หลินซินเหยียนรินน้ำด้วยความหิว ก่อนจะเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ และคิดว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เลยไม่ชิน จากนั้นจึงดึงทิชชูไปส่งให้เธอ “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
คุณน้าหวางรีบเก็บของ ก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไร”
เห็นท่าทีของเธอได้ชัดว่ามันไม่เหมือนว่าไม่เป็นอะไรเลย ดังนั้นหลินซินเหยียนเลยส่งกระดาษทิชชูให้ “เช็ดเถอะ”
คุณน้าหวางยืนขึ้นก่อนจะรับกระดาษทิชชูไปแล้วเช็ดน้ำตา
หลินซินเหยียนรินน้ำใส่แก้ว แก้วหนึ่งก็ส่งให้เธอ “บอกฉันได้นะว่าร้องไห้เพราะอะไร?ถ้าอยู่ที่นี่แล้วไม่ชิน ก็บอกกับฉันได้”
“เปล่า ฉันมีความสุขตอนอยู่ที่นี่มาก” เธอก้มหน้าลง “ฉันแค่คิดถึงลูกชายของฉัน”
หลินซินเหยียนเห็นว่าเธอถือกล่องดินสอในมือ ก็เข้าใจในทันที และเข้าใจความคิดถึงลูกของแม่ดี ก่อนหน้านี้เธอเคยบอก ว่าเวลาหย่ากับสามีลูกชายตามสามีไป ถึงจะเป็นแบบนี้ ในฐานะที่เธอเป็นแม่ก็ควรจะมีสิทธิ์ในการเจอ “คิดไปแล้วก็สามารถไปเจอได้ ถ้าสามีเก่าคุณไม่ยอมให้คุณไปเจอ ฉันสามารถช่วยคุณหาทนายได้นะ”
เธอเองก็เป็นแม่ ดังนั้นเลยเข้าใจอารมณ์ของคุณน้าหวางดี ในขณะที่เห็นใจก็อยากจะช่วยเธอด้วย
“ไม่ต้องๆ” เธอมีสิทธิ์ไปเจอ ถึงแม้ว่าจะได้เจอเพียงครั้งเดียวต่อเดือนมันไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าเธอนั้นไม่อยากทำให้คนอื่นลำบาก
“นี่ก็เลยเที่ยงแล้ว หิวหรือยัง?” คุณน้าหวางสงบอารมณ์พลางถาม
หลินซินเหยียนดื่มน้ำจนเสร็จ จากนั้นก็วางแก้วลง พลางพูด “ทำตอนนี้ก็ได้”
เมื่อทำเสร็จก็น่าจะหิวแล้วล่ะ
ปกติป้าหยูจะเป็นคนทำอาหาร เธอบอกว่า “เที่ยงวันนี้ฉันจะทำข้าวเที่ยงเอง ให้ป้าหยูไปพักหน่อยเถอะ”
หลังจากที่นี่เธอก็ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้นชินเลย ทุกคนเข้ากันได้ดี ป้าหยูเองก็ดูแลเธอดี
หลินซินเหยียนตอบรับ
เธอนอนไม่หลับ เตรียมจะไปที่ห้องของฉินยาเพื่อคุยกับเธอ ก่อนจะเข้าไปก็ได้บอกคุณน้าหวางเอาไว้ก่อน “มีอะไรก็บอกฉันได้นะ”
เธอไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นเลย เพียงแค่อยากจะช่วยเธอสักหน่อย
คุณน้าหวางพูดว่า “โอเค ขอบคุณมาก”
หลินซินเหยียนยิ้มพลางพูดว่าไม่ต้องขอบคุณนะ ก่อนจะหันเดินไปทางฉินยา
อีกฝั่งก็มีคนสองคนออกมาจากคลับก่อนจะขึ้นรถไป รถที่เสิ่นเผยซวนขับนั้นมาจดอที่ประตูของว่านเยว่กรุ๊ป
เสิ่นเผยซวนเห็นรถที่ประตูอย่างตาไว ก่อนจะพูดว่า “นี่ไม่ใช่รถของไป๋ยิ่นหนิงเหรอ?”
จงจิ่งห้าวชายตาขึ้นไป ก็เห็นว่าเป็นรถของไป๋ยิ่นหนิงจริงๆ ที่จอดอยู่ทางด้านนอกของตึก
“เขามาทำอะไร?” เสิ่นเผยซวนเอามือวางตรงกระจกรถ ท่าทีสงสัย
ถึงอย่างไรไป๋ยิ่นหนิงเข้าใจดีกว่าใคร ที่นี่มันไม่ต้อนรับเขาขนาดไหน แถมยังต้องมาหาด้วยความไม่พอใจด้วยตัวเอง นี่มันแปลกมากไม่ใช่เหรอ?
ตอนแรกจงจิ่งห้าวอยากจะเข้าไป แต่หลังจากที่รู้ว่าไป๋ยิ่นหนิงอยู่ที่นี่ ก็โทรหากวนจิ้งเพื่อให้เขาขับรถออกมา
เสิ่นเผยซวนมองจงจิ่งห้าวยิ้มพลางพูดว่า “อย่าใจแคบขนาดนั้นเลย เขาอุตส่าห์มาแล้วก็แจกการ์ดแต่งงานให้หน่อยไม่ได้เหรอ?ให้เขาดื่มเหล้าฉลองของคุณหน่อย และตัดความคิดถึงงั้นเหรอ?”
จงจิ่งห้าวไม่ได้สนใจเขา
กวนจิ้งขับรถมาจอดหลังรถของเสิ่นเผยซวน ก่อนจะลงมาแล้วเอากุญแจให้จงจิ่งห้าว “ประธานไป๋มาหาคุณ รออยู่สองชั่วโมงแล้ว”
จงจิ่งห้าวรับกุญแจมา “ก็บอกว่าฉันไม่อยู่สิ”
เมื่อพูดจบเขาก็เอากุญแจรถไป ก่อนจะขับรถออกไป
“เจ้านายคุณใจแคบมากเลยใช่ไหม?” เสิ่นเผยซวนมองรถที่ขับไปไกลลับสายตา ก่อนจะยิ้มพลางถามกวนจิ้ง
กวนจิ้งมองด้วยสายตาที่เข้าใจกว่าใครๆ “คุณถามฉันเรื่องนี้งั้นเหรอ?ไม่ผิดเหรอ?”
ตอนแรกเขาอยากจะบอกว่าพวกคุณแทบจะนอนตัวติดกัน อารมณ์ของจงจิ่งห้าวนั้นคุณรู้ดีกว่าฉันอีกไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าก็ไม่ได้พูดออกมาก่อนจะโบกมือ “ฉันไปแล้วนะ” เขานั้นยุ่งเป็นอย่างมาก
เสิ่นเผยซวนเองก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาที่นี่ ก่อนจะขับรถกลับไป ระหว่างทางก็เห็นคลิปที่ลูกน้องส่งมา
เขาจัดหาคนเพื่อตามกู้เป่ยไป วันนี้ยังสั่งให้จดทุกการกระทำของกู้เป่ยเอาไว้ด้วย
ลูกน้องส่งคลิปที่กู้เป่ยโยนพี่สี่ลงไป มันถ่ายอย่างชัดเจน เขาพอใจเป็นอย่างมาก และส่งข้อความบอกให้ลูกน้องกลับไปโดยที่ไม่ต้องตามแล้ว
ถ้าใช้คดีก่อนหน้านี้และอยากจะทำให้กู้เป่ยนั้นล้มมันไม่ง่ายเลย อีกอย่างคดีก่อนหน้านี้มันผ่านมานานแล้วหลักฐานต่างๆ ก็หายาก ดังนั้นเลยทำได้เพียงหาเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นาน มาขัดขากู้เป่ยให้ล่มจม
คลิปนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเขานั้นฆ่าคน
เพียงแต่เขานั้นมีอำนาจมาก ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องที่เปิดโปงออกมาก็จะถูกปิดเอาไว้ ตอนนี้เหลือแต่เพียงรอเวลา เพื่อขุดเรื่องแย่ๆ ของเขาในช่วงปีนี้
เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม ก็จะถึงเวลาที่พวกเขาจะลงมือ
เสิ่นเผยซวนกลับไปที่ที่พักก้นยังนั่งไม่ทันติดพื้น เสี่ยวหวางที่อยู่ข้างๆ ผู้บัญชาการซ่งก็มาเรียกเขา แล้วบอกว่าผู้บัญชาการซ่งอยากจะเจอเขา
เขาวางมือกับเรื่องที่ทำอยู่ ก่อนจะรีบไปที่ห้องทำงานของผู้บัญชาการซ่งในทันที เมื่อถึงประตูของห้องทำงานเขาก็เคาะประตู
เพียงไม่นานในห้องนั้นมันก็มีเสียงบอกให้เข้ามา เสิ่นเผยซวนเปิดประตูเข้ามา จากนั้นก็เห็นว่าผู้บัญชาการซ่งกำลังรับโทรศัพท์ เขาก็โบกมือให้เสิ่นเผยซวนนั่งลงแล้วอย่าเพิ่งส่งเสียงอะไร
เสิ่นเผยซวนนั่งลงตรงโซฟาบริเวณที่รับแขกด้านหน้า
สักพักผู้บัญชาการซ่งก็คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วก็วางลง ก่อนจะเข้ามาถาม “ตอนเที่ยงว่างไหม?”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า “ว่าง ทำไมเหรออยากให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณเหรอ?”
ผู้บัญชาการซ่งโบกไม้โบกมือ ก่อนจะพูดอย่างใจกว้างว่า “ฉันจะเลี้ยงคุณ”
“งั้นก็ดี” มีคนมาเลี้ยงข้าวมันต้องดีเลย
ผู้บัญชาการซ่งถอดหมวกออก ก่อนจะขยับข้อต่อเล็กน้อย “แฟนของคุณล่ะ?พามาด้วยกันสิ วันนี้ไปที่บ้านฉัน”
เสิ่นเผยซวนคิดว่าตัวเองนั้นดีใจไปก่อน แฟนเหรอ เขาจะไปหาแฟนมาจากไหน?
“คือ ให้ฉันไปเองเถอะ” เสิ่นเผยซวนยิ้มพลางพูด
ผู้บัญชาการซ่งตอบรับ “ไม่ได้ ต้องมาสองคน ฉันไปก่อนนะ คุณพาแฟนของคุณตามมา คุณเองก็ไม่ได้เพิ่งไปเป็นครั้งแรก คุณก็รู้ที่อยู่อยู่แล้วอย่าสายล่ะ”
เมื่อพูดจบก็ไม่เหลือเวลาให้เสิ่นเผยซวนปฏิเสธ ก่อนจะหยิบหมวกแล้วเดินจากไป
เสิ่นเผยซวน “……”
ทำให้เขาลำบากจริงๆ เลย!
เขาลูบหัวเพราะคิดว่าปวดหัวเหลือเกิน ผู้บัญชาการซ่งไม่เพียงแค่มีบุญคุณ ตั้งแต่ไหนแต่ไรยังดูแลเขาดีด้วย เขาเลยหักหน้าผู้บัญชาการซ่งไม่ได้
เมื่อคิดไปมา ก็ทำได้เพียงไปหาซางหยูเพื่อให้ช่วยอะไรหน่อย
เขามองเวลา มันยังพอมีเวลาอยู่ ครั้งนี้เขาไม่ได้ไปหาซางหยูตรงๆ แต่ไปหาลูกน้องสาวคนหนึ่ง เพื่อให้เธอไปหาแทนตัวเอง
เรื่องในครั้งก่อน ทำให้เขารู้สึกผิด ถ้าไม่ใช่ผู้บัญชาการซ่ง วันนี้ใครให้เขาไปหาซางหยู เขาก็จะไม่มีทางไป
เมื่อผ่านเรื่องครั้งก่อนมา เพื่อนร่วมงานทั้งหมดก็ตัดสินใจแล้วว่าซางหยูเป็นแฟนของเขา ถึงอย่างไรก็จูบกันต่อหน้าทุกคนแล้ว ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วจะเป็นอะไรล่ะ?
ในสถานการณ์แบบนี้ทุกคนต่างเห็นเสิ่นเผยซวนอย่างชัดเจน เขาไม่ได้คนที่จะมีความสัมพันธ์ไปทั่ว แน่นอนว่าจะทำแบบนั้นกับแฟนเท่านั้น
เมื่อผ่านเรื่องครั้งก่อนมา ซางหยูเองก็ไม่กล้าไปหาเสิ่นเผยซวนตามอำเภอใจ กลัวว่าจะทำให้ลำบากตามไปด้วย
เสิ่นเผยซวนนั้นมีความรู้สึกดีๆ เสิ่นเผยซวนตรงไปตรงมา ชายที่ดูภูมิฐานและหนักแน่นนั้นดูมีเสน่ห์ หญิงที่มีครอบครัวแบบอย่างเธอ ถึงจะมีความรู้สึกปลอดภัย
จู่ๆ เขาก็ให้คนมาหาตัวเอง ซางหยูก็ตามออกมาอย่างไม่ลังเล
ลูกน้องสาวพาซางหยูไปที่นั่น ตอนที่ไปถึงห้องทำงานของเสิ่นเผยซวน เธอถึงจะนึกขึ้นได้ พลางถาม “เขาหาฉันนี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ลูกน้องสาวมองเธอ แล้วยิ้มพลางพูด “คือ ฉันเองก็ไม่รู้ รอคุณเข้าไปถามเองเถอะ”
เพียงไม่นาน เธอก็พาซางหยูมาที่หน้าประตูของห้องทำงานของเสิ่นเผยซวน ก่อนจะให้คนมาที่นี่แล้วพูดว่า “เธอมาอยู่ข้างในแล้ว คุณเข้าไปเองเถอะ ฉันไปก่อนนะ”
เมื่อพูดจบลูกน้องสาวก็หันตัวเดินออกไป ก่อนจะปล่อยซางหยูเอาไว้
ซางหยูยืนอยู่ตรงประตู ก่อนจะลังเลเล็กน้อย แล้วก็เคาะประตู เพียงไม่นานประตูก็เปิดออกจากด้านใน