“หืม ไม่ชอบคณะที่เรียนอยู่หรอ?”เสิ่นเผยชวนเงยหน้ามองเธอแล้วถามออกไป
ซางหยูก้มหน้าลงพลางเอาตะเกียบจิ้มย้ำไปมาบนแป้งที่พึ่งคีบมาใส่ในจาน“ชอบสิ ไม่งั้นตอนแรกคงไม่เลือกเรียนคณะนี้หรอก เพียงแต่ว่า……”
“เพียงแต่ว่าอะไร?เสียใจที่เลือกหรอ?”เสิ่นเผยชวนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
ซางหยูยิ้มออกมาอย่างสดใส“เพียงแต่ว่าตอนนี้อยากจะทำอย่างอื่นน่ะ”
“พูดให้ฟังได้ไหม?”
ซางหยูเอาตะเกียบคีบแป้งที่ถูกจิ้มจนเป็นรูไปจุ่มซอสเผ็ดแล้วเอาใส่ปากเคี้ยว จากนั้นก็พูดขึ้นช้าๆ“ฉันพูดไปแล้ว แต่คุณไม่เข้าใจเอง”
“ผมไม่เข้าใจงั้นหรอ?”เสิ่นเผยชวนรู้สึกว่าตัวเองก็เข้าใจดีนี่นา มีอะไรที่เขาไม่เข้าใจอีก?
“เอาเถอะ กินข้าวๆ ลองกินอันนี้ดู”ซางหยูคีบอาหารให้เขา แล้วตั้งใจเปลี่ยนเรื่องคุย เธอรู้ว่าเขาไม่คิดมากหรอก และในขณะเดียวกันเธอก็กลัวว่าเขาจะรู้ว่าเธอคิดอะไรด้วย
เสิ่นเผยชวนไม่ได้ถามต่อ
กินเสร็จทั้งสองก็ออกจากร้านไป ซางหยูยิ้มพูดขึ้น“ช่วยคุณประหยัดไปได้ตั้งหลายบาทใช่ไหมล่ะ?มื้อนี้พวกเรากินไปแค่ร้อยกว่าหยวนเอง”
ส่วนร้านนั้นแค่กับข้าวไม่กี่อย่างก็หลายร้อยหยวนแล้ว
ร้านแบบนั้นเขาไม่ได้ขายอาหารหรอก เขาขายบรรยากาศ เพราะมีการตกแต่งร้านอย่างหรูหรา
เสิ่นเผยชวนพูด“ผมไปส่งคุณเอง”
“ที่นี่ใกล้โรงเรียน เดี๋ยวฉันเรียกรถกลับเองก็ได้”ซางหยูมองเขา“คุณคงจะยุ่งแหละ”
“ผมมีเวลาไปส่งคุณน่า”เสิ่นเผยชวนกดปุ่มปลดล็อกกุญแจรถแล้วพูดออกไป“ขึ้นรถเถอะ”
ซางหยูยิ้มให้เขา“ขอบคุณคุณมากนะ”
เสิ่นเผยชวนเหลือบมองเธอ จากนั้นก็สตาร์ทรถแล้วเอ่ยขึ้น“ไม่ต้องขอบคุณหรอก คุณต่างหากที่ช่วยผมวันนี้”
พอขับมาถึงตรงนี้เขาก็รู้จักทางไปโรงเรียนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องพึ่งซางหยูบอกทาง เขาก็สามารถขับไปถึงโรงเรียนเองได้
เขาจอดรถอยู่ไม่ไกลจากตัวโรงเรียนมากนัก“ส่งคุณถึงตรงนี้แล้วกัน”
บทเรียนจากครั้งที่แล้วทำให้เสิ่นเผยชวนค่อนข้างระวังตัว ไม่ใช่กลัวว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบแต่เพราะกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้ซางหยูมากกว่า ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง
ถ้ามีเรื่องเสียๆหายๆแพร่งพรายออกมา มันอาจส่งผลกระทบต่อเธออย่างรุนแรง
ซางหยูปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วลงจากรถไป“ขับรถดีๆนะ”
เสิ่นเผยชวนขานตอบว่ารู้แล้ว“มีอะไรติดต่อผมมาได้เลยนะ”
ซางหยูที่ยืนอยู่ข้างถนนพยักหน้ารับ แล้วมองเสิ่นเผยชวนที่ขับรถออกไป
รอจนเขาขับออกไปไกล เธอถึงได้หันหลังเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย ทว่าเธอไม่สังเกตเลยว่ามีรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างทางเห็นภาพที่เธอลงจากรถเมื่อกี้
ซ่งหย่าซินได้ยินจากปากของพ่อเธอบอกมาว่าซางหยูเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮั๋วชิง ซึ่งเธอกับลูกสาวของผู้อำนวยการเป็นเพื่อนสนิทกันพอดี เมื่อก่อนเธอก็มักจะไปเยี่ยมพวกเขาที่บ้านบ่อยๆ
หลังจากถูกคุณพ่ออบรมสั่งสอนวันนี้ เธอก็รู้สึกว่าซางหยูเป็นคนทำลายเรื่องดีๆของเธอ เธอรู้จักเสิ่นเผยชวนดี เขาเป็นผู้ชายซื่อๆและหัวโบราณคนหนึ่ง เขาจะมาชอบเด็กนักศึกษาได้ไง?ซางหยูต้องเป็นฝ่ายอ่อยเขาก่อนแน่ๆ
เธอขับรถผ่านหลังซางหยูไปอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้ไปถึงมหาวิทยาลัยก่อน
พอกลับถึงโรงเรียนเธอก็ตรงไปที่หอพักแล้วซักเสื้อผ้า เพราะมีเรียนตอนบ่ายสาม จะไปตอนนี้ก็คงเร็วเกินไป
พอซักผ้าเสร็จจึงงีบจนถึงบ่ายสองแล้วตื่นไปเรียน หลังจากไปถึงก็ถูกอาจารย์เรียกเข้าไปพบในห้องทำงานทันที
“นี่เธอไปทำให้ใครไม่พอใจมารึเปล่า?”
ซางหยูส่ายหน้า“ไม่นะคะ”
“ถ้าไม่แล้วทำไมมีคนรื้อฟื้นเรื่องในอดีตขึ้นมาอีก แถมยังไปบ่นกับผู้อำนวยการด้วย”
“อะไรนะ?”ซางหยูขมวดคิ้วแน่น เรื่องนั้นมันถูกแก้ไขแล้วไม่ใช่หรอ?แล้วใครมันมานินทาอีก?
“เธอเขียนใบสำรวจตัวเองซะสิ”อาจารย์ก็หมดปัญญา เพราะข้างบนเป็นคนสั่งมา เขาจึงช่วยอะไรไม่ได้
“แค่เขียนสำรวจหรอคะ?”ซางหยูรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่การเขียนสำรวจแน่ๆ
อาจารย์ถอนหายใจออกมา ไม่ช้าก็เร็วยังไงเธอก็ต้องรู้เรื่องนี้“เขียนเสร็จต้องเอาออกไปอ่านให้นักเรียนและคุณครูของทั้งโรงเรียนฟัง บอร์ดโรงเรียนต้องการแสดงให้เห็นว่าเรื่องของเธอเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี”
“ทำแบบนี้ได้ยังไง?”ซางหยูกำหมัดแน่น“เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ให้ฉันเขียนสำรวจตัวเองก็ยังพอว่า แต่นี่ต้องขึ้นบอร์ด แถมต้องไปอ่านให้ครูและนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยฟังอีก นี่มัน……”
“ครูรู้ว่ามันยากที่จะทำใจยอมรับ แต่ถ้าเธอยังอยากเรียนจบล่ะก็ ทำตามแต่โดยดีๆเถอะนะ”อาจารย์ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะมันเป็นคำสั่งจากข้างบน
ซางหยูกำหมัดแน่นไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“กลับไปที่ห้องเรียนเถอะ เพื่อใบปริญญา อดทนไว้นะ”อาจารย์พูดปลอบ
ซางหยูเข้าใจมาโดยตลอด สังคมนี้มันก็แบบนี้แหละ แค่มีเงินก็สามารถทำทุกอย่างได้
เธอรู้คร่าวๆในใจแล้วว่าต้องเป็นลู่หว่านหว่านที่แอบขุดคุ้ยขึ้นมาแน่นอน
เพราะครั้งก่อนก็เป็นหล่อน
แต่ว่าเธอจะไม่ยอมแพ้หรอก เพื่อที่จะได้เรียนจบอย่างราบรื่น เธอจะยอมทำทุกอย่าง!
เธอต้องจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เท่านั้นเธอถึงจะมีอนาคตและมีโอกาสที่จะคู่ควรกับเสิ่นเผยชวน
แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก
อาจารย์ตบไหล่เธอเบาๆ“กลับไปที่ห้องเรียนเถอะ อีกเดี๋ยวจะเริ่มเรียนแล้ว”
ซางหยูก้มหน้าลง กัดฟันกรอด แล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทำงาน เธอเหมือนกับปลาที่ว่ายทวนกระแสน้ำ ถึงแม้มันจะยากลำบากซักเพียงใดแต่มันก็ยังต้องว่ายต่อ
อาจารย์ถอนหายใจออกมา ซางหยูเป็นนักเรียนดีเด่น เพราะงั้นจึงอาจถูกคนอิจฉา แต่ยังไงนี่ก็เป็นคำสั่งจากข้างบน เขาจึงไม่อาจช่วยอะไรได้
ยังดีที่เธออดทนได้และมักจะกลับมาสดใสร่าเริงอยู่เสมอ
ณ คฤหาสน์
ที่จงจิ่งห้าวออกมาจากบริษัทแล้วกลับมาที่คฤหาสน์ก็เพื่อต้องการจะเลี่ยงไป๋ยิ่นหนิง เดิมอยากจะพาลูกสาวไปร้านขายสัตว์เลี้ยง แต่พวกเขาไปกันตอนเช้าแล้ว เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะว่างทั้งช่วงบ่าย เพราะงั้นเขาจึงอยู่กับหลินซิเหยียนที่บ้าน
แล้วคุยเรื่องแต่งงานกับเธอ
หลินซินเหยียนนอนอยู่บนเตียง ดูไร้ชีวิตชีวา เธอหลับตาลงพร้อมกับพูดขึ้น“คุณจัดการเลย”
จงจิ่งห้าวยกศีรษะของเธอมาวางบนตักแล้วเอาปอยผมมาทัดหูเธอไว้“เป็นอะไรทำไมดูไม่มีความสุขเลย?”
“งั้นคุณทำให้ฉันหัวเราะหน่อยได้ไหม?”เปลือกตาเธอขยับเบาๆ สักพักเธอก็ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย
จงจิ่งห้าว“……”
เหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร เขายื่นมือออกไปเพื่อจั๊กจี้เธอ แต่ก็ถูกหลินซินเหยียนห้ามไว้“ห้ามใช้มือ ใช้ปากพูดได้อย่างเดียว”
จงจิ่งห้าว“……”
“คุณแกล้งผมนี่นา”เขาโน้มตัวลงมา แต่หลินซินเหยียนก็กั้นหน้าเขาไว้“ห้ามเข้าใกล้ฉันขนาดนี้ คุณยังไม่ทำให้ฉันหัวเราะเลย”
“คุณให้โจทย์มายากเกินไป”จงจิ่งห้าวคิดหนัก เขาไม่เคยพูดเรื่องตลกมาก่อนเลย เขาคิดอยู่นานแล้วพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง“ถ้างั้นให้ผมกอดขาของคุณไว้แล้วขอร้องอ้อนวอนคุณดีไหม คุณจะได้หัวเราะออกมา”
หลินซินเหยียนขำพรืดออกมาทันที
จงจิ่งห้าวไม่เข้าใจ“นี่มันตลกหรอ?”
หลินซินเหยียนกำลังจะบอกว่าใช่ แต่ทันใดนั้นเองโทรศัพท์จงจิ่งห้าวก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา หน้าจอขึ้นเป็นชื่อซูจ้าน“ซูจ้านน่ะ”
หลินซินเหยียนเอ่ยขึ้น“รับสิ”
เขากดรับสาย ทว่าเสียงที่ดังลอดออกมากลับไม่ใช่เสียงของซูจ้าน เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง“ฮัลโหล?”จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว“คุณเป็นใคร?”
ทำไมข้างกายซูจ้านถึงได้มีผู้หญิงล่ะ?เขาไม่อยากคืนดีกับฉินยาแล้วหรอ?
หลินซินเหยียนดูออกว่ามีอะไรแปลกไป เธอลุกขึ้นมาแล้วเอาหูแนบกับโทรศัพท์เพื่อฟังว่าปลายสายพูดอะไร
“ที่นี่คือบาร์ถงยู่ ผู้ชายคนนี้ดื่มจนเมาอยู่ที่นี่ พวกเราเห็นว่าในโทรศัพท์เขามีเบอร์ของคุณอยู่และพอกดโทรคุณก็รับสาย เพราะงั้นช่วยมารับเขาหน่อยได้ไหมคะ?”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วแน่นมากกว่าเดิม กว่าเขาจะมีเวลาอยู่กับภรรยาได้ แต่ดูซูจ้านทำเข้า หาแต่เรื่องให้เขาจริงๆ
“ไปเถอะ”หลินซินเหยียนแตะไปที่ตัวเขา
จงจิ่งห้าววางสาย แล้วมองไปที่เธอ“คุณถามฉินยารึยังว่ากับซูจ้านนี่จะเอายังไง?”
ที่เขาเมามันเป็นเพราะฉินยาชัดๆ
ถ้าไม่ได้จริงๆเขาจะได้ไปกล่อมซูจ้านให้ตัดใจซะ เรื่องมันยืดเยื้อมาถึงขนาดนี้คงไม่ดีแน่
หลินซินเหยียนลุกขึ้นนั่งและไม่ได้พูดถึงเรื่องของฉินยา“ที่บ้านของซูจ้านคงไม่มีคนดูแลเขา พาเขากลับมาที่คฤหาสน์ แล้วให้ฉินยาพูดกับเขาให้รู้เรื่องเองเถอะ”
จงจิ่งจิ่งห้าวรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดี คนอื่นไปยุ่งคงไม่เหมาะ ให้เจ้าตัวพูดกันเองคงจะดีกว่า
“ภรรยาผมนี่ฉลาดจริงๆ”จงจิ่งห้าวเอามือประคองหน้าเธอไว้แล้วจุ๊บลงบนหน้าผาก“งั้นผมไปก่อนนะ”
หลินซินเหยียนตอบอืมออกมา รอจนจงจิ่งห้าวออกไป เธอถึงได้ลงไปชั้นล่างจากนั้นก็เจอคุณน้าหวางประคองฉินยาเดินออกมาจากห้อง
เมื่อฉินยาเห็นหลินซินเหยียนลงมาก็ยิ้มพูดขึ้น“อยู่ในห้องมันอุดอู้เกินไปน่ะ ฉันเลยออกมาสูดอากาศข้างนอก”
หลินซินเหยียนอยากจะรอให้จงจิ่งห้าวพาซูจ้านกลับมาก่อน แล้วให้หล่อนดูสภาพของซูจ้าน