เธอล่องลอยเหมือนกับความฝันหรือว่าภาพลวงตา ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอแค่ตอบสนองต่อความต้องการของหัวใจของตัวเองเท่านั้น วิญญาณของเธอเหมือนถูกกระชากออกไปอย่างกะทันหัน เหลือเพียงแค่ร่างกายที่ไม่มีสติ
ภูเขาแห่งความกระตือรือร้น ทำให้ร่างกายของเธอจมเข้าไปในอ้อมแขนของเขาเรื่อยๆ
คล้ายๆ เธอได้ยินเขาพูดว่า “ฉันคิดถึงเธอ” ดวงตาของเธอก็แดงขึ้นทันทีอย่างไม่มีเหตุผล สติของเธอค่อยๆ เลือนหายไป รู้สึกได้ว่ามีมือหนาลูบที่ท้องของเธอ ทั้งหอมทั้งจูบ
เธอขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้ การที่มีเขาอยู่ข้างๆ สามารถไล่ความกลัวทั้งหมดของเธอออกไปได้ ทำให้เธอนอนหลับอย่างสงบสุข
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้น หลินซินเหยียนพลิกตัวมาจะกอดเขา แต่ว่าสิ่งที่เธอได้กลับมาคือความเย็นและความว่างเปล่า ไม่มีใครนอนอยู่ข้างๆ เธอ
เธอขยี้ตาหลายครั้งแล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ตรงนี้ไม่มีคนอยู่ ผ้าปูที่นอนก็เรียบเหมือนเดิม เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนอยู่ตรงนี้ แต่ว่าความรู้สึกของเมื่อคืนนั้นกลับเหมือนความจริงและลึกซึ้งเป็นอย่างมาก
เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป แม้แต่กลิ่นและเสียงก็ยังคุ้นเคยขนาดนั้น เธอรีบลงจากเตียง แล้วก็เปิดประตูห้องน้ำก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น พอเธอคิดว่าอาจจะไม่ได้อยู่ในนี้ ก็รีบเดินไปที่ห้องรับแขก ได้ยินเสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องครัว ก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัวของเธอทันที เขางั้นเหรอ?
เธอจึงเดินกึ่งวิ่งเข้าไป เราก็พูดโพล่งออกมาอย่างมีความหวัง “จง……”
แต่ว่ายังไม่ทันพูดออกมาก็เห็นคนที่อยู่ด้านในอย่างเต็มตา แต่ว่ากลับไม่ใช่คนที่เธอคิด เพราะว่าคนที่อยู่ในห้องครัวนั้นก็คือฉินยา
ฉินยากลับมาตั้งแต่เช้า รู้สึกหิวนิดหน่อยก็เลยมาทำอะไรกินในห้องครัว เพราะเห็นว่าหลินซินเหยียนยังคงใส่ชุดนอนอยู่ก็เลยเอ่ยปากถามว่า “เธอตื่นแล้วเหรอ? ฉันทำซวนล่าเฝิ่นพอดีเลยเธออยากกินไหม? ”
หลินซินเหยียนดึงสติกลับมา แล้วก็จัดแจงผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง เธอหลอนไปเองอย่างนั้นเหรอ? เธอกลับไปมองในห้อง ก็ไม่มีร่องรอยว่ามีคนอื่นเข้ามาเลย
พอลองคิดดีๆ อีกครั้ง ก็คิดว่าเขาจะโผล่เข้ามากลางดึกได้ยังไงกัน?
เธอเอามือกุมขมับ ตัวเองต้องหลอนไปเองอย่างแน่นอน จู่ๆ เขาจะมาปรากฏตัวที่ห้องของเธอได้ยังไงกัน?
มันช่างไร้เหตุผลเกินไปแล้ว ต่อให้เขาหาที่นี่เจอ ก็ไม่มีทางเข้ามาในห้องของเธออย่างเงียบได้หรอก
ฉินยาถือซวนล่าเฝิ่นที่ตัวเองเพิ่งทำเสร็จออกมา อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเปรี้ยวและเผ็ดเต็มไปหมด เธอขมวดคิ้วพร้อมกับมองฉินยา “เช้าขนาดนี้เธอกินอันนี้เนี่ยนะ? จะปวดท้องหรือเปล่า?”
ฉินยาวางซวนล่าเฝิ่นลงบนโต๊ะ ดึงเก้าอี้ออกแล้วก็นั่งลงไป “จู่ๆ ก็เกิดอยากกินขึ้นมา มื้อเดียวไม่เป็นไรหรอก”
หลินซินเหยียนหันหลังกลับเข้าห้องไป ทันใดนั้นก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้แล้วก็หันหน้ากลับมาหาเธอ “เธอได้เจอใครหรือเปล่า?”
“ไม่นะ”ฉินยาก้มหน้า เธอเตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นพอเจอคำถามนี้ของหลินซินเหยียนเธอก็สามารถตอบได้อย่างคล่องแคล่วในทันที แต่ว่าเธอไม่กล้าสบตาเธอ
เพราะว่ารู้สึกผิด
USB ที่ช่าวหยุนมอบให้หลินซินเหยียน เธอก็ไม่เห็นจงจิ่งห้าวในนั้น ตอนนั้นพวกเขาทั้งสามคนไม่ค่อยได้สนใจ แถมคนก็เยอะ และพวกเขาก็นั่งอยู่ในมุม ดังนั้นก็เลยไม่ได้ถ่ายโดนพวกเขา
ดูเหมือนว่าจงจิ่งห้าวจะไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นการที่จงจิ่งห้าวจะปรากฏตัวขึ้นนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
เธอก้มหน้าเพื่อปิดบังความรู้สึกในสายตาของตัวเอง
“ทำไมเธอถึงถามแบบนั้นล่ะ?”ฉินยามองเธอ เราก็ถามอย่างลองใจ “อยากเจอใครงั้นเหรอ?”
ขณะที่พูดนั้นสายตาก็ก้มลงมองเท้าเปล่าของเธอ
หลินซินเหยียนเองก็ก้มหน้าตามเธอเหมือนกัน ถึงได้พบว่าตัวเองเดินเท้าเปล่าออกมา แม้แต่รองเท้าแตะก็ลืมที่จะใส่ เธอรีบอธิบายว่า “เปล่า ฉันก็แค่ถามเฉยๆ ฉันหิวน้ำก็เลยรีบออกมา”
เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองพูดจริง เธอเดินไปที่โต๊ะแล้วก็เทน้ำดื่มจนหมดแก้ว “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
เขาพูดจบเธอก็รีบร้อนเดินกลับห้องไป พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการคุยหัวข้อนี้ ภายในห้องยังเหมือนกลับก่อนที่เธอจะนอนเมื่อวานนี้ ไม่มีข้าวของถูกแตะต้อง และก็ไม่มีร่องรอยของอะไรเลย เธอนั่งลงข้างเตียง ใส่รองเท้าแตะและหัวเราะอย่างข่มขืน น่าจะเพราะว่าช่วงนี้ตัวเองเหนื่อยเกินไปหน่อย ถึงได้เป็นแบบนี้
เธอเอาศอกเท้าโต๊ะ แล้วก็นวดขมับของตัวเอง
จงเหยียนเฉินผลักประตูเข้ามา มองไปรอบๆ ห้อง ในห้องนั้นไม่มีเงาของจงจิ่งห้าวอยู่แล้ว ก็รู้ว่าเขาต้องกลับไปแล้วแน่ๆ เมื่อเช้าตอนที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น เขารู้สึกได้ว่ามีคนเดินผ่านห้องของเขาไป แต่เพราะว่าง่วงมากเขาก็เลยไม่ได้ลืมตาขึ้นมา
เขาพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของหลินซินเหยียน เงยหน้าขึ้นและถามอยากลองเชิง “หม่ามี๊ เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ?”
หลินซินเหยียนลืมตาขึ้นมองลูกชายของตัวเอง แล้วก็ยื่นมือไปลูบใบหน้าเล็กๆ ของเขา “แม่หลับสบายมาก แล้วลูกล่ะ?”
กลางดึกเธอต้องพัวพันกับฝันร้าย แต่ว่าสุดท้ายพอฝันเห็นเขา ก็เลยได้หลับไปอย่างสงบ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝัน แต่ว่าเธอก็รู้สึกอบอุ่น
จงเหยียนเฉินพยักหน้า พร้อมกับตอบเธอว่าเขาหลับสบายมาก หลังจากนั้นก็สังเกตสีหน้าของเธอ ท่าทางเหมือนเธอจะไม่รู้ว่ามีคนเข้ามา เขาสบายใจแล้ว แล้วก็ถามว่า “วันนี้เป็นวันหยุด หม่ามี๊จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนพวกเราไหมครับ?”
“ได้เลย วันนี้แม่จะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น จะอยู่เป็นเพื่อนลูกๆ ทั้งสองคน” ถึงแม้ว่าต่อจากนี้ไปจะมีเรื่องราวอีกมากมาย แต่ว่าก็ควรที่จะพักผ่อนหน่อย เธอไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนลูกทั้งสองคนมานานแล้ว
จงเหยียนเฉินยื่นมือไปลูบท้องของเธอ แล้วก็พูดอย่างเราคอย “น้องจะได้คลอดออกมาเมื่อไหร่เหรอครับ?”
“อีก 5 เดือน”หลินซินเหยียนตอบอย่างเรียบเฉย
การตั้งครรภ์ 10 เดือนไม่ได้หมายความว่าตั้งครรภ์ 10 เดือนแล้วก็จะคลอดได้เลย สิบเดือนนี้นับจากเดือนที่เริ่มตั้งครรภ์ จนถึงเดือนที่คลอด ระยะเวลานั้นก็ประมาณ 10 เดือนพอดี แต่ว่าถ้านับทั้งเดือน ก็จะประมาณ 9 เดือน
“หม่ามี๊ วันนี้พาผมกับน้องไปดูหนังที่โรงหนังเถอะครับ” จงเหยียนเฉินดึงมือหลินซินเหยียน และออดอ้อน “ได้ไหมครับหม่ามี๊?”
เขาไม่ได้ออดอ้อนหลินซินเหยียนง่ายๆ เลย พออ้อนแล้วก็เลยยากที่จะปฏิเสธ
หลินซินเหยียนยิ้มด้วยความโอ๋ลูก และตอบว่า “ได้สิ”
“ผมอยากซื้อป๊อปคอร์นแล้วก็โค้กด้วย……”
หลินซินเหยียนขัดจังหวะเขาอย่างไร้อารมณ์ “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แปรงฟันล้างหน้าก่อนไหม? หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้วค่อยคิดเรื่องพวกนี้?”
“ก็ได้”จงเหยียนเฉินทำปากมุ่ย แล้วก็ผละออกมาจากอ้อมแขนของเธอ วิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง หลินซินเหยียนจัดการอารมณ์ของตัวเองเสร็จแล้ว ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันนี้ที่ตู้เสื้อผ้า
เมืองB
เสิ่นเผยซวนกลับซูจ้านที่เพิ่งกลับมาจากประเทศY ก็ต้องตะลึงกับข่าวที่ได้เห็น
วันนั้นที่เสิ่นเผยซวนจูบกับซางหยูที่หน้าประตูมหาลัย มีเด็กมหาลัยคนหนึ่งถ่ายรูปไปได้ แล้วก็โพสต์ลงอินเทอร์เน็ต
มันสามารถสร้างความปั่นป่วนได้ในทันที วันนั้นเสิ่นเผยซวนใส่เครื่องแบบ เห็นได้ชัดว่าเป็นข้าราชการ ถ้าเกิดว่าเป็นคนธรรมดาก็ไม่มีอะไรหรอก แต่ว่าเสิ่นเผยซวนไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่าข้าราชการนั้นมีฐานะพิเศษ แค่ขยับนิดหน่อยก็ถูกคนจับจ้อง การเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ก็ต้องกระตุ้นความคิดเห็นของประชาชนเป็นธรรมดา
จะถูกคนพูดเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัว
ตอนที่ซูจ้านเห็นข่าวนี้ ก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง เขาก็นึกว่าเสิ่นเผยซวนเป็นคนซื่อบื้อซะอีก
แต่ว่าพอเห็นข่าวนี้ ก็ได้ปรับมุมมองของเขาที่มีต่อผู้ชายคนนี้ซะใหม่
เขาเคาะปากของตัวเอง “ที่แท้ แกมันก็คนหน้าเนื้อใจเสือ อีกฝ่ายยังเด็กขนาดนั้น นายจะลงมือก็ลงมือเลยอย่างนั้นเหรอ แถมยังทำอย่างครึกโครมขนาดนั้นอีก แสดงทักษะการจูบของตัวเองต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้มันเจ๋งมากไหม? ”
ดูจากในรูปนั้น ด้านหลังมีคนมองอยู่ไม่น้อยเลย
และยิ่งไปกว่านั้นภาพนั้นถูกถ่ายจากด้านข้าง ใบหน้าของทั้งสองคนถูกเปิดเผยและเห็นอย่างชัดเจน
เสิ่นเผยซวนไม่ได้สนใจเขา ตัวตนของเขากับซางหยูถูกเปิดเผยออกมาทั้งคู่ ข่าวแบบนี้ส่งผลกระทบต่อเขามาก แต่ว่าเขาเป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้เขาสามารถรับได้ อย่างมากก็แค่ถูกตรวจสอบ แต่ว่ามันส่งผลกระทบต่อซางหยูมากกว่าอีก
เรื่องแบบนี้ผู้หญิงมักจะได้รับความเดือดร้อนมากกว่า แถมเธอก็ยังเป็นแค่นักศึกษาปี 1 เท่านั้น
อ่านนิยายก่อนใครที่นี้ คลิ๊ก