ในโลกของโจวฉุนฉุนนั้น คิดว่าพ่อทุกคนจะเป็นเหมือนกันหมด ที่จะสอนลูกของตัวเอง และสอนให้เป็นคนในแบบที่ควรจะเป็นได้
คุณนายโจวถอนหายใจเฮือก เพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายกับลูกสาวอย่างไร โลกนี้ไม่ได้มีคุณพ่อที่จะคอยพร่ำสอนคุณธรรมเหมือนพ่อของเธอ และให้ความรักอย่างล้นหลาม
เพราะพวกโจวฉุนฉุนไม่ได้อยากมีลูกคนที่สอง บางทีเธอก็ถามสามีว่าจะเสียดายหรือเปล่า โจวหวยโฮ่ก็มักจะถามกลับว่า “พวกเราไม่มีลูกหรือไง?”
ประโยคนี้มันทำให้เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป
ไม่ต้องพูดไปไหนไกล เพียงแค่ตัวเธอเอง พ่อก็เป็นคนที่รักลูกชายมากกว่า เพื่อให้ได้มีลูกชาย เลยมีลูกสาวมากถึงหกคน ท่าทีที่ทำกับลูกสาวและลูกชายนั้นต่างกันลิบลับ เหมือนกับมีเพียงแค่ลูกชายที่เป็นลูกของเขา
เมื่อคลอดพี่สาวน้องสาวออกมาก็ส่งให้ญาติเลี้ยง ถึงจากนั้นจะโตแล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจพวกเธอมากเท่าไหร่ เพราะเอาแต่ใส่ใจลูกชายเพียงอย่างเดียว
“ฉุนฉุน เมื่อยิ่นหนิงออกมา คุณก็ไปที่ไป๋เฉิงแล้วไม่ต้องกลับมาอีก” คุณนายโจวไม่ได้ขออะไรลูกสาวมาก เพียงแค่เธอแข็งแรงดีก็พอแล้ว ไม่ได้ขออะไรเธอมากมายมีเพียงลูกของ เธอกับสามีคนนี้คนเดียวก็พอ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีเงินทองอะไรเหลือเอาไว้ให้มาก แต่ก็มั่นใจได้ว่าเธอจะมีเงินพอที่จะใช้ชีวิตแบบไม่อดอยากได้แน่นอน
เธอเองก็ทำงาน เพียงแต่ว่าเกษียณออกมาก่อน ทุกๆ เดือนจะได้เงินบำนาญ อีกอย่างเธอเองก็มีมารยาทดี เดี๋ยวเมื่อลูกสาวกับไป๋ยิ่นหนิงกลับไปที่ไป๋เฉิงแล้ว เธอก็ยังจะหางานอื่นๆ ทำได้
“ฉันเชื่อฟังยิ่นหนิง” โจวฉุนฉุนพูดออกมานิ่งๆ ถ้าไป๋ยิ่นหนิงจะไป เธอก็จะไป ถ้าไป๋ยิ่นหนิงจะอยู่ต่อ เธอก็จะอยู่เป็นเพื่อน
“คุณหนูคุณนาย ถึงแล้ว” รถจอดอยู่ที่หน้าบ้านพักตากอากาศ คนขับรถหันกลับมาพูดกับพวกเธอ
คุณนายโจวตอบรับ “คุณไปเคาะประตูเถอะ”
คนขับรถลดไฟลง ก่อนจะเปิดประตูแล้วลงไปเคาะประตู
เพียงไม่นานประตูใหญ่ของบ้านพักตากอากาศก็เปิดออก คนใช้ถามคนขับรถว่าเป็นใคร คนขับรถบอกตัวตนของคุณนายโจวไป จากนั้นคนใช้ก็ไปบอกกู้เป่ย
เมื่อรู้ว่าคุณนายโจวมาแล้ว กู้เป่ยก็มองไป๋ยิ่นหนิงสักพัก ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “แม่ภรรยาของคุณยังแคร์คุณมากนะเนี่ย”
ไป๋ยิ่นหนิงเงียบไป คุณนายโจวก็ดี โจวหวยโฮ่ก็ดีต่างทำกับเขาไม่เลวเลย และเห็นเขาเป็นครอบครัว
เรื่องนี้ในใจเขาเองก็รู้สึกของคุณนายโจวไม่น้อย และทำให้กู้เป่ยนั้นทำไม่ดีกับเธอมากขึ้น
กู้เป่ยเอามือทั้งคู่เสียบไว้ในกางเกงก่อนจะค่อยๆ เดินออกมา คุณนายโจวให้ลูกสาวอยู่ที่นี่ไม่ต้องลงมาส่วนตัวเธอนั้นจะไปคนเดียว
“ไหนล่ะ?” เขาถามถึงพี่สี่ทันทีที่เปิดปาก โดยไม่ได้ทักทายกับพี่สาวในไส้แท้ๆ ของตัวเองเลยแม้แต่ประโยคเดียว
“ยิ่นหนิงล่ะ?” เมื่อคุณนายโจวไม่เห็นไป๋ยิ่นหนิงเลยถามกลับ
กู้เป่ยหัวเราะเล็กน้อย “คุณดูตัวเองสิ จริงๆ เลยนะ ผู้ชายบนโลกใบนี้มันตายไปหมดแล้วเหรอซูเปอร์ทำไมถึงหาคนกระจอกมาให้ฉุนฉุนได้ล่ะ?”
คุณนายโจวมีใบหน้าเย็นชา “คุณไม่ต้องห่วงหรอก”
“ทำไมไม่ดีใจล่ะ?ฉันเป็นห่วงคุณนะ” กู้เป่ยไม่คิดว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน เขาอยากให้โจวฉุนฉุนหาผู้ชายปกติมันไม่ดีตรงไหน?
“ถึงคุณจะไม่ได้โตมาจากตระกูลกู้ แต่คุณเองก็เป็นคนของตระกูลกู้ อยากจะหาคนคนปกติๆ ให้โจวฉุนฉุน มันยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่เข้าใจว่า พวกคุณไปอะไรในตัวของคนกระจอกนั่น”
“มันต่างเป็นเรื่องของพวกเราทั้งนั้น ไม่ต้องให้คุณมาใส่ใจหรอก ยิ่นหนิงอยู่ที่ไหน?” พวกเขาเลือกไป๋ยิ่นหนิงเพราะเขาดึกับลูกสาวจริงๆ อีกอย่าง
โจวฉุนฉุนเองก็ชอบเขาด้วย
ลูกสาวชอบ ดีกับลูกสาวสิถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ขนาดด้านร่างกาย ไป๋ยิ่นหนิงก็แค่ขาไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าเขาสมบูรณ์ทั้งร่างกาย สำหรับคุณนายโจว เขาเป็นคนที่ใกล้ความสมบูรณ์แบบที่สุดเลย
ว่ากันว่าแม่ภรรยาจะชอบลูกเขยมากขึ้นเรื่อยๆ คุณนายโจวเองก็คงจะเป็นแบบนี้ ที่คิดว่าลูกเขยนั้นดีมาก
โจวฉุนฉุนนั่งอยู่ในรถก็ได้ยินคำพูดของกู้เป่ยด้านนอก ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่นด้วยความโกรธ เธอไม่ชอบให้คนอื่นมาบอกว่าไป๋ยิ่นหนิงเป็นคนกระจอก
คุณนายโจวไม่อยากจะเสียเวลากับกู้เป่ยอีกต่อไป “เขาอยู่ที่นี่นั่นแหละ คุณเอาไปเถอะ แล้วส่งยิ่นหนิงมาให้ฉัน”
กู้เป่ยเดินไปเปิดประตูรถ พี่สี่เองก็กำลังอยากจะลงมาพอดี มือกำลังแตะไปตรงที่เปิดประตูพอดี จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก เพราะเปิดกะทันหันเกินไปเขาไม่ทันตั้งตัว บวกกับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เลยโต้ตอบอะไรไม่ทัน ตอนที่ประตูถูกเปิดออกนั้นเขาก็ร่วงลงมาในทันใด จนมากองอยู่ตรงเท้าของกู้เป่ยพอดี
“ประธานกู้คุณต้องแก้แค้นให้ฉันนะ” พี่สี่จับขากางเกงของกู้เป่ย เหมือนกับคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้
กู้เป่ยขมวดคิ้วเพราะเกือบจะจำพี่สี่ไม่ได้ ลูกน้องของซูจ้านไม่แยกแยะเลย ตีจนหน้าแตกไปหมดแล้ว “ทำไมคุณกลายเป็นแบบนี้ได้?”
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ในมือของพวกจงจิ่งห้าวได้อย่างไร พวกเขาไม่ใช่คนแล้วล่ะ……” เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองลำบาก และถูกทำร้าย ก็กลัวจนตัวสั่น แถมยังพูดออกมาด้วยความเศร้าอีกว่า “ฉันยังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะโชคดี เกือบจะตายแล้วเชียวฮือๆ ——”
พูดไปพี่สี่ก็ร้องไห้ออกมา
ปากของกู้เป่ยกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็เตะเขาด้วยความโกรธ “เป็นผู้ชายมาร้องไห้อะไรกัน?”
พี่สี่รีบปิดปากเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรต่อไป
กู้เป่ยครุ่นคิดหงุดหงิดว่าทำไมพี่สี่ถึงได้ไปตกอยู่ในมือของจงจิ่งห้าวได้?เขาเพิ่งจะบอกว่าจงจิ่งห้าวหาพี่สี่ไม่เจอ นี่มันไม่ใช่หน้าแหกชัดๆ เลยเหรอ?!
เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เรื่องบางเรื่องก็เกิดขึ้นเพราะคนน่าผิดหวังคนนี้นี่แหละ
“บาดแผลตามตัวของคุณนี่ พวกเขาเป็นคนทำร้ายเหรอ?” กู้เป่ยมีสีหน้าเย็นชา
พี่สี่พยักหน้าก่อนจะพูดด้วยความอดทนความเจ็บปวดตามร่างกาย “พวกเขาตั้งใจทำให้ฉันเป็นแบบนี้ แล้วบอกว่านี่ยังเป็นแค่น้ำจิ้มเสียด้วย”
พี่สี่เองก็ไม่ใช่ว่าจะหาที่ที่ถูกให้กับตัวเองไม่ได้เลย อย่างน้อยก็รู้ว่าจะพูดอย่างไรให้ตัวเองได้ประโยชน์ และรู้ว่าจะทำอย่างไรให้กู้เป่ยโกรธและช่วยชำระแค้นให้ตัวเอง
“คุณว่าไงนะ?” กู้เป่ยพูดด้วยความโกรธ
คำพูดของพี่สี่นั้นยั่วยุเขาสำเร็จ เขาเกลียดการถูกท้าทายและโดนดูถูกมากที่สุด
เขาที่ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน จะยอมกลืนความโกรธนี้ไปได้อย่างไร
“จงจิ่งห้าวบอกว่าคุณไม่ใช่ศัตรูของเขาด้วยซ้ำ จะช้าหรือเร็วคุณก็ต้องตายอยู่ในกำมือของเขา” พี่สี่พูดจาท้าทายกู้เป่ยต่อ เพราะหวังว่าจะใช้อิทธิพลของเขาในการแก้แค้นให้ตัวเอง
“หึ ดี ดีมาก” กู้เป่ยโกรธจนสีหน้าเย็นยะเยือกไป “ฉันกลับอยากจะดูว่าใครจะตายในกำมือใครกันแน่!”
พี่สี่ก้มหน้าลง ดวงตาก็เต็มไปด้วยความร้ายกาจ
ความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้น จะต้องเอาคืนมาให้ได้!
“ยิ่นหนิง” เมื่อเห็นไป๋ยิ่นหนิงออกมาจากห้อง โจวฉุนฉุนก็รีบลงมาจากรถแล้ววิ่งไปทางเขา
“คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” โจวฉุนฉุนตรวจสอบร่างกายของเขาเพราะกลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย
“ฉันไม่เป็นไร คุณไม่ต้องกังวลใจไปนะ” ไป๋ยิ่นหนิงจับมือของเธอ “กลัวหรือเปล่า?”
โจวฉุนฉุนพยักหน้าอย่างซื่อตรง “กลัวจนนอนไม่หลับเลยล่ะ กลัวว่าคุณจะบาดเจ็บ”
ไป๋ยิ่นหนิงยื่นมือออกมาจับใบหน้าของเธอ “ฉันไม่ดีเอง ทำให้คุณกังวล อีกไม่นานก็จะไม่เป็นแบบนี้แล้วล่ะ”
โจวฉุนฉุนพูด “ฉันเข็นคุณ พวกเราไปกันเถอะ”
“คุณกับแม่ขึ้นรถไปก่อน ฉันยังมีอะไรอยากจะพูดกับกู้เป่ยสักหน่อย”
โจวฉุนฉุนไม่เข้าใจว่ายังมีอะไรต้องพูดกับคนแบบนี้อีก
ไป๋ยิ่นหนิงตบมือของเธอ “เด็กดี”
โจวฉุนฉุนคล้องแขนของคุณนายโจว ด้วยความเชื่อฟัง “แม่พวกเราขึ้นรถไปรอเขากันเถอะ”
คุณนายโจวมองไปทางไป๋ยิ่นหนิง “เรื่องนี้ให้มันจบเท่านี้เถอะ”
ถึงแม้ว่าจะไม่อยากคบค้ากับกู้เป่ยแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้พวกเขากลายเป็นศัตรูที่ไม่ลงรอยกัน
“ฉันรู้ว่า เพียงแต่ว่าเกาหยวนยังอยู่ในกำมือของเขา แต่แม่ เรื่องนี้คุณอย่ากังวลใจเลย ให้ฉันคุยกับเขาเถอะ” ไป๋ยิ่นหนิงพูดออกมาอย่างนิ่งๆ
เกาหยวนกับเขาแทบจะตัวติดกัน ถึงขาของเขาใช้ได้ไม่สะดวก อยู่ข้างกายไม่ห่าง เกาหยวนเป็นคนที่ตามเขามาตลอด
หลังจากที่กู้เป่ยจับพวกเขาไปแล้ว ก็พาเกาหยวนไปคนเดียว
คุณนายโจวยิ่งโกรธกู้เป่ยเข้าไปใหญ่ จับลูกเขยของตัวเองไปแล้ว ขนาดคนข้างกายของลูกเขยยังต้องจับไปเลย จุดนี้ไม่ได้ไว้หน้ากันเลย
เธอขึ้นรถไปกับลูกสาวด้วยใบหน้าเย็นชา โดยที่ขี้เกียจจะพูดกับกู้เป่ย
ในใจนั้นหมดหวังกับน้องชายคนนี้ไปแล้ว
ไป๋ยิ่นหนิงมองพี่สี่ที่พาดอยู่ตรงขาตัวเองอย่างไม่ยอมลุกขึ้นมา “โดนทำร้ายมาเหรอ?”
“คุณรู้แต่แกล้งถามไม่ใช่เหรอ?ถ้าไม่ถูกทำร้ายมาแล้วจะมีเลือดเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?” กู้เป่ยคิดว่าไป๋ยิ่นหนิงนั้นโง่ ถึงได้ถามคำถามที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ว
แต่กลับไม่รู้ว่าไป๋ยิ่นหนิงนั้นกำลังสร้างหลุมพรางให้พวกเขาอีกครั้ง
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “แน่นอนว่าฉันเห็นเลือดบนตัวเขา เพียงแค่ไม่แน่ใจว่าเขาถูกทำร้ายจริงๆ หรือเปล่า ถ้าถูกทำร้ายมาเบาๆ แต่กลับไม่มีอะไร ก็กลัวว่าเขาจะไม่ได้ทำร้ายฟรีๆ ไงล่ะ”
“คุณหมายความว่าอย่างไร?” ทำไมพี่สี่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่?
“คุณตึงเครียดขนาดนี้ทำไม?ฉันเพียงแค่กลัวว่าคุณจะรับการทรมานไม่ไหว แล้วพูดอะไรที่ไม่ดีต่อประธานกู้ออกไป……”
“คุณใส่ร้ายฉันให้มันน้อยๆ หน่อย” พี่สี่ร้อนใจ เมื่อวานที่เขาถูกเสิ่นเผยซวนสืบสวน ไม่ได้บอกว่าเขามีเพียงทางตายเท่านั้น
ต้องรู้ว่าเรื่องของกู้เป่ยนั้นไม่มาก เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อเขาก็พูดออกมาได้ทั้งนั้น
กู้เป่ยหรี่ตาลง “พวกเขาสอบสวนคุณเหรอ?”
แน่นอนว่าพี่สี่ไม่มีทางยอมรับ เลยปฏิเสธ “เปล่า”
กู้เป่ยมองพี่สี่ด้วยแววตาแห่งความสงสัยอย่างลึกซึ้ง “งั้นเหรอ?”
ไป๋ยิ่นหนิงฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยในตัวเขาได้สำเร็จ