หลินซินเหยียนกดปุ่มรับสาย รับสายโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
ทางนั้นได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง ก็วางสายโทรศัพท์
หลินซินเหยียนมองโทรศัพท์อย่างแปลกใจ
จงจิ่งห้าวล้างหน้าเสร็จแล้ว ว่างมามองเธอครู่หนึ่ง ถามว่า “ใครหรอ?”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ พอรับโทรศัพท์ ทางนั้นก็ไม่พูดอะไรแล้วก็วางสายไปเลย”
จงจิ่งห้าวไม่ได้ใส่ใจ พูดว่า “โทรผิดล่ะมั้ง”
หลินซินเหยียนก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกว่าไม่เหมือนโทรผิด เหมือนกับเพราะว่าได้ยินเสียงเธอเลยวางสาย
แต่เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไร
“อาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว คุณล้างเสร็จก็ลงไปนะ” หลินซินเหยียนเอาโทรศัพท์ของเขาวางลงบนเคาน์เตอร์ล้างหน้า
หันหลังกลับและเดินออกไป
จงเหยียนซีหัวยุ่งชี้ฟู สวมชุดนอนยืนอยู่หน้าประตู เงยหน้า “หม่ามี๊ หนูเหมือนได้ยินเสียงของแด๊ดดี้ แด๊ดดี้กลับมาแล้วหรอคะ?”
หลินซินเหยียนพูด “หนูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ล้างหน้าแปรงฟันให้สะอาดแล้วหม่ามี๊จะบอก…”
“แด๊ดดี้”
หลินซินเหยียนยังพูดไม่ทันจบ เธอก็เห็นจงจิ่งห้าวที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ไม่สนหลินซินเหยียนแล้วก็วิ่งเข้ามา กอดขาของเขา เงยหน้าขึ้น “แด๊ดดี้ กลับมาเมื่อไหร่คะ?”
จงจิ่งห้าวก้มตัวอุ้มลูกสาวขึ้นมา “แด๊ดดี้อุ้มหน่อยตัวหนักรึยัง”
“หนักรึยังคะ?” จงเหยียนซีกอดคอของเขาและถาม
“หนักแล้ว”
เธอชอบกิน และยังชอบนอนขี้เกียจ ร่างกายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้อ้วนมาก ก็แค่หนักกว่าก่อนหน้านี้นิดหน่อย แต่ว่าก็สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่น้อย
ดูคล้ายกับเด็กประถมนิดหน่อยแล้ว
จงเหยียนซีจ้องเขา “แด๊ดดี้กลับมาเมื่อไหร่หรอคะ?”
“เมื่อวานตอนกลางคืน” จงจิ่งห้าวตอบเธอ “แด๊ดดี้พาหนูไปล้างหน้านะ?”
จงเหยียนซียิ้มแป้นตอบ “โอเคค่ะ”
แด๊ดดี้ล้างหน้าแปรงฟันให้จะมีความสุขแค่ไหนนะ
จงจิ่งห้าวอุ้มเธอเดินออกมา เดินผ่านหลินซินเหยียน เธอพูดอย่างได้ใจว่า “หม่ามี๊ แด๊ดดี้จะล้างหน้าให้หนู”
หลินซินเหยียนจนปัญญากับเธอ เอื้อมมือไปตีก้นเธอทีนึง “หนูน่ะเป็นเจ้าตัวขี้เกียจตัวน้อย”
ขี้เกียจสุดๆ
จงเหยียนซีก็ไม่ได้โกรธ หัวเราะฮิๆ
“ฉันลงไปก่อนนะ” ประโยคนี้หลินซินเหยียนพูดกับจงจิ่งห้าว
เขาตอบอืมทีหนึ่งอุ้มลูกสาวเข้าไปห้องน้ำในห้อง
หลินซินเหยียนให้คุณน้าหวางยกอาหารเช้าเข้ามา ทุกคนตื่นหมดแล้ว ก็ถึงเวลากินอาหารเช้าแล้ว
อาหารเช้าจัดวางบนโต๊ะ ทุกคนทยอยมานั่งลงต่อหน้าโต๊ะอาหาร เตรียมทานอาหารเช้า จงจิ่งห้าวจูงมือลูกสาวลงมาจากข้างบน
“เอ๊ะ แด๊ดดี้กลับมาเมื่อไหร่ครับ?” จงเหยียนเฉินถาม
นี่ก็เป็นคำถามที่ทุกคนอยากจะถามเหมือนกัน
จงจิ่งห้าวอุ้มลูกสาวมานั่งบนเก้าอี้ ตอบว่า “เมื่อคืน”
เขานั่งบนเก้าอี้ข้างๆลูกสาว กล่าวทักทายจงฉีเฟิงกับเฉิงยู่เวิน “มีเรื่องนิดหน่อย ดังนั้นสองสามวันนี้เลยไม่ได้กลับมา”
คนแก่ทั้งสองเข้าใจอย่างดี ไม่ได้ถามมากมาย ช่วยไม่ได้ ก็ไม่ควรสร้างปัญหาเพิ่มอีก
จงฉีเฟิงเชื่อมั่นในตัวลูกชายของตนเองมาก ไม่ว่าเขาจะทำอะไร จะต้องคิดมาอย่างรอบคอบดีแล้วแน่นอน ไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่แน่นอนโดยไม่คิดให้ดีก่อน
“ต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกฉันมาแล้วกัน” จงฉีเฟิงแม้ว่าไม่ได้เข้าสังคมมาหลายปีแล้ว แต่ว่าก็พอมีเส้นสายที่เมื่อก่อนสะสมไว้อยู่บ้าง
เพราะว่าเฉิงยู่ซิ่ว ความสัมพันธ์ของเขากับตัวเองตลอดมาไม่ค่อยจะดีนัก เจอเรื่องลำบาก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมาหาเขาเลย
ตอนนี้เรื่องทุกอย่างก็เข้าใจกันแล้ว เขาหวังว่าพวกเขาจะอยู่ร่วมกันได้เหมือนพ่อลูกปกติ
จงจิ่งห้าวตอบว่าถ้าต้องการจะพูดออกมาแน่นอน
“ถ้านายยุ่ง งานแต่งงานให้ฉันกับพ่อนายจัดการเถอะ” เฉิงยู่เวินพูด
รู้ว่าเขายุ่ง เรื่องรายละเอียดงานแต่งงานก็เยอะ จำเป็นต้องมีคนคอยดู
จงจิ่งห้าวไว้หน้าเฉิงยู่เวินโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เขาน่ะ สำหรับงานแต่งงานมีเพียงอย่างเดียวที่ต้องการ นั่นก็คือต้องยิ่งใหญ่
เขาอยากจะให้ทุกคนได้รับรู้ว่า เขาแต่งงานแล้ว หลินซินเหยียนเป็นภรรยาของเขา
“นายวางใจเถอะ” เฉิงยู่เวินรับประกัน “เราจะจัดการให้อย่างดี”
หลังจากทานมื้อเช้า จงจิ่งห้าวเดินขึ้นมาเปลี่ยนชุดข้างบน หลินซินเหยียนจัดคอเสื้อของเขาให้เรียบร้อย “เป็นจุดสนใจเกินไปหรือเปล่านะ?”
เขาเหลือบมองลง “อะไร?”
“งานแต่งงานไง เครื่องประดับเพชรพลอยพวกนั้นดูสะดุดตาเกินไป…”
“ส่งมาหมดแล้วหรอ?” เขาถาม
หลินซินเหยียนพยักหน้า
“ในสายตาผม ไม่มีเครื่องประดับเพชรพลอยไหนเหมาะกับคุณ คุณนั่นแหละแพรวพราวที่สุด” เขากุมมือเธอ
หลินซินเหยียนยิ้ม ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบให้ผู้ชายพูดหวานหูกับตนเอง เธอก็เหมือนกัน ใบหน้ากลับแกล้งทำเป็นจริงจัง “ทำไมคุณพูดจาหวานหูแบบนี้ล่ะ? หรือว่าอยู่ด้านนอกทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อฉันใช่มั้ย?”
ทำดีต่อเธอยังผิดอีก?
“งั้นฉันตีคุณสามครั้งต่อวัน แบบนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าฉันรักคุณ?”
หลินซินเหยียนถอนมือออก เอาเนคไทคล้องไว้ที่คอของเขา “คุณทำเอาเอง”
จงจิ่งห้าวกอดเธอไม่ปล่อย “คุณตีผมสามครั้ง ได้รึเปล่า?”
หลินซินเหยียนจ้องเขา “ฉันตีก็ไม่ชนะคุณหรอก คุณแรงเยอะกว่าฉันตั้งเยอะ”
จงจิ่งห้าวกัดหูของเธอ “ผมยอมให้คุณ”
จั๊กจี้มาก หลินซินเหยียนดิ้นเล็กน้อย “เลิกกวนได้แล้ว”
“งั้นคุณดูแลรับใช้ผม”
หลินซินเหยียนตอบอืม ขณะที่ผูกเนคไทให้เขา ก็อดไม่ได้ที่จะรับสั่งเขาประโยคหนึ่ง “ระวังตัวด้วย”
กระต่ายรีบร้อนยังกัดคนได้เลย ยิ่งเป็นคนล่ะ หากรู้ว่าทั้งหมดนี้เขาเป็นคนทำ ไม่แน่ว่าอาจจะมาล้างแค้นแบบไม่สนใจอะไรเลย
จงจิ่งห้าวอืมเบาๆทีหนึ่ง
จัดเสื้อผ้าให้เขาเรียบร้อย หลินซินเหยียนส่งเขาออกไป “ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้าน กลับมาเร็วๆนะ”
จงจิ่งห้าวยิ้มบางๆ “ผมไม่อยากออกไปแล้วเนี่ย”
อยากอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนเธอ แต่ว่าเรื่องยังจัดการไม่หมด แล้วจะให้บ้านที่สงบสุขแก่เธอได้อย่างไร?
“ผมไปแล้วนะ”
หลินซินเหยียนมองเขาจากไป
เสิ่นเผยซวนแม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วม แต่ก็รู้ว่าจงจิ่งห้าวทำทั้งหมด เมื่อวานเขาโทรศัพท์รู้ว่าวันนี้เขาว่าง ดังนั้นเลยนัดมาเจอกัน
ไม่ได้นัดข้างนอก แต่นัดอยู่ในบริษัท
ตอนที่จงจิ่งห้าวมาถึง เขาและซูจ้านก็รออยู่แล้ว
ซูจ้านตื่นเต้นที่สุด “ถูกอกถูกใจจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าท่านปู่กู้ เมื่อก่อนจะเคยทำเรื่องที่เลวทรามต่ำช้าได้ถึงขนาดนี้”
เห็นข่าวกู้เป่ยถูกจับ เขาเกือบจะปรบมือโห่ร้องดีใจ คนแบบนี้ ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
เสิ่นเผยซวนใช้ศอกแทงเขาเล็กน้อย “นายเงียบหน่อย”
ซูจ้านมองดูเขา “ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
“งั้นนายไม่กลัวว่าปากจะเหนื่อยก็พูดต่อไป” เสิ่นเผยซวนดื่มน้ำอึกหนึ่ง
จงจิ่งห้าวเดินเข้ามา เสิ่นเผยซวนวางแก้วชาลงและลุกขึ้น เขาโบกมือทีหนึ่ง ให้เสิ่นเผยซวนนั่งลง
“ทำไมถึงไม่บอกฉัน ฉันจะได้ช่วยอะไรได้บ้าง” เสิ่นเผยซวนพูด
ซูจ้านก็พูดต่อ “นั่นสิ ดูถูกความสามารถของพวกเรารึไง?”
เขาก็นิสัยแบบนี้ จงจิ่งห้าวไม่ได้สนใจเขา
วันนี้เจอกันเขาอยากปรึกษากับเสิ่นเผยซวนสักหน่อย ตอนนี้พ่อลูกตระกูลกู้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างหนัก เอาตัวเองแทบไม่รอดไม่มีเวลามาจับตาดูเรื่องของเสิ่นเผยซวนอีก เป็นโอกาสของเสิ่นเผยซวน
ตอนนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ต่อให้เป็นคนที่เคยพึ่งพิงตระกูลกู้ ต่างก็พยายามตัดความสัมพันธ์อย่างถึงที่สุด
ถึงยังไงคดีครั้งนี้มีผลกระทบมากเกินไป ที่เกี่ยวข้องก็เยอะ ใครก็ไม่อยากหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวกันทั้งนั้น
เสิ่นเผยซวนก็เข้าใจความหมายของจงจิ่งห้าว พูดว่า “เรื่องนี้ ฉันจัดการเอง”
เขาเข้าไปยุ่งด้วยตั้งนาน มากน้อยก็รู้จักคนอยู่บ้าง เมื่อก่อนตระกูลกู้มีอำนาจมาก ไม่มีใครกล้าสอดมือ ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว