จากวิลล่าไปจนถึงสถานที่จัดงานแต่งงาน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เมืองใหญ่ที่มีรถยนต์หนาแน่น อีกทั้งขบวนรถยังยาว ดังนั้นจึงขับได้ค่อนข้างช้า แต่ได้มีการคำนวณเวลาเอาไว้แล้ว จงฉีเฟิงไปดูฤกษ์มาบอกว่าเป็นช่วงบ่าย สามโมงสิบ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะสาย
ระหว่างทางนั้นรถที่โดดเด่นสะดุดตา บวกกับรายงานข่าวของบรรดาสื่อมวลชน ข่าวจึงแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างสงสัยว่าจงจิ่งห้าวจะแต่งงานกับใคร ใช่หญิงสาวที่ปรากฏตัวที่ห้างพร้อมกับเขาเมื่อครั้งก่อนหรือไม่
เพราะถึงอย่างไรในข่าวก็ดูจะสนิทสนมกันมาก
เป็นอีกครั้งที่ทุกคนสงสัยใคร่รู้ในตัวหญิงสาวคนนี้
ตามการเปิดเผยของสินสอดทองหมั้น ทุกคนต่างรู้ว่านี่ไม่ใช่อีกาที่กลายเป็นหงส์ เพราะสินสอดคู่สมรสนั้นหรูหราอลังการอย่างมาก
การคาดเดาก่อนหน้านี้ ว่ากันว่าหญิงสาวคนนี้อาศัยลูกในท้องตัวเองปีนขึ้นสู่ที่สูง
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ เพราะพวกเขาเองต่างก็เป็นคนมีฐานะ ไม่ใช่การเอาตัวเข้าแรกเพื่อปีนขึ้นสู่ที่สูงอะไรทำนองนั้น
ครู่เดียว ก็ทำให้คนต่างรู้สึกว่านี่เป็นการแต่งงานของตระกูลใหญ่ สำหรับการดองกันแบบนี้ มันเป็นพรที่น่ายินดียิ่ง
เพราะเจ้าสาวไม่เพียงแต่สวยมาก ชาติตระกูลยังดีอีก บางคนได้แต่อิจฉาริษยา
ถ้าหลินซินเหยียนเป็นหญิงสาวของตระกูลธรรมดา ทุกคนจะคาดเดาว่าเธอใช้อะไรต่างๆ นาๆ ปีนขึ้นไป ซึ่งเหล่า ‘ซินเดอเรลล่า’ ที่ใฝ่ฝันจะได้แต่งเข้าตระกูลมหาเศรษฐีจะคิดว่าความจริงฉันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเธอ ทำไมฉันจะไม่สามารถแต่งกับผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวยคนนี้ได้ล่ะ
จิตใจของมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง
ยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังและเป็นคนที่สวยมาก ได้แต่งงานกับมหาเศรษฐีที่หย่าร้างซึ่งแก่กว่ายี่สิบปี ไม่ว่าเธอจะดีสักแค่ไหน ผู้คนก็จะบอกว่าเธอทำเพื่อเงิน และละเลยความรู้สึกของเธอไป
ถึงสถานที่จัดงานแต่งงาน จงจิ่งห้าวพาหลินซินเหยียนไปพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่น ส่วนเขายังต้องไปจัดการสิ่งต่างๆ ดังนั้นหลังจากถึงที่หมาย ทั้งคู่จึงแยกกันอีกครั้ง
หลินซินเหยียนนั่งอยู่บนโซฟา บนมือยังมีเหงื่อ ตอนที่อยู่ในรถ เธอจับมือกับจงจิ่งห้าวแน่นเกินไป ก่อนหน้านี้ยังคิดอยู่เลยว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับการแต่งงาน
แต่เมื่อถึงวันเข้าจริงๆ ในจิตใจกลับเกิดความรู้สึกมากมาย ทั้งโหยหาทั้งคาดหวัง และยังเครียดเล็กน้อยด้วย
เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเครียดอะไร มันแค่รู้สึกเครียด
ตอนที่จงจิ่งห้าวจับมือเธอ อารมณ์ความรู้สึกของเธอสับสนปนเป คิดถึงเรื่องในอดีตมากมาย ทั้งทั้งที่เป็นวันที่มีความสุข แต่อยู่ต่อหน้าเขา กลับอยากร้องไห้
“มีพวกเราอยู่ที่ยี่เป็นเพื่อนเธอนะ อย่าเครียด” ฉินยาเห็นเธอเครียดจึงเอ่ยปลอบ
หลินซินเหยียนเงยหน้ามองเธอ “เธอรู้ไหม ฉันคิดว่าฉันชินแล้ว แต่พอถึงวันเข้าจริงๆ ฉันยังเกิดความคาดหวัง”
ฉินยาพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ผู้หญิงทุกคนรู้สึกแบบนี้ทั้งนั้น”
จะว่าไปการแต่งงานสำหรับผู้หญิง มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ไม่ใช่ว่าการแต่งงานของผู้หญิงมันคือการกลับชาติมาเกิดใหม่หรอกหรือ
“เธอควรจะรู้สึกโชคดี” ฉินยาจับกระชับมือเธอ “คนส่วนมากต่างแต่งงานก่อน แล้วค่อยไปประสบกับชีวิตหลังแต่งงาน ส่วนเธอ ประสบกับชีวิตแต่งงานไปแล้ว การเป็นแบบนี้เธอจึงได้ลดความเสี่ยงลงไป ถ้าเธอใช้ชีวิตไม่ดี เธอจะไม่ได้แต่งงานอีก ดังนั้น เธอยังโชคดีนะ”
หลินซินเหยียนยกยิ้มบาง เหมือนจะบอกว่ามันสมเหตุสมผลดี
ก๊อกๆ…..
มีคนมาเคาะประตูห้องนั่งเล่น
ฉินยาลุกขึ้นไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นผู้หญิงซึ่งสวมชุดพนักงานโรงแรม “ขอรบกวนสอบถามที่นี่มีคนชื่อคุณหลินซินเหยียนไหมคะ”
ฉินยาตอบ “มีค่ะ”
อีกฝ่ายดูท่าจะเป็นพนักงานโรงแรม เพราะอย่างนั้นฉินยาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
“อ๋อค่ะ มีคนให้ฉันนำของขวัญมามอบให้คุณหลินค่ะ” พนักงานเสิร์ฟส่งกล่องของขวัญให้
ฉินยายังไม่ทันได้รับ เพิ่งคิดจะถามเธอว่าใครส่งมา ปรากฏว่าพลันได้ยินเสียงชายคนหนึ่ง “ใครให้คุณมาส่ง”
เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา
จงจิ่งห้าวกลัวว่าจะเกิดเรื่องผิดปกติ ทางฝั่งตระกูลกู้ยังไม่มีผลอะไร กลัวว่าจะมีใครมาก่อความวุ่นวาย ทั้งงานแต่งได้รับการตรวจตราโดยบุคคลที่ได้รับมอบหมายพิเศษ เสิ่นเผยซวนรับผิดชอบทางฝั่งหลินซินเหยียน เพราะจงจิ่งห้าวไว้ใจเขา
เพื่อให้งานแต่งงานราบรื่น เขาต้องคอยป้องกันด้วยตัวเอง
ประจวบเหมาะกับที่ฉินยาก็อยากถาม หลังจากได้ยินคำพูดของเสิ่นเผยซวนจึงไม่ถามอีก และมองดูพนักงานเสิร์ฟ เหมือนกับกำลังรอคำตอบของเธอ