เสียงนั้นดูคุ้นเคย และในไม่ช้าเธอก็รู้ว่ามันเป็นเสียงของใคร และร่างกายของเธอก็แข็งทื่อ
เธอไม่ได้หันหน้าไป เสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
พอเจอหน้ากันก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
ตอนนี้เอง คนที่เอ่ยเรียกเธอก็เรียกเธออีกครั้ง สายตาก็มองมาที่เธอไม่หยุด
หลินซินเหยียนไม่สามารถเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินได้อีก จำเป็นต้องหันหน้าไป
แล้วก็เป็นดังนั้นจริงๆ หลี่จิ้งยืนอยู่ค่อนข้างห่างจากเธอ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ห่างกันนาน แต่ว่าหลี่จิ้งนั้นเปลี่ยนไปเยอะมาก เธอดูแก่ลงไปยัง ลักษณะที่ได้รับการดูแลอย่างดีในแบบดั้งเดิมนั้นดูแก่กว่าอายุจริงเล็กน้อย และผมสีดำปนกับผมสีขาวจำนวนมาก
หลี่จิ้งคลี่ยิ้ม “ฉันก็นึกว่าจำผิดซะแล้ว”
ระหว่างที่พูดนั้นสายตาก็มองไปที่หน้าท้องของเธอ ตอนนี้หน้าท้องของเธอนั้นเห็นชัดเจนแล้ว หน้าท้องส่วนล่างเริ่มโป่งออกมา “น่าจะใกล้ห้าเดือนแล้วใช่ไหม? ”
หลินซินเหยียนตอบรับอย่างเรียบง่าย “ใกล้แล้ว”
“มาซื้อของเหรอ? ” หลี่จิ้งถาม
หลินซินเหยียนตอบว่าใช่
“รีบไหม? ถ้าเกิดว่าไม่รีบ ชั้นหกมีร้านกาแฟร้านหนึ่ง พวกเราไปนั่งกันหน่อยเถอะ” เธอลองถาม
หลินซินเหยียนเม้มปากไม่พูดอะไร ในใจรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอดี
“ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น ก็แค่อยากจะพูดคุยกับคุณเท่านั้นเอง ฉันอยู่บ้านคนเดียว เหงามากเลย” หลี่จิ้งยิ้มและพูด
เธอพูดขนาดนี้แล้ว ถ้าหลินซินเหยียนปฏิเสธอีกก็ถือว่าเป็นคนไม่มีเหตุผล แม้ว่าเธอไม่อยากจะพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับตระกูลเหวิน แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เมื่อก่อนเคยพูดคุย และกินข้าวดว้ยกันเหมือนญาติกันแท้ๆ
“คุณไปหาที่รอฉันก่อนก็ได้” หลินซินเหยียนพูดกับคนขับ
คนขับพยักหน้า “ได้ครับ”
“ตรงนั้นมีลิฟต์” หลี่จิ้งชี้ไปที่ตำแหน่งของลิฟต์
หลินซินเหยียนเดินเข้าไป พอลิฟต์มาพวกเธอทั้งสองคนก็ขึ้นไปที่ชั้นหก หลี่จิ้งเลือกที่นั่ง ตำแหน่งใกล้กับหน้าต่าง ในร้านกาแฟนั้นเงียบมาก เวลานี้ก็ไม่ได้มีคนเยอะเท่าไหร่นัก
พนักงานเดินเข้ามา หลี่จิ้งสั่งกาแฟ หลังจากนั้นก็มองไปที่หลินซินเหยียนแล้วถามว่า “คุณอยากสั่งอะไรดี? ”
“น้ำผลไม้แก้วหนึ่งค่ะ”
หลี่จิ้งยื่นเมนูกลับไปให้พนักงานพร้อมกับพูดว่า “กาแฟแก้วหนึ่ง แล้วก็น้ำผลไม้แก้วหนึ่งค่ะ”
“ครับ” พนักงานรับเมนูกลับไปแล้วถามว่า “คุณผู้หญิงต้องการรับกาแฟอะไรดีครับ? ”
“แล้วแต่เลยค่ะ”หลี่จิ้งตอบ
“ได้ครับ”พนักงานถอยออกไป
ทั้งสองคนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง หลินซินเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดก่อนยังไงดี ถามว่าช่วงนี้เธอสบายดีไหมงั้นเหรอ?
เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
เหมือนกับว่าไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมในตอนนี้ได้
หลี่จิ้งหาเรื่องคุยได้ก่อน “ยิ่งตั้งท้องนานขึ้นก็ยิ่งเหนื่อย เหนื่อยไหมใช่ไหม? ”
หลินซินเหยียนตอบเบาๆ “ยังพอได้ค่ะ ก็แค่ง่วงนอนมากกว่าเดิมหน่อย ดูเหมือนว่คนอื่นจะขี้เซาในตอนเริ่ม แต่ว่าฉันมาเริ่มขี้เซาตอนหลัง”
หลี่จิ้งยิ้ม ยังไงซะเธอก็เคยมีลูกมาก่อน พอพูดไปมาแล้วก็มีหัวข้อให้คุย “ตอนที่ฉันมีเสี่ยวจี้นั้น ก็มาขี้เซาหลังๆ เหมือนกัน แต่ว่าคุณไม่อ้วนเลยเนอะ ตอนนั้นฉันอ้วนขึ้นเยอะมากเลย ตอนก่อนคลอดหนักขึ้น70กิโลเลยเชียวล่ะ”
หลินซินเหยียนยิ้ม “น่าจะเป็นเพราะร่างกายของฉันด้วยค่ะ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน”
หลี่จิ้งยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ตอนนี้เองพนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามา แล้วก็เสิร์ฟกาแฟตรงหน้าหลี่จิ้ง และเสิร์ฟน้ำผลไม้ตรงหน้าหลินซินเหยียน “ถ้าเกิดว่าต้องการอะไรสามารถเรียกผมได้ตลอดเลยนะครับ”
หลินซินเหยียนตอบรับอย่างเรียบง่าย หลังจากที่พนักงานไปแล้วหลินซินเหยียนก็ยกน้ำผลไม้ขึ้นมาจิบสองอึก
หลี่จิ้งยกกาแฟขึ้นมาแต่กลับไม่ได้ดื่ม พยายามคิดถึงคำพูดในใจ ว่าเธอจะเอ่ยปากพูดเรื่องของหลินซินเหยียนกับเหวินชิงยังไงดี
ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เหมือนแต่จะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นเท่านั้น
สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้
“คุณกับเสี่ยวจี้ยังติดต่อกันอยู่ไหม? ” หลี่จิ้งวางแก้วกาแฟลงแล้วเอ่ยปากถาม
หลินซินเหยียนตอบตามความจริง “ไม่ค่ะ”
หลังจากที่เธอจากมาแล้วก็ไม่ได้ติดต่อใครทั้งนั้น เพราะว่าไม่อยากรู้เรื่องราวอะไร พอกลับมาแล้ว เธอก็ไม่เคยคุยกับจงจิ่งห้าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
พวกเขาต่างคนต่างหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องคนหรือเรื่องของตระกูลเหวิน
“เขาไปเป็นทหารแล้ว” หลี่จิ้งก้มหน้าลงมองแก้วกาแฟ “เรื่องเกี่ยวกับลุงขอคุณ คุณได้ยินมาไหม? ”
ระหว่างที่พูดนั้นเธอก็ไม่ได้มองหลินซินเหยียน
พอได้ยินคำว่าลุง มือของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะก็กำแน่น แต่ว่าก็ไม่ได้ตอบอะไร
หลี่จิ้งรู้ว่าเธอได้ยินแล้ว ก็ยิ้มแล้วพูดต่อ น้ำเสียงดูเหน็บแนมเล็กน้อย “ออกข่าวขนาดนั้นใครจะไม่รู้กันล่ะ? ”
เธอชะงักไป “ตอนนั้นฉันเกลียดคุณมาก ไม่ว่าจะยังไงก็ควรจะเกลี้ยกล่อมจงจิ่งห้าวสักหน่อย ให้เขายอมรามือเพราะเห็นแก่คุณ”
หลินซินเหยียนไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เกลียดก็ดี เคียดแค้นก็แล้วไป ยังไงเธอก็ไม่แคร์อยู่แล้ว
เธอไม่อยากจะไปกังวลมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต แค่อยากจะมีอนาคตที่ดีเท่านั้น
ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะมานั่งขัดแย้งกับจงจิ่งห้าวเพราะเรื่องแบบนี้
“แต่ว่าฉันก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว ว่ามันเป็นความผิดของลุงคุณจริงๆ ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้เขาก็ไม่ควรทำแบบนั้น แถมยังทำร้ายเฉิงยู่ซิ่ว พอสืบสาวเรื่องราวจนถึงแก่นแท้แล้ว เขาแคร์เหวินเสียนมากเกินไป”หลี่จิ้งเงยหน้าขึ้นมองหลินซินเหยียน “ลุงของคุณไปมอบตัวก่อนเอง คุณไม่ต้องรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบอะไรกับจงจิ่งห้าวหรอก คุณไม่ได้ติดค้างอะไรเขา ที่ลุงของคุณทำแบบนี้ก็เพราะว่าคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา ที่จริงแล้วเขาอยากจะเจอคุณโดยตลอด”
พอพูดถึงประโยคหลังน้ำเสียงของหลี่จิ้งก็กระอึกกระอักเล็กน้อย ครอบครัวที่อยู่ดีๆ ตอนนี้กลายมาเป็นครอบครัวที่เหลือเธอเพียงคนเดียว เรื่องของเหวินชิง ทำให้มีข่าวลือด้านนอกมากมาย เธอก็ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกมาจากข้างนอกหลังจากที่เหวินชิงเข้าคุก เพราะว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอจะแต่งงาน ก็เลยออกมาหาซื้อของขวัญ
เกิดความผันผวนในใจของหลินซินเหยียน บางทีเธออาจเมินเฉย แต่ก็มีบางสิ่งยังคงอยู่แม้ว่าเธอจะจงใจเพิกเฉยก็ตาม
เช่นความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลเหวิน
ต่อให้เธอไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์นี้มันก็ยังคงอยู่
หลี่จิ้งเช็ดมุมตาของตนเอง “พูดไปพูดมาก็พูดเยอะไปแล้ว ใช่สิ ตอนนี้เสี่ยวจี้กำลังพัฒนาได้ดีเลย”
นี่เป็นความสบายใจเพียงอย่างเดียวของเธอ
“ฉันเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟัง ไม่ได้เพราะว่าต้องการให้คุณทำอะไรหรอกนะ แค่อยากให้คุณไปเจอลุงของคุณหลังจากที่เขาออกมาหน่อยได้ไหม? ” หลี่จิ้งพูดเหมือนจะขอร้อง
นี่คือความในใจของเหวินชิง
ในฐานะภรรยา นี่คือสิ่งที่เธอสามารถทำให้สามีได้ในตอนนี้
หลินซินเหยียนมองหลี่จิ้ง ตอนนี้ในหัวใจของเธอมันวุ่นวายมาก มีอารมณ์เป็นร้อยเป็นพันพัวพันอยู่ในหัวใจของเธอ ไม่สามารถสงบลงได้
เธอไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของหลี่จิ้งได้ แต่ว่า เธอก็ไม่อยากจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเหวิน
เพราะยังไงซะสาเหตุการตายของเฉิงยู่ซิ่ว ก็เกี่ยวข้องกับเหวินชิง
“ขอเรียกร้องนี้มันยากเกินไปเหรอ? ” หลี่จิ้งรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แค่ไปเจอเหวินชิงหน่อยมันจะทำไมกัน?
แล้วเธอก็รับรู้ได้ในทันทีว่า หลินซินเหยียนั้นใจแข็งมาก
“หรือว่าในสายตาของคุณมีแค่สามีของตัวเอง ไม่มีญาติพี่น้องแล้วยังงั้นเหรอ? ” หลี่จิ้งอยากจะกดอารมณ์ของตัวเองไว้ แต่ว่าพอพูดออกไปก็มีน้ำเสียงของความสงสัย
หลินซินเหยียนจ้องหลี่จิ้งนิ่งอยู่หลายวินาที แล้วก็อธิบาย ไม่ใช่เพราะว่ากลัวเธอจะเข้าใจตัวเองผิด แต่ว่าอยากให้หลี่จิ้งเข้าใจอย่างชัดเจน ว่าทำไมเธอถึงต้องขีดเส้นอย่างชัดเจน
“ตอนที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนนั้นเธอจะไม่ตาย แต่เพราะว่าปกป้องฉัน ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเธอเอาชีวิตเข้าแลก แล้วคุณจะให้ฉันไปเผชิญหน้ากับสามีของคุณได้ยังไงเหรอ? ”
เพราะว่าเหวินชิง ลูกๆ ของเธอก็เลยไม่มีย่า จงจิ่งห้าวก็ไม่มีแม่ ตลอดชีวิตนี้เขายังไม่มีโอกาสได้เรียกเฉิงยู่ซิ่ว่าแม่เลยสักครั้ง
มันคือความเสียใจตลอดชีวิตของเขา
มันไม่สามารถเอาอะไรมาทดแทนได้เลย
หลี่จิ้งชะงักไป เธอไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้
“คือว่า……”
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องในอดีต ฉันแค่อยากจะมีชีวิตที่สงบสุขกับเขา” พอพูดจบหลินซินเหยียนก็ยืนขึ้น “ฉันไปก่อนนะคะ”
หลี่จิ้งเองก็ยืนขึ้นเหมือนกัน “เดี๋ยวก่อน ……”