูจ้านสะเทือนไปทั้งทรวง ในหัวนั้นมีเสียงดังขึ้นมากมาย มือทั้งสองของเขาทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะจับผมไปมา เพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ฉินยาพูดเลย
ไม่เพียงแค่โหดร้ายกับฉินยา แต่ยังโหดร้ายกับเขาด้วย
จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองฉินยา “มันเป็นเรื่องโกหก คุณสร้างเรื่องมาโกหกฉันใช่ไหม?”
ฉินยาเดินไปที่นั่งลงบนโซฟา เธอเชยคางเอาไว้ พลางหันหลังให้ซูจ้าน น้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตา เธอคิดว่ามันจะยากที่จะเผชิญ แต่เมื่อพูดออกมา ที่แท้มันก็ไม่ได้ยากที่จะรับไหวขนาดนั้น เธอควมคุมตัวเองได้ ก่อนจะพูดอย่างสงบ “ฉันไม่ได้โกหกคุณ มันเป็นเรื่องจริง ตอนนี้คุณก็รู้แล้ว ไปเถอะ”
ซูจ้านจะไปได้อย่างไร เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งด้านหน้าฉินยาโดยไม่ปล่อยมือเธอ ถึงเธอจะขัดขืน ก็ยังจับเต็มแรง กุมเอาไว้ คอก็แหบแห้งขึ้นมา “นื่คือเหตุผล ที่คุณอยากจะเลิกกับฉันงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่” ฉินยารีบปฏิเสธ พลางพูดด้วยความโหดร้าย “เพราะฉันไม่รักคุณ”
“ฉันไม่เชื่อ!” ซูจ้านจับมือของเธอพลางจูบ “ฉันไม่สนใจ ฉันไม่สนใจจริงๆ นะ ไม่มีลูกแล้วทำไมเหรอ?เพียงแค่มีคุณก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?คุณต้องเชื่อฉัน อย่าปิดบังฉันเลย”
ฉินยาสูดหายใจเข้า ท่าทีของเขาดูคลุมเครือ “รู้สภาพร่างกายของฉันแล้ว ยังไม่ยอมอีกเหรอ?”
ซูจ้านส่ายหัว ก่อนจะเอาหน้าซุกในอ้อมกอดของเธอ “ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร ฉันก็ชอบคุณ เป็นแบบนี้มาตลอด ไม่เปลี่ยนแปลง”
ฉินยาขบริมฝีปาก ก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตา “คุณไม่สนใจ แล้วย่าของคุณล่ะ?”
ร่างกายของซูจ้านนิ่งไป นี่มันเป็นปัญหาจริงๆ เลย
“เรารับเลี้ยงก็ได้ บอกว่าเขาเป็นลูกแท้ๆ ของเรา โดยรวม ถึงอย่างไรก็มีวิธี”
“แล้วคุณล่ะ ไม่อยากมีลูกเป็นของตัวเองเหรอ?”
ซูจ้านเงยหน้าขึ้นมามองตาของเธอ เพื่อให้เธอเชื่อความจริงใจของตัวเอง ก็สบตากับเธอตรงๆ ก่อนจะพูดอย่างชัดเจน “ฉันมีแค่คุณก็พอแล้ว”
“ฉันไม่เชื่อ” ฉินยาถอยหนี เพราะไม่กล้ายอมรับความจริงว่าทั้งสองคนมีลูกด้วยกันไม่ได้
“คุณจะให้ฉันพิสูจน์อย่างไร?” ซูจ้านมองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นมีดปอกผลไม้บนโต๊ะ เขาเลยหยิบขึ้นมา “ฉันเอาชีวิตให้คุณ แล้วจะรับประกันความในใจของฉันได้ไหม?”