เธออะไรก็ไม่ได้พูด แค่รู้สึกว่าในใจอุ่นมาก เวลาที่เธอต้องการคนปลอบมากที่สุด ก็มีหนึ่งคนที่อยู่ข้างกายเธอให้กำลังใจแก่เธอ
เธอยกปากขึ้น ยิ้มให้เขา
เวลาผ่านไป 20 นาที รถก็มาจอดในเรือนจำ เมืองB
รอบๆ โล่งมาก ลานที่เหมือนป้อมปราการผุดขึ้นมาจากพื้น ประตูเหล็กที่สูงและกว้าง
ครั้งก่อนที่หลินซินเหยียนมาเยี่ยมจวงจื่อจิ่น เธอยังไม่ถูกดำเนินตามคดีอย่างเป็นทางการเลย
ยืนอยู่หน้าประตู หัวใจของหลินซินเหยียน ก็สั่นไม่หยุด แม้ของเธอถูกขังอยู่ข้างในนี้ คนที่เดินออกไปจากที่นี่ ในประวัติชีวิตก็จะมีจุดดำเพิ่มขึ้น
ถึงจะออกมา ก็เป็นคนที่มีบันทึกคดีอาญา จะถูกคนในสังคมรังเกียจ
จงจิ่งห้าวยืนอยู่ข้างกายของเธอ จับมือที่เริ่มเย็นของเธอ “ไปเถอะ เข้าไปกัน”
หลินซินเหยียนพยักหน้า บอกว่าโอเคร
เสิ่นเผยซวนยืนอยู่หน้าป้อมยามรอพวกเขา พวกเขาเดินเข้ามา เสิ่นเผยซวนก็เดินออกไปต้อนรับหลายก้าว หลังจากนั้นก็พาพวกเขาเข้าไปข้างใน เพราะว่าเสิ่นเผยซวนได้จัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้เจออุปสรรคอะไรเลย
เสิ่นเผยซวนจัดจวงจื่อจิ่นไปไว้ในห้องรับรองต่างหาก ข้างๆ ไม่มีคนเฝ้าเลย เหมาะกับการพบปะกับหลินซินเหยียนตามลำพัง
เสิ่นเผยซวนพูด “คนอยู่ข้างใน”
หลินซินเหยียนหายใจเข้าลึกๆ ระยะเวลาที่เดินมาทางนี้ เธอได้จัดอารมณ์ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอมองไปทางจงจิ่งห้าว “ฉันไม่เป็นไรแล้ว ฉันอยากไปพบท่านคนเดียว”
จงจิ่งห้าวเม้มปาก เขาปล่อยมือของเธอ “ฉันรอเธออยู่ที่หน้าประตู”
หลินซินเหยียนบอกว่าเข้าใจแล้ว เธอเดินไปที่หน้าประตู หายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ผลักประตู
ในห้อง บนเพดานห้องมีโคมไฟประหยัดพลังงานสีขาวห้อยลงมา ผนังทั้งสี่ทาเป็นสีขาวทั้งหมด ตรงกลางห้องมีโต๊ะสี่เหลี่ยมวางอยู่ จวงจื่อจิ่นก็นั่งอยู่หลังโต๊ะ
เห็นหลินซินเหยียนมาแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้น
ทันทีที่เห็นจวงจื่อจิ่น หัวใจของหลินซินเหยียนกระตุกใหญ่มาก เธอผอมลง ดำลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา
เมื่อก่อนหลินซินเหยียนรู้สึกว่าจวงจื่อจิ่นยังสาวมาก แต่ว่า ครั้งนี้เธอเห็นจวงจื่อจิ่นอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าเธอแก่ลงเป็นอย่างมาก
จวงจื่อจิ่นยิ้ม “ลูกมาแล้วหรอ?”
หลินซินเหยียนเดินเข้ามา นั่งลงที่ข้างหน้าโต๊ะ เผชิญหน้ากับจวงจื่อจิ่น เธอมองหน้าของจวงจื่อจิ่นไว้ “หนูคิดถึงแม่แล้ว”
น้ำตาของจวงจื่อจิ่นเพราะว่าคำพูดนี้ ไหลออกมาทันที
เธอก้มหน้าเช็ดน้ำตา เธอเองก็คิดถึงหลินซินเหยียน คิดถึงกลานทั้งสองคน เธอมองพวกเขาเติบโตทีละนิด ไม่เคยแยกออกจากกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เจอพวกเขานานขนาดนี้
“หนูได้ยินว่าแม่ไม่สบาย?” หลินซินเหยียนคิดว่าพอเจอจวงจื่อจิ่นแล้วตัวเองจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ สุดท้าย เธอกลับเข้มกว่าที่ตัวเองคาดไว้
เธอไม่ได้ร้องไห้โฮต่อหน้าจวงจื่อจิ่น
จวงจื่อจิ่นเช๋ดน้ำตาทิ้ง “ไม่เป็นอะไร ร่างกายของแม่แม่รู้ดี”
“แต่ว่าท่าทางของแม่เมื่อกี้ดูไม่ดีเลย ไปตรวจกับหนูที่โรงพยาบาลหน่อยเถอะ”
“โธ่ แม่ไม่เป็นไรจริงๆ ก็แค่คิด………..แค๊กแค๊ก แค๊กแค๊ก…………” เสียงไปติดต่อกัน ได้ตัดคำพูดที่เธออยากจะพูด จวงจื่อจิ่นปิดปากไว้
หลินซินเหยียนพูดอย่างแน่วแน่ว่า “พวกเราไปโรงพยาบาลไปวันนี้เลย”
ทุกครั้งที่จวงจื่อจิ่นไอ สั่นจนหัวใจเจ็บไปหมด เธอใช้เวลาในการปรับตัวแป๊บหนึ่ง “ก่อนที่จะไปโรงพยาบาล แม่อยากเจอเสี่ยวเฉินกับเสี่ยวลุ่ย”
ร่างกายของเธอเธอเข้าใจเอง ถึงจะไม่ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อแน่ใจมาก่อน แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองทรุดลงกว่าทุกวัน
เธอรู้ว่าตัวเองน่าจะ……..
ถ้าจะบอกว่าชาตินี้เธอมีอะไรที่เสีนใจมากที่สุด นั้นก็คือไม่ได้เห็นหลานทั้งสองคนเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่
หลินซินเหยียนตอบตกลง “หนูให้เสิ่นเผยซวนจัดการให้ วันนี้หนูพาแม่ไปดูพวกเขาทั้งสองเลย”
พูดเสร็จเธอก็ดึงเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้นยืน เธอเปิดประตู เสิ่นเผยซวนและจงจิ่งห้าวยืนคุยกันอยู่หน้าระเบียงทางเดิน
เหมือนว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่รองผู้ว่าถูกจับ คนที่เกี่ยวข้องโดนจับหมดแล้ว
“วางใจได้เลย ไม่มีคาสามารถออกมาทำอะไรตามอำเภอใจได้แน่นอน” เสิ่นเผยซวนพูด
จงจิ่งห้าวกลัวว่าจะมีคนมาแก้แค้น ถึงแม้ว่าเขาจะให้คนเคลียร์ร่องรอยของทุกอย่างหลินซีเฉินออกให้หมด แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นก่อนที่จะโดนจับได้ไปหาหลินซินเหยียน
ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าคลิปนั้นหลินซีเฉินเป็นคนโพสขึ้นไป แต่ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะหลินซินเหยียนตากหน้า
ก็เลยไปหาหลินซินเหยียนเพื่อทำการแก้แค้น
ใครจะไปรู้ว่าหลินซินเหยียนใจเย็นมาก แล้วก็จะแจ้งความด้วย เธอก็เลยซ้อนตัวก่อน เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าตำรวจจะหาที่ซ้อนตัวของเธอเจอเร็วขนาดนี้
“เบื้องบนปราบปรามหรือขจัดด้านมืด ต่อต้านการทุจริตและการติดสินบน เรื่องครั้งนี้ ถือว่าเขามาทันเวลาพอดีเลย โทษไม่น้อยแน่” เสิ่นเผยซวนพูด
จงจิ่งห้าวยืนตัวตรง แสงไฟส่องลงมา สะท้อนเงายาวๆ
พวกเขาไม่ทันสังเกตว่าหลินซินเหยียนเดินออกมาแล้ว
เธอยืนอยู่หน้าประตู “เสิ่นเผยซวน”
ทั้งสองคนหันไปพร้อมกัน
เธอปิดประตูแล้วเดินขึ้นไป
“ฉันอยากให้นายช่วยอะไรฉันหน่อย” เธอมองเสิ่นเผยซวนไว้
เสิ่นเผยซวนพูดอย่างไม่ลังเลว่า “เธอพูด”
“ฉันอยากพาแม่ออกไปเที่ยวหนึ่ง” หลินซินเหยียนไม่สามารถพาลูกทั้งสองมาเจอจวงจื่อจิ่นที่นี่
อีกอย่าง เธอก็ต้องการที่จะพาจวงจื่อจิ่นไปตรวจที่โรงพยาบาล
สีหน้าของจวงจื่อจิ่นเหลืองมาก ไม่ใช่สีหน้าของคนปกติ
เธอเป็นห่วงสุขภาพของจวงจื่อจิ่น
การจัดเตรียมของเสิ่นเผยซวนครั้งนี้ ก็คือจะให้หลินซินเหยียนพาจวงจื่อจิ่นไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็ต้องจัดให้เธอออกไปอยู่แล้ว
“เธอพาท่านไปตอนนี้เลยก็ได้” เสิ่นเผยซวนพูด
หลินซินเหยียนพูดออกมาจากใจ “ขอบคุณนะ”
พูดออกมาจากใจจริง
“พี่สะใภ้เกรงใจแล้ว” เสิ่นเผยซวนยิ้มแล้วพูด
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจงจิ่งห้าว นี่ไม่ใช่เรื่องอะไรเลย
หลินซินเหยียนได้พาจวงจื่อจิ่นออกมาวันนั้นเลย เธอโทรไปให้เฉิงยู่ซิ่วที่อยู่บ้าน ถามว่าลูกทั้งสองอยู่บ้านไหม
เธอกลัวเฉิงญยู่ซิ่วพาเด็กออกไปแล้ว พวกเธอกลับไปก็ไม่เจอคน
“อยู่บ้านเนี่น เธออยากเจอพวกเขาหรอ?” เฉิงยู่ซิ่วถาม
หลินซินเหยียนพูด “ฉันจะพาแม่ฉันไปเยี่ยมพวกเขา”
เฉิงยู่ซิ่วรู้แล้ว เรื่องของจวงจื่อจิ่นเธอรู้ “เธอวางใจได้ ฉันจัดการให้”
หลินซินเหยียนตอบรับแล้ววางสาย
ไม่นานรถก็ขับกลับมาถึงตระกูลจง
จวงจื่อจิ่นรู้บ้านของจงจิ่งห้าว นี่เป็นครั้งแรกที่มาบ้านจง
สถานะของเธอในตอนนี้มีโทษ รู้สึกอยู่ไม่เป็นยังไงสุขเลย หลินซินเหยียนเดินไป ควงแขนของเธอไว้ “ที่นี่เป็นบ้านของลูกสาวแม่ ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้”
จวงจื่อจิ่นมองลูกสาว แล้วมองจงจิ่งห้าวที่ยืนข้างๆ เธอ ตาเปียกไปหมด เธอยิ้ม “ขอบคุณนะ”
ขอบคุณที่นายมอบบ้านให้หลินซินเหยียน
จงจิ่งห้าวไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากมาย เขายื่นมือไปปัดผมตรงหน้าของหลินซินเหยียน “ผมควรขอบคุณ ที่มอบลูกสาวให้ผม”
หลินซินเหยียนมองเขาแล้วยิ้ม
เธอชอบมองท่าทางที่อ่อนโยนของเขา
จวงจื่อจิ่นมองหน้าลูกสาวที่ยิ้ม ดีใจและไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว
ความสัมพันธ์ของเธอกับจวงจื่อจิ่นท่าทางจะดีมาก
ความปราถนาของเธอสำหรับชีวิตที่เหลือไม่มีอะไรมากไปกว่า เห็นหลินซินเหยียนมีครอบครัวที่ดี หลานทั้งสองคนเติบโตอย่างแข็งแรง
ตอนนี้เอง ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออก เฉินยู่ซิ่วเดินออกมา “พวกเธอเข้าไปเถอะ ฉันได้จัดเตรียมไว้หมดแล้ว ในบ้านไม่มีคนนอก”
จงฉีเฟิงกับคนใช้ถูกเธอไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนนี้ที่บ้านมีแค่เด็กสองคนอยู่
จวงจื่อจิ่นไม่อยากเจอคนเยอะในช่วงนี้ เพราะว่าสถานะของเธอ…………
คิดไม่ถึงว่าเฉิงยู่ซิ่วจะจัดเตรียมได้ดีขนาดนี้
“ขอบคุณ”
“ไม่ต้องขอบคุณ เป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านั้น” เฉิงยู่ซิ่วมองจวงจื่อจิ่น “จะขอบคุณก็ต้องเป็นฉันที่ต้องขอบคุณเธอ เลี้ยงลูกสาวได้ดีขนาดนี้”