จงจิ่งห้าวไม่มีพูดอะไรที่มากกว่า เขาพูดคำพูดซึ้งๆไม่เป็น และไม่ชอบพูดด้วย แค่เปิดประตูขึ้นรถไป
มือของเสิ่นเผยซวนวางพาดอยู่บนไหล่ของซูจ้าน “ไป ฉันไปดื่มเป็นเพื่อนนายสักแก้ว”
ซูจ้านตบไหล่ของเขาทีนึง “โอเค”
อีกฝั่งนึงจงจิ่งห้าวได้ขับรถไปที่โรงพยาบาลโดยตรง
หลินซินเหยียนยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลจนค่อนข้างง่วงนอนแล้ว
ช่วงเวลานี้ สถานที่ที่แม้แต่ช่วงกลางวันลงทะเบียนก็ยังต้องต่อแถว นาทีนี้กลับเงียบสงัด
ตอนที่จงจิ่งห้าวมาถึง ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
หลินซินเหยียนเห็นรถของเขาจึงได้เดินไปหา จงจิ่งห้าวจอดรถให้สนิทแล้ว หลินซินเหยียนถึงเปิดประตูนั่งเข้าไป
“ซูจ้านไปไหนแล้วคะ?” หลินซินเหยียนคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วถาม
“มีเสิ่นเผยซวนคอยอยู่เป็นเพื่อน” จงจิ่งห้าวคอยเพ่งมองด้านหน้าไว้และพูดอย่างเรียบเฉย
มีคนอยู่เป็นเพื่อนคอยเบิกเนตรเขา เธอก็วางใจแล้ว
ตอนนี้ตีสองกว่าแล้ว หลินซินเหยียนพิงอยู่ที่เบาะนั่งหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนี้ดึกมากแล้ว เธอง่วงนอนมากจริงๆ
จงจิ่งห้าวลดความเร็วรถลง คอยขับอยู่บนถนนอย่างนิ่มนวล หลังจากมาถึงวิลล่า เขาจอดรถเสร็จ หลินซินเหยียนในเวลานี้ได้หลับสนิทแล้ว ไม่รู้เลยว่าถึงบ้านแล้ว
จงจิ่งห้าวเดินมาเปิดประตูรถของฝั่งนี้ โน้มตัวเข้าไปปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วอุ้มเธอลงมาจากในรถ
หลินซินเหยียนกำลังหลับลึกอยู่ จู่ๆมีคนมาแตะเนื้อต้องตัว เธอหงุดหงิดมาก ร่างกายได้ขยับไปมา และบ่นพึมพัมคำนึง ไม่นานเธอที่อยู่ในอ้อมอกจงจิ่งห้าวก็หาท่าทางที่สบายเจอแล้วหลับลึกต่อ
จงจิ่งห้าวอุ้มเธอเข้ามาในบ้าน กลางดึกเฉิงยู่ซิ่วลุกขึ้นมาดื่มน้ำ ก็เห็นจงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนเข้ามาพอดี
เธอดูนาฬิกาแว๊บนึง นี่ก็ตีสามแล้ว
“กลับมาดึกป่านนี้เลยเหรอ?” เธอถามเสียงเบา
จงจิ่งห้าวตอบอืมคำนึง อาจจะเพราะพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ก็เหมือนคนที่อยู่ใกล้ตัวเองมาก จึงได้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติคำนึง
เฉิงยู่ซิ่วอึ้งก่อน จากนั้นตามมาด้วยหน้าตาเบิกบาน เขา ไม่นึกเลยว่าเขาจะคุยกับเธอแล้ว
แถมยังสงบจิตสงบใจขนาดนี้ด้วย
เธอยังไม่ได้ดื่มน้ำก็หันหลังเข้าห้องนอนไปเลย ตอนที่ผลักประตูอยากจะเข้าไป เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้อีก เธอไปผลักประตูห้องนอนของจงฉีเฟิงออก
เวลานี้ จงฉีเฟิงกำลังหลับสนิทอยู่
เธอโน้มตัวเขย่าตัวเขา “คุณตื่นค่ะ”
จงฉีเฟิงหลับอย่างสะลึมสะลือ เหมือนได้ยินคนเรียกตัวเอง เขาค่อยๆลืมตาขึ้น เขาเหมือนมองเห็นเฉิงยู่ซิ่วผ่านแสงที่ริบหรี่ เวลานี้เธอควรจะอยู่ห้องนอนของหลินลุ่ยซีไม่ใช่เหรอ?
มาโผล่ที่นี่ได้ยังไง?
“มีอะไร?” จงฉีเฟิงลุกมานั่งบนเตียง
เฉิงยู่ซิ่วค่อนข้างทำตัวไม่ถูก เซอร์ไพรส์ เหนือความคาดหมาย “จิ่ง จิ่งห้าวพูดกับฉันแล้วค่ะ”
จงฉีเฟิงเปิดไฟหัวเตียง พริบตาเดียวในห้องก็สว่างขึ้นมา เขาเองก็ตื่นตัวขึ้นมา
รู้ว่าความตื่นเต้นของเธอมาจากไหน
“เขาพูดอะไรกับคุณ?” จงฉีเฟิงถาม
“ฉันถามเขากลับมาดึกป่านนี้เลยเหรอ เขาตอบว่าฉันอืมค่ะ”
จงฉีเฟิงขมวดคิ้ว เพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ดึกๆดื่นๆตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ?
“คุณว่านี่เป็นการพัฒนาที่ดีหรือเปล่าคะ ต่อไปเขาจะค่อยๆยอมรับฉัน?” เฉิงยู่ซิ่วโหยหาอนาคตที่สวยงามสามารถเข้ากับจงจิ่งห้าวได้เหมือนญาติและเพื่อน
จงฉีเฟิงมองหน้าตาดีใจของเธอ สีหน้าตกตะลึงไปสองวิ “จะต้องมีวันนั้นแน่นอน”
จงฉีเฟิงรู้นิสัยของจงจิ่งห้าวอยู่ไม่มากก็น้อย ปมในใจเขาไม่อาจลบเลือนออกไปได้ง่ายขนาดนี้เสมอไปหรอก
อีกอย่างก็ไม่ได้ให้‘สีหน้าดีๆ’กับเธอจริงๆสักหน่อย แค่ตอบอืมคำนึง ก็ทำให้เธอตื่นเต้นขนาดนี้แล้ว
ได้รับการยอมรับจากจงฉีเฟิง เธอกระปรี้กระเปร่าไปทั้งคนเลย “ต่อไป ฉันจะต้องพูดคุยกับเขาให้มากๆหรือเปล่าคะ?”
เฉิงยู่ซิ่วไม่โง่ อีกทั้งยังฉลาดมาก แต่ว่า พอเจอเรื่องของจงจิ่งห้าว เธอก็สูญเสียความสามารถในการคิดเลย เขาแต่งงานกับเธอมาก็20กว่าปีแล้ว ปมในใจที่นานขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงที่แป๊บเดียวก็คลี่คลาย?
จงฉีเฟิงถอนหายใจทีนึง และโบกมือให้เธอ “มานี่”
เฉิงยู่ซิ่วเดินมานั่งที่ขอบเตียง
จงฉีเฟิงจับแก้มที่ดูมีอายุของเธอ ใบหน้านี้ก็เคยสวยงามดั่งดอกไม้เหมือนกัน ตอนนี้……
“เรื่องมันฝังใจมานานหลายปี คุณอย่าใจร้อนเกินไปสิ” มีความหวังก็จะมีผิดหวัง
จงฉีเฟิงไม่อยากให้เธอผิดหวัง
เฉิงยู่ซิ่วพูด “ฉันรู้ค่ะ”
ที่จริงในใจไม่ได้สงบเลย
เธอดีอกดีใจจนขาดสติ
จงฉีเฟิงใช้ชีวิตกับเธอมา20กว่าปี ยังไงก็เข้าใจเธอดีอยู่ เวลานี้ เธอคำฟังพูดของเขาไม่เข้าเลยด้วยซ้ำ
เวลานี้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเธอล้วนฟังไม่เข้าทั้งนั้น รอเธอสงบสติลงมาได้ เขาค่อยพูดดีกว่า
จงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนขึ้นชั้นบน และเข้าไปในห้องนอน