เมื่อเหวินชิงเข้ามาในบ้าน หลี่จิ้งก็ช่วยเอาสลิปเปอร์มาให้เขาเปลี่ยน
เหวินชิงยืนนิ่งไม่ขยับ ก่อนจะเอ่ยปากถาม ” วันนี้เกิดอะไรขึ้น “
” เข้ามาก่อนเถอะ ” นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคำสองคำแล้วรู้เรื่อง หลี่จิ้งวางสลิปเปอร์ลงไว้ข้างๆเท้าเขา
เหวินชิงถอนให้ใจเฮือกหนึ่ง เขาอยากจะรู้นักว่าหล่อนจะอธิบายมันอย่างไร
กะอีกแค่นัดหลินซินเหยียนกินข้าวมื้อนึงมันจะไปยากอะไรนักหนา
เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ
เขาใส่รองเท้าสลิปเปอร์แล้วเดินเข้ามา นั่งลงบนโซฟา” พูดสิ ว่าเรื่องเป็นยังไง “
หลี่จิ้งก็นั่งลงตำแหน่งถัดไป หล่อนคิดมานานแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากร้านเสื้อผ้า หล่อนก็คิดมาตลอดว่าจะคุยเรื่องนี้กับเหวินชิงยังไง
แต่พอถึงเวลาต้องพูดจริงๆ หล่อนก็ไม่รู้ว่าจะเปิดปากด้วยเรื่องอะไรก่อน
” เธอก็พูดสักทีสิ “เหวินชิงเริ่มจะไม่สบอารมณ์
” ฉันว่าเด็กๆก็ดีอยู่แล้ว ก็เลยทนไม่ได้… ” กว่าหลี่จิ้งจะพูดออกมาแต่ละคำ
เส้นเลือดตรงขมับของเหวินชิงก็ผุดขึ้นมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำลง ” เพราะงั้นเธอก็เลยไม่นัดหล่อนออกมางั้นเหรอ “
หลี่จิ้งมองไปที่เขา ” ใช่ คุณก็รู้นิสัยของจงจิ่งห้าวดี ถ้าเขารู้ว่าคุณทำเรื่องอะไร ไปความสัมพันธ์ของคุณกับเขาต้องแย่แน่คุณไม่สนใจในท่าทีที่เขามีต่อคุณหรือไง “
หลี่จิ้งเข้าใจเหวินชิงดี เพราะเขาแคร์จงจิ่งห้าวมาก
และหล่อนก็รู้ว่า ความรู้สึกที่แคร์แปดสิบเปอร์เซ็นต์นั้นก็เป็นเพราะเหวินเสียน
” ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้พวกเราควรพูดกับจงจิ่งห้าวให้ชัดเจน ให้เขาเล่าเรื่องหลินซินเหยียนให้คุณฟัง ก็เราไม่ควรเข้าไปแทรกกลางในเรื่องนี้…. “
” คุณรู้เรื่องที่หลินซินเหยียนทำผ้าไหมกวางตุ้งได้หรือเปล่าล่ะ ” เหวินชิงชักจะเริ่มรู้สึกรำคาญ ก็เลยพูดตัดบทหลี่จิ้ง
เรื่องที่หล่อนพูดคิดว่าเขาไม่รู้หรือไง
แล้วคิดว่าเขาไม่เคยคิดมาก่อนหรือไงกัน
หลี่จิ้งตกตะลึง หลินซินเหยียนทำผ้าไหมกวางตุ้งได้ด้วยเหรอ
นั่นไม่ใช่สิ่งที่สืบทอดของตระกูลเฉิงหรือไง ทำไมถึงสอนให้หลินซินเหยียนเสียล่ะ
” คุณได้ยินมาจากใคร ” หลี่จิ้งไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เหวินชิงถอนหายใจเบาๆ ” ผมให้คนที่ไปหาไป๋เฉิงเช็คให้เรียบร้อยแล้ว คิดว่าผมไม่รู้ข้อดีข้อด้อยของเรื่องนี้เลยไง จิ่งห้าวเป็นคนที่ฉลาดมาก เขาจะไม่รู้จริงๆเหรอว่าหลินซินเหยียนทำผ้าไหมกวางตุ้งได้ หรือคุณคิดว่า หลินซินเหยียนสามารถปิดบังเขาว่าเธอทำเรื่องพวกนี้ได้ แล้วเขาจะไม่รู้งั้นสินะ “
หลี่จิ้งทำตาโต ” คุณจะสื่อว่าเขาก็รู้ใช่ไหม “
ตอนนี้เหวินชิงมั่นใจมากว่าจงจิ่งห้าวต้องรู้เรื่องนี้
แต่เขาก็ไม่ได้ละทิ้งหลินซินเหยียน เป็นเพราะว่าเขาคงชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แล้วหลินซินเหยียนก็ยังคลอดลูกที่น่ารักสองคนให้กับเขาอีก
ถึงในใจของเขาจะไม่สบายใจยังไงก็ไม่ควรจะไปโทษหรือไปโกรธเกลียดหลินซินเหยียน
แต่เขาแค่ทนไม่ได้ ที่เห็นว่าคนที่คู่เคียงจงจิ่งห้าวจะไปสนิทชิดเชื้อกับเฉิงยู่ซิ่ว” ถ้างั้นตอนนี้จะทำยังไง ” หลี่จิ้งคิดว่าแค่แบไพ่ที่อยู่ในมือกับจงจิ่งห้าว แล้วให้เขาไปพูดกับหลินซินเหยียนให้อยู่ห่างจากเฉิงยู่ซิ่วก็พอแล้ว
แต่เหมือนเรื่องราวตอนนี้จะเริ่มวุ่นวายไปกันใหญ่
จงจิ่งห้าวรู้ถึงการมีอยู่ของความสัมพันธ์หลินซินเหยียนกับเฉิงยู่ซิ่วอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะขุดคุ้ยอะไร
เหวินชิงยิ้มอย่างเย็นชา ” เขาก็ยังเป็นเขาอยู่วันยังค่ำ เพื่อผู้หญิงคนนั้น ก็กลับไปอยู่บ้านหลังเก่านั้นแล้ว “
ในอกของเขามันปั่นป่วนไปหมด
เพราะรู้สึกโกรธจนเกินพอดี
หลี่จิ้งจับมือเขาเอาไว้ ” คุณอย่าโกรธไปเลยนะ ถ้าโกรธจะไม่ดีต่อสุขภาพเอา “
เขามองไปที่หลี่จิ้ง ” ถ้าผมไม่หยุดมันเอาไว้ เขาก็คงลืมว่ แม่ที่ให้กำเนิดของเขาคือใคร ผมจะไม่ยอมให้เฉิงยู่ซิ่วแย่งลูกชายของเหวินเสียนเป็นอันขาด!”
เขาไม่อาจยับยั้งความโกรธนี้ไว้ได้
ในสายตาของเขาเฉิงยู่ซิ่วได้แย่งจงฉีเฟิงไปจากเหวินเสียนแล้ว
ตอนนี้เขายิ่งรับไม่ได้ ที่ลูกชายของเหวินเสียนจะยอมรับผู้หญิงอย่างเฉิงยู่ซิ่วเข้ามา!
นี่คือจุดต่ำสุดที่เขาไม่อาจแตะต้องมันได้!
หลี่จิ้งรู้ ว่าเรื่องนี้คงไม่มีทางที่จะผ่อนปรนมันได้
ก่อนจะถอนหายใจ เหวินชิงงั้นเป็นคนหัวแข็ง ในใจเขามีปมบางอย่าง หลายปีมานี้ เค้าไม่ยอมปล่อยวางมันเสียที ถึงอยากจะพูดเตือนยังไง ก็ได้แต่เปลี่ยนคำพูดนั้นเข้าไป ในสถานการณ์แบบนี้เธอทำได้แค่สนับสนุนสามีของตัวเองเท่านั้น
” ครั้งนี้ขอโทษจริงๆ ฉันมีบางครั้งที่ใจอ่อนแล้วทนไม่ไหว เลยทำให้แผนของคุณต้องพัง….. “
” ไม่เป็นไร ” เหวินชิงหรี่ตา เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาอยู่แล้ว
ท่าทีของจงจิ่งห้าวในวันนี้ มันแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขาคงไม่มีโอกาสได้วางมือจากเรื่องนี้แล้ว
จงจิ่งห้าวจะต้องเตรียมรับมือกับเรื่องนี้แล้วแน่ๆ
เขาต้องทำ ทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ!
ไม่ต้องรีบ ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง
อีกด้านหนึ่ง จงจิ่งห้าวเดินจากห้องอาหารไปยังรถ หลินซินเหยียนนั่งรอเขาอยู่ฝั่งที่นั่งคนขับ
” คุณดื่มจนเมาแล้วเหรอ ” จงจิ่งห้าวขึ้นรถมาเธอก็ได้กลิ่นทันที
” นิดหน่อยน่ะ ” จงจิ่งห้าวดึงคอเสื้อออก แล้วปลดกระดุมลงสองเม็ด
หลินซินเหยียนไม่ถามอะไรเลยสักคำ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปฝั่งที่นั่งของเขา ” คุณลงมา ฉันขับเอง “
จงจิ่งห้าวทำปากงอ ” ไม่ไว้ใจผมงั้นเหรอ “
หลินซินเหยียนทำทีเคร่งขรึมก่อนจะเอากุญแจรถไป ” ดื่มเหล้าห้ามขับรถ ไม่รู้หรือไง “
จงจิ่งห้าวเมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของเธอ เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า ” ผมไม่ได้เมา “
” ยังไงก็ไม่ได้ ” ท่าทีของหลินซินเหยียนแน่วแน่มาก
จงจิ่งห้าวยอมให้ความร่วมมือก่อนจะลงจากรถไปนั่งฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เขาเอนตัวไปอยู่ข้างหูเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเมาแต่ก็ไม่เมาว่า ” ภรรยาของผมพูดถูกทุกอย่าง “
หลินซินเหยียนโยกตัวหนี ก่อนจะสตาร์ทรถ แล้วหันไปมองเขา ” ปากหวานอย่างนี้ ทำเรื่องอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า “
จงจิ่งห้าวได้ยิน ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
พูดแบบนี้ฟังยังไงก็เป็นคำพูดที่ซ้อนคำพูดอีกที
” พูดออกมาสิ ว่าเจอคุณเฉินคนนั้นในบาร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเจอกันทำอะไรลงไปบ้าง “