ผู้ชายที่กำลังดูเอกสารอยู่ ก็ได้เงยหน้าขึ้น
ไป๋ยิ่นหนิงรู้จุดอ่อนของผู้ชายดี แทงใจดำของเขาอย่างเปิดเผย เขารู้ว่าหลังจากที่พูดถึงหลินซินเหยียนแล้ว จงจิ่งห้าวไม่มีทางจัดการเรื่องงานได้อย่างใจเย็นแล้วทิ้งเขาไว้แบบนั้นอย่างจงใจ
“ถ้าผมเดาไม่ผิด ปัญหาที่ผมในช่วงนี้ เป็นฝีมือของประธานจงใช่ไหม?” ไป๋ยิ่นหนิงพูดต่อว่า “นายนี่ใจแคบหรือว่าไม่เชื่อใจผู้หญิงของตัวเองกันแน่?”
จงจิ่งห้าวโยนปากกาในมือลงบนโต๊ะแล้วส่งเสียงเพี๊ยะทีหนึ่ง เสียงดังมากในห้องที่เงียบแบบนี้ เหมือนกับว่าอารมณ์ที่กระสับกระส่ายไม่แน่นอนบางอย่าง เขาน่าจะร้อน ผิวที่ขาวและแน่นนั้นมีเม็ดเหงื่อออกมา เขากระชากเนกไทออก “ประธานไป๋อารมณ์ดีจริงๆ ดูเหมือนว่าช่วงนี้ว่างมากสินะ ถึงได้มีจิตใจมาสนใจเรื่องของชาวบ้านอย่างนี้”
ไป๋ยิ่นหนิงปกปิดความเหนื่อยล้า ช่วงนี้เขาเลวร้ายมากสำหรับเขา กองปัญหาพวกนั้นไม่มีทางจัดการเสร็จเร็วขนาดนั้น เขารีบมาหาจงจิ่งห้าวไม่ใช่เพราะว่าอยากจะเถียงกับเขา
ตอนแรกเพื่อหลินซินเหยียน เขาอยากถามจงจิ่งห้าวว่าเกิดเรื่องอะไรใหญ่โตขึ้นหรอ ถึงได้ให้เขาปล่อยภรรยาของตัวเองที่กำลังท้องอยู่ พาลูกจากไปแบบนั้น
หลังจากที่มาแล้วได้ยินเรื่องของเหวินชิงแล้ว ก็ต้องอยากรู้ต้นเรื่องและปลายเรื่องเป็นธรรมดา
“เหยียนเหยียนทำทุกวิถีทางเพื่อไม่อยากให้นายรู้ความจริง แต่นายก็รู้จนได้ ฉันว่าเรื่องของเหวินชิง เป็นฝีมือของนายใช่ไหม?” ไป๋ยิ่นหนิงจงใจถาม
ความเป็นมาในเรื่องนี้เขาไม่รู้เรื่อง ทำได้เพียงใช้เบาะแสที่ตัวเองมีในการไปเดา
ตอนที่เขาพูดถึงคำนี้ ก็มีด้านการเดาอีกหนึ่งด้าน หรือว่าจงจิ่งห้าวจะโทษที่ตอนนั้นหลินซินเหยียนปกปิดไว้ เธอถึงจากไป?
ไม่อย่างนั้นเขาก็คิดเหตุผลอื่นไม่เจอ
น้ำเสียงของเขายิ่งอยู่ยิ่งเยาะเย้ย “แต่งงานกับไก่ตามไก่ แต่งงานสุนัขตามสุนัข?เหอะ เหอะ ฉันรู้สึกเธอไม่คุ้มเลย”
สีหน้าของจงจิ่งห้าวยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา ไม่เหลือแตกสลายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาไม่พูดอะไร สะสมความไม่พอใจไว้แบบนั้น
ไป๋ยิ่นหนิงหยุดอย่างเหมาะสม ไม่ได้อยากให้เรื่องราวดำเนินไปจนถึงขั้นที่หนักกว่านี้ เขาทำลายบรรยากาศที่อึดอัดก่อน “ผมมาเพื่อขอบคุณประธานจง หวังว่าครั้งนี้เหวินชิงจะได้ล้มลงไป แบบนี้ก็จะสามารถแก้แค้นให้พ่อบุญธรรมที่อยู่บนสวรรค์ของผม”
จงจิ่งห้าวใกล้จะระเบิดแล้ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอบคุณฉัน?แต่ทำไมฉันฟังแล้วเหมือนเป็นการท้าทายเลย?”
ไป๋ยิ่นหนิงไว้หนขา “ประธานจงอย่าโกรธเลย แทนคำขอโทษ ผมอยากบอกประธานจงเรื่องหนึ่ง ตัวตนของเฉิงยู่ซิ่วเหยียนเหยียนรู้ตั้งนานแล้ว เธอไม่ได้พูด เพราะว่าคิดเพื่อนาย กลัวว่านายจะไม่กล้าเผชิญ คนที่ตัวเองเกลียดเป็นแม่แท้ๆ เคยมาหาฉันเพราะว่าเรื่องนี้ด้วย ฉันคิดว่าด้วยความฉลาดของประธานจงแล้วน่าจะเดาถึงความผิดปกติแล้วสินะ แต่ว่าทำไมถึงไม่พูด ฉันว่านี่น่าจะมีแค่นานเท่านั้นที่รู้”
ที่จริงที่เขามาเจอจงจิ่งห้าว คืออยากจะแกะปมในใจระหว่างหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าว เขาไม่อยากเห็นหลินซินเหยียนเลี้ยงลูกคนเดียวอย่างลำบากแบบนั้น
แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่า ปมระหว่างจงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียนไม่อยู่ในนี้
จงจิ่งห้าวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ตบเสื้อที่ยับ แต่กลับไม่เสียศักดิ์ศรี เขามองจากด้านบนลงมา “ประธานไป๋ รู้ไม่น้อยเลยจริงๆ แต่ว่า ท่าทางที่คิดว่าตัวเองถูกอยู่ตลอดเวลากลับทำให้คนอื่นเกลียด”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “ใช่หรอ?”
“ลูกน้องของประธานไป๋จงรักภักดีจริงๆ ไม่รู้ว่าถ้าฉันออกข้อเสนอที่ดีกว่า เงินเดือนสองเท่า จะมีคนหวั่นไหวไหมนะ ที่จริงฉันสนใจลูกน้องของประธานไป๋มากเลยนะ” เขาขุดหลุมให้ไป๋ยิ่นหนิงโดด ทำให้บริษัทไป๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ว่ามีแค่ข้อเดียวที่เขาพลาดไป ก็คือไม่สามารถดึงคนของเขามาได้
แต่เขาไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีกำแพงที่ขุดไม่ได้ ขอแค่เขาต้องการภูเขาก็สามารถขุดเป็นหลุมได้
ทั้งสองคนมองหน้ากัน เงียบไปชั่วขนาด จงจิ่งห้าวหัวเราะออกมาก่อน เล่นปากกาที่อบู่บนโต๊ะ “ฉันพูดเล่นนะ ประธานไป๋ทำไมสีหน้าถึงดูแย่ขนาดนั้นล่ะ?”
ไป๋ยิ่นหนิงเหมยสีหน้าเย็นชา ไม่พูดอะไรทั้งนั้น
หลังจากเวลาผ่านไป เขาก็ได้สงบลง “สิ่งที่ฉันอยากได้ฉันก็ได้ทอดทิ้งจนหมดแล้ว ยังมีอะไรที่วางไม่ลง?แค่ไป๋ซื่อกรุ๊ป ถ้าประธานจงชอบฉันก็ยอมยกให้ด้วยมือทั้งสองของตัวเองเลย แต่ว่า ฉันดูถูกนาย ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงของฉันไปจากฉัน สำหรับฉันแล้ว นายอ่อนแอกว่าฉัน”
พูดจบไป๋ยิ่นหนิงก็หมุนล้อรถเข็นออกมาจากห้องทำงาน ตอนที่มาถึงหน้าประตู เขาก็หยุดลง “ถ้าไม่ใช่ว่าฉันพิการ ไม่ใช่คนในในของเธอ ฉันต้องสู้กับนายจนตายไปข้างหนึ่งแน่”
ไป๋ยิ่นหนิงไปจากว่านเยว่ แผนเดิมของเขาคือหลังจากที่เจอจงจิ่งห้าวแล้วก็จะไปเลย แต่พอรู้เรื่องของเหวินชิงแล้ว เขาก็ไม่ได้จากไป แต่ไปหาจงฉีเฟิง เขาไปแล้วถึงจะรู้ จงฉีเฟิงไม่ได้อยู่เมืองB แต่ไปไป๋เฉิงกับเฉินยู่เวินแล้ว
นึกอยู่ว่าจิ่งห้าวน่าจะรู้ความจริงของเรื่องหมดแล้ว ก็ไม่มีทางออมมือต่อเหวินชิงแน่นอน เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในนั้น ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งในเมืองBอยู่แล้ว ยิ่งจะราดน้ำมันบนไฟโจมตีเหวินชิงไปอย่างหนัก ทำได้เพียงนั่งรอข่าวที่เหวินชิงจะล้มก็พอ
ความร่วมมือกับประธานหลี่ในเมืองB เขาก็ไม่ได้ไปคุยด้วยตัวเอง แต่ให้ผู้จัดการแผนกไปเจรจาพูดคุย
กาหยวนไม่เข้าใจเขา รีบมาที่เมืองB ก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไรแล้วกลับไป ตอนนี้ขนาดเมือง C ก็ไม่ไปแล้ว นี่ทำให้เขาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
เขาไม่ใช่ว่าชอบหลินซินเหยียนมากหรอ?นี่ไม่ใช่โอกาสที่ดีหรอ?
“คุณหลินอยู่เมืองCไม่ใช่หรอครับ?พวกเรากลับเมืองไป๋ทำไมหรอครับ?” เกาหยวนเห็นว่าตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้แล้ว ในใจคิดอะไรอยู่กันเนี่ย?
เมื่อก่อนเขาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้วฉะนั้นก็ไม่ควรไปคิด แต่ว่าไป๋ยิ่นหนิ่งเหมือนจะดื้นรั้นมาก ตอนนี้มีโอกาสแล้ว แต่กลับไม่ไปจีบ เกาหยวนรู้สึกว่าความคิดของไป๋ยิ่นหนิงนั้นเหมือนกับเข็มใต้มหาสมุทร เดายากยิ่งกว่าผู้หญิงอีก
ไป๋ยิ่นหนิงมองนอกหน้าต่างไว้ ที่จริงเขามองออกหมดแล้ว เขาแค่ช้ากว่าก้าวเดียวเท่านั้น กับหลินซินเหยียนมีบุพเพแต่ไร้วาสนา ตั้งแต่แรกเขาจำคนผิดไป เขารู้ดีว่าถึงระหว่างหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวความสัมพันธ์ไม่ได้ลึกมาก แต่ว่าพวกเขามีลูกด้วยกันทั้งหมด 3 คนแล้ว สิ่งเหล่านี่คือเรื่องที่ตัดไม่ขาด
ถึงจะทำเพื่อลูกแล้ว พวกเขาก็จะถูกมัดไว้ด้วยกัน
อย่างเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือปล่อยมือ ขอแค่เธอสามารถมีความสุข เขาจะไปพยายามรั้งเธอไว้ข้างกายตัวเองอีกทำไมกัน ในเมื่อ…… ตาของเขาตก มองขาคู่ที่ไม่สามารถเดินได้ปกติเหมือนกับคนอื่นของตัวเอง สีหน้าหมนหมอง
เขาจะให้ความสุขกับเธอได้ยังไง?
เขาคิดว่าเมื่อชาติที่แล้วเขาน่าจะเป็นเพชฌฆาตที่ประหาร ทำบาปไว้มากเกินไป ดังนั้นชาตินี้พระเจ้าเลยจะลงโทษเขา ก็เลยแย่งชิงขาทั้งสองของเขาไป ทำให้เขาไม่สามารถมีความรักได้