“คุณผู้หญิง” กวนจิ้นเปิดประตูให้หลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนมองเขาแล้วถามอย่างประหลาดใจ “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ประธานจงให้ผมมาครับ” กวนจิ้นพูด
จงจิ่งห้าวให้กวนจิ้นมาหาคนก่อน เตรียมผู้เชี่ยวชาญให้จวงจื่อจิ่นในการตรวจ และไม่ต้องต่อคิวรอด้วย
“พวกคุณมากับผมเถอะ ผมเตรียมไว้หมดแล้วครับ” กวนจิ้นเดินนำทางไปข้างหน้า
หลินซินเหยียนพยุงจวงจื่อจิ่นแล้วเดินตามเขาเข้าไปในโรงพยาบาล พวกเขาไม่ได้ต่อคิวรอที่ชั้นล่าง แต่ขึ้นไปหาหมอโดยตรง เวลานี้หน้าห้องมีคนเยอะมาก กวนจิ้นเข้าไปพูดคุยกับหมอไม่กี่คำ ก็ให้จวงจื่อจิ่นแทรกแถวเข้าไปก่อนแล้ว
เวลาอยู่ข้างนอกของจวงจื่อจิ่นมีจำกัด เพราะฉะนั้นก็เลยต้องรีบเตรียมการตรวจสอบ
กวนจิ้นได้ไปเจอคณบดีแล้ว ได้ทำเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ขอแค่บอกหมอก็พอ
จวงจื่อจิ่นให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก แต่มีข้อแม้หนึ่งอย่างคือ จะอยู่ในห้องตรวจคนเดียว
ขนาดหลินซินเหยียนเองก็ไม่ให้อยู่ข้างใน
“แม่ ทำไมหนูจะอยู่ข้างในไม่ได้?” หลินซินเหยียนไม่เข้าใจ “แม่มีอะไรกำลังปิดบังหนูอยู่ใช่ไหม?”
“แม่จะมีอะไรที่ปิดบังลูกได้ล่ะ?” จวงจื่อจิ่นมองลูกอย่างเฉยเมย ไม่เผยอารมณ์อะไรออกมาเลย “คนอื่นไม่รู้สถานะของฉันตอนนี้ เธอไม่รู้หรอ?ฉันแค่ไม่อยากให้มีคนอยู่ต่อหน้าฉัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่สามารถบอกอาการของตัวเองให้หมอได้ละเอียด ฉันมาโรงพยาบาลกับเธอแล้ว ฉันจะปิดบังอะไรได้อีก?”
“หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หลินซินเหยียนอยากอธิบาย
“ในเมื่อไม่ใช่ ลูกก็รอแม่อยู่ข้างนอก” จวงจื่อจิ่นพูดจางๆ ไม่มีวี่แววของความโกรธเลย แต่กลับเป็นสีหน้าที่ไม่ธรรมชาติ
หลินซินเหยียนเองก็ไม่ได้ห้ามต่อ พูดว่าหนูรอแม่อยู่ข้างนอกนะ เสร็จแล้วก็เดินออกมา
จวงจื่อจิ่นตอนนี้เป็นคนที่มีโทษ หลินซินเหยียนคิดว่าเธอมีภาระในใจ ก็เลยยอมออกมา
ประตูห้องคลีนิกปิดลง จวงจื่อจิ่นนั่งลงไปบนเก้าอี้ เธอมองหน้าหมอไว้ “ขอโทษนะคะที่รบกวนเวลา”
หมอบอกคำเดียวว่านี่เป็นหน้าที่ของพวกเรา
“ร่างกายของฉันฉันรู้” จวงจื่อจิ่นยอมมา แค่อยากจะให้หลินซินเหยียนวางใจ
“ฉันมีพี่ชายคนหนึ่ง เสียชีวิตเพราะมะเร็ง”
หมอจดคำพูดของจวงจื่อจิ่นไว้บนประวัติคนไข้ แล้วถามว่า “พ่อแม่คุณล่ะ?”
“พ่อฉันมี”
เพราะอย่างนั้นเธอรู้ ตอนที่ร่างกายตัวเองเกิดปัญหา เธอก็เดาได้แล้ว
หมอเงยหน้ามองเธอ “ก็หมายความว่า คุณสงสัยว่าตัวเองก็มี?”
จวงจื่อจิ่นพยักหน้า
“คนเมื่อกี้เป็นลูกสาวของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอรู้ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง หมอออกผลการตรวจที่ไม่มีอันตรายของฉันให้เธอชุดหนึ่งได้ไหม”
หมอไม่กล้าตัดสินใจ ก็เลยรับปากไว้ก่อน “ได้”
“ถ้าอย่างนั้นฉันเปิดผลการตรวจให้คุณ” หมอก้มหน้าลงและเขียนรายละเอียดการตรวจต่างๆ ลงไปบนรายการที่จะตรวจสอบ
“ฉันมาตรวจตอนนี้ ผลจะออกเมื่อไหร่?” จวงจื่อจิ่นถาม
หมอคิดไปสักพัก เพราะว่าเธอสงสัยว่าตัวเองจะเป็นมะเร็ง เพราะฉะนั้นที่จะตรวจก็เยอะ ผลบางอันก็จะออกมาช้า แต่คำนึงถึงความสัมพันธ์ของเบื้องบน น่าจะเร่งให้เธอได้ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ “อย่างน้อยก็ต้อง 1 อาทิตย์”
“ไม่ว่าผลเป็นยังไง ก็รบกวนคุณช่วยออกผลตรวจที่ฉันไม่เป็นอะไรให้ลูกสาวฉันด้วยนะ” จวงจื่อจิ่นพูดอีกรอบ กลัวว่าหมอจะลืม
หมอพยักหน้าอีกครั้ง เอารายการตรวจยื่นให้เธอ “ไปทำการตรวจเถอะ”
จวงจื่อจิ่นรับมาแล้วพยักหน้า “ขอบคุณนะ”
เธอเปิดประตูลงเดินออกมา หลินซินเหยียนรอเธออยู่ที่หน้าประตู
เห็นจวงจื่อจิ่นออกมา เธอรีบเดินเข้าไปหา
จวงจื่อจิ่นยิ้มอย่างสบาย “หมอก็บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไรมาก ไปทำการตรวจก็เสร็จแล้ว ไปเถอะ ลูกไปกับแม่”
กวนจิ้นตามไปด้วย เพราะจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ตรวจก็ได้ตรวจก่อน ไปเจาะเลือดก่อน เอกซเรย์…………
หลังจากทำการตรวจสอบลงมาก็ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมงกว่า
หลังจากตรวจเสร็จ รอเอาผลก็พอแล้ว
“พวกคุณกลับไปก่อนเลยครับ ผลตรวจเดี๋ยวผมเอาให้” กวนจิ้นพูด
หลินซินเหยียนคิด ที่นี่กวนจิ้นคุ้นเค้ย ให้เขาเอาผลตรวจก็เหมือนกัน
“อย่างนั้นก็ได้ พวกเรากลับไปก่อน”
หลินซินเหยียนพาจวงจื่อจิ่นกลับไป
ตอนที่กวนจิ้นเตรียมจะไปเอาผลตรวจที่ออกมาวันนี้ หมอท่านนั้นที่ตรวจให้จวงจื่อจิ่นได้ไปหากวนจิ้น
เรื่องนี้เธอไม่กล้าปิดบัง
“เรื่องของผู้ป่วยเมื่อกี้ ฉันอยากจะพูดกับนายหน่อย”
กวนจิ้นยืนนิ่งแล้วพูด “เชิญพูด”
“ผู้ป่วยท่านนั้นสงสัยว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เพราะว่าพ่อกับพี่ชายของเธอก็มีประวัติโรคนี้ และพี่ชายของเธอก็เสียชีวิตไปเพราะโรคนี้ โอกาสที่เธอจะเป็นก็สูงมากด้วย” หมอพูด
“แบบนี้สามารถมั่นใจว่าเป็นพันธุกรรมได้ไหม?” กวนจิ้นถามอย่างจริงจัง
หมอตอบอย่างเคร่งขรึม “ถ้าเธอเป็น ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเป็นกรรมพันธุ์ก็จะสูง”
กวนจิ้นบอกรู้แล้ว
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไมจวงจื่อจิ่นถึงได้ให้หลินซินเหยียนออกไป
“แล้วก็ เมื่อกี้เธอได้ให้ฉันปิดบังลูกสาวของเธอ…….”
“ผมรู้แล้ว ผมจัดการเอง” กวนจิ้นพูด
“อย่างนั้นก็ดี” หมอหันหลัง “ฉันยังมีคนป่วยอีกเยอะ ฉันไปก่อนละ”
“ขอบคุณครับ” กวนจิ้นพูด
หมอสะบัดมือ แล้วเอามือทั้งสองข้างใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาว เดินไปทางห้องผู้ป่วยนอก
กวนจิ้งเดินไปตรงทางบันได ตรงนี้ไม่ค่อยมีคน เงียบด้วย เขาโทรไปให้จงจิ่งห้าว
ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง เขาก็ต้องแจ้งให้จงจิ่งห้าวรู้
จงจิ่งห้าวนั่งเงยหน้าอยู่บนโซฟา หลินลุ่ยซีนั่งหันหน้าเข้าหาเขาในอ้อมกอด มือเล็กทั้งสองข้างคล้องคอของเขาไว้ พูดคุยกับเขา
“แด๊ดดี้ ต่อไปยายกลับมา จะมาอยู่ทอาศัยอยู่ที่นี่ก็ได้ใช่ไหม?”
เด็กสาวน้อยเอียงหัว หน้าตาจริงจังมาก
จงจิ่งห้าวบีบจมูกเล็กๆ ของเธอ “ฟังที่ลูกพูดหมดเลย”
“ถ้าอย่างนั้นให้ยายมาอยู่กับหนู อย่างนี้หนูก็สามารถอยู่กับทุกคนร่วมกันได้ หนูก็เป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว”
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของจงจิ่งห้าวก็ดังขึ้น
มือหนึ่งของเขาอุ้มลูกสาวไว้ อีกมือหนึ่งเอาโทรศัพท์ออกมา บนนั้นแสดงเป็นชื่อของกวนจิ้น เขากดปุ่มรับสายแล้วเอาโทรศัพท์แนบหู
“คุณผู้หญิงได้พาจวงจื่อจิ่นไปแล้วครับ” พอโทรติด กวนจิ้นก็พูด
จงจิ่งห้าวอื้มเบาๆ ทีหนึ่ง
“จวงจื่อจิ่น……..” กวนจิ้งไม่รู้ว่าจะพูดยังไง จัดเรียงคำพูดแล้วพูดว่า “ตระกูลของเธอมีกรรมพันธุ์ก่อมะเร็ง ถ้าเธอก็เป็นมะเร็ง ติดต่อทางตระกูลได้มากกว่า คุณผู้หญิงเธอ…..”
แต่ว่าถ้าเป็นกรรมพันธุ์จริงๆ หลินซินเหยียน ลูกที่หลินซินเหยียนคลอด……….
อยู่ๆ จงจิ่งห้าวก็จับโทรศัพท์แน่น หางตาของเขาลากยาว สำหรับข้อความนี้ เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือคาดการณ์
เสียงของเขาต่ำมาก “ฉันรู้แล้ว”
ตอนนี้ยังไม่ใช่ผลที่เลวร้ายที่สุด ถ้าจวงจื่อจิ่นไม่เป็น ก็เป็นไปได้ว่าไม่ใช่กรรมพันธุ์
ทุกอย่างรอให้ผลออกมาแล้วค่อยว่ากัน
ตัดสาย จงจิ่งห้าวเอาโทรศัพท์ทิ้งไปไว้ข้างๆ ใช้นิ้วชี้เกี่ยวคางของลูกสาว ตั้งใจมองหน้าตาของเธอ เธอมีดวงตาที่ใส่สะอาด เหมือนดั่งดาวบนท้องฟ้า ใบหน้าที่ขาวใส เหมือนดั่งตุ๊กตาพอร์ชเลน หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
เขาหอมหน้าผากของลูกสาวแล้วดึงเธอเข้าอ้อมกอด
เธอเป็นดั่งนางฟ้า พระเจ้าไม่มีทางโหดร้ายที่จะพรากความแข็งแรงไปจากพวกเขา
“แด๊ดดี้……”