“ผมมั่นใจได้เลยว่าคนที่โทรมาคือหม่ามี๊ของผม”หลินซีเฉินสาบานได้เลย
เสิ่นเผยซวนมองจงจิ่งห้าว ทั้งสองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง จงจิ่งห้าวจึงถามขึ้น“หาตำแหน่งได้ไหม?”
“เนื่องจากเวลาโทรมันสั้นเกินไปเลยไม่อาจระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้ แต่ว่าอาจจะพอหาได้ว่าหมายเลขที่โทรมาจากไหน”เสิ่นเผยซวนพูดขึ้น
“แค่ผมกดโทรกลับเบอร์นี้ก็ตรวจหาตำแหน่งที่ชัดเจนได้แล้วไม่ใช่หรอครับ?”หลินซีเฉินไม่อาจปิดบังความร้อนรุ่มในใจไว้ได้อีกแล้ว เขาอยากจะหาหม่ามี๊ให้เจอเร็วๆ
จงจิ่งห้าวจับมือน้อยๆของเขาเอาไว้ แล้วดึงเข้ามากอดเบาๆ เขาพยายามดิ้นแต่กลับถูกจงจิ่งห้าวกดไหล่ไว้“ถ้าหม่ามี๊ของหนูไม่ถูกจับตาดูอยู่ เธอจะต้องติดต่อมาแน่ แต่นี่โทรติดแล้วกลับไม่พูดไม่จา แถมลูกยังได้ยินเสียงคนอื่นอีก เพราะงั้นนี้จึงแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังถูกจับตามองอยู่ อีกอย่างถ้าลูกโทรกลับไปหาเธออีก คนร้ายเกิดไหวตัวทันขึ้นมาแล้วย้ายไปที่อื่นล่ะ เราจะทำไง?”
หลินซีเฉินคิดดูมันก็จริง ถ้าหม่ามี๊เป็นอิสระอยู่ล่ะก็เธอจะต้องติดต่อมาหาเขาแน่ เพราะงั้นตอนนี้ที่ยังไม่ติดต่อมาก็แสดงว่าเธอถูกคนจับตัวไว้
“งั้นตอนนี้จะทำยังไงดีครับ?”หลินซีเฉินถามอย่างร้อนใจ
“พ่ออยู่นี่ พวกเราจะต้องหาเธอเจอแน่นอน ลูกอย่างกังวลไปเลย”จงจิ่งห้าวเบี่ยงเบนความสนใจของเขาได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันหนูน้อยก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองนั่งอยู่บนตักจงจิ่งห้าว เพราะเขาเอาแต่คิดว่าจะหาหม่ามี๊เจอได้ยังไง
เสิ่นเผยซวนเหลือบมองโดยไม่พูดอะไรออกมา“เดี๋ยวผมไปคุยกับคนขับรถเรื่องเส้นทางสักครู่ครับ”
ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่หลินซินเหยียนโทรมา เขาสืบหาได้แล้วว่าเลขนั้นมาจากที่ไหน และถึงแม้ข้อมูลมันจะกว้างมาก แต่ถ้าได้ไปถึงมันก็แสดงว่าพวกเขาได้เข้าใกล้กับสถานที่ที่หลินซินเหยียนถูกเอาไปซ่อนไว้มากขึ้นนิดหน่อย และแน่นอนว่ามันจะช่วยพวกเขาได้มากเลยทีเดียว
“อืม”
จงจิ่งห้าวตอบอืมออกไปด้วยท่าทีเรียบเฉย
“พวกเราจะหาหม่ามี๊เจอไหมครับ?”หลินซีเฉินถาม
“เจอสิ”จงจิ่งห้าวตอบอย่างมั่นใจ
เขาเชื่อมั่นว่าอย่างนั้นจริงๆ
เขาจะหาเธอเจอแน่นอน!
เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา“เดี๋ยวต้องเอารถไปเติมน้ำมันที่จุดบริการพักรถ เพราะงั้นพาเสี่ยวซีกับเสี่ยวลุ่ยไปรับอากาศข้างนอกด้วยดีกว่า”
อุดอู้อยู่ในรถมาตลอดพวกเขาคงจะเบื่อแย่ ถึงแม้ในรถจะมีทุกอย่างเหมือนในบ้านก็ตาม แต่ถึงยังไงมันก็เป็นรถบ้าน พื้นที่เลยค่อนข้างจำกัด
หลินซีเฉินลุกขึ้น“งั้นผมลงไปกับคุณก่อน”
“ครับ”เสิ่นเผยซวนยื่นมือออกมา“จับมือผมไปนะครับ”
หลินซีเฉินค่อนข้างว่านอนสอนง่าย เขายื่นมือออกไปจับไว้
“ดูแลเขาให้ดีล่ะ”จงจิ่งห้าวกำชับ
เนื่องจากจุดบริการพักรถมีคนพลุกพล่าน อีกทั้งยังมีคนหลากหลายประเภทอยู่ด้วย
“ผมรู้น่า”เสิ่นเผยซวนเหลือบมองเขา ตอนนี้เป็นพ่อคนแล้วกลายเป็น‘คนอ่อนไหวง่าย’ไปแล้วสินะ
เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ต้องดูแลเด็กได้สิ
แต่ก็เข้าใจคนเป็นพ่อก็ต้องรักและเป็นห่วงลูกตัวเองเป็นธรรมดา เขาเลยไม่พูดอะไรมาก
“ดูกันว่าที่นี่จะมีที่ให้พักผ่อนไหม?”
เสิ่นเผยซวนอุ้มหลินซีเฉินลงจากรถ ส่วนจงจิ่งห้าวก็เดินไปข้างหลังรถเพื่ออุ้มลูกสาวออกมา
เด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับปุ๋ย แก้มแดงระเรื่อ เขาก้มลงไปอุ้มลูกสาวขึ้นมา เธอตื่นทันทีเพราะถูกอุ้ม
เธอลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย แต่พอเห็นว่าคนที่อุ้มอยู่คือจงจิ่งห้าว เธอก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“คุณพ่อ”
จงจิ่งห้าวหัวใจแทบละลายเมื่อถูกเรียกว่าพ่อ เขาจุ๊บลงเบาๆที่หน้าผากของลูกสาว“พวกเราออกไปรับอากาศข้างนอกรถกันนะ”
เมื่อได้ยินว่าจะได้ลงจากรถเด็กสาวก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ความงัวเงียที่พึ่งตื่นเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง“ที่นี่มีอะไรขายไหมคะ?”
จงจิ่งห้าวบีบจมูกลูกสาวเล่นเบาๆ แล้วพูดด้วยความเอ็นดู“มีสิ”
หูว
เด็กสาวฉีกยิ้มร่า
ผมของหลินลุ่ยซีพันกันไปหมด จงจิ่งห้าวจึงอยากจะช่วยหวีให้ ทว่าแค่เขาเริ่ม เด็กสาวก็สีหน้าเปลี่ยนทันที“เจ็บค่ะ”
จงจิ่งห้าวไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน
เขารีบชักมือกลับแล้ววางหวีลง“พ่อไม่เคยหวีผมให้ใครมาก่อน”
หลินหลุ่ยซีส่องกระจกดู ผมของเธอยุ่งนิดหน่อย แต่เธอไม่อยากให้คุณพ่อหวีผมให้ เธอเลยทำหน้าบึ้งออกไป“คุณพ่อคะ คุณพ่อไม่ชอบที่หนูน่าเกลียดใช่ไหมก็เลยจะหวีผมให้?”
จงจิ่งห้าว“……”
“ไม่น่าเกลียดเลย ลูกสาวพ่อสวยที่สุด สวยจนไม่มีใครเทียบได้”จงจิ่งห้าวอุ้มลูกสาวขึ้น“ถ้างั้นไม่หวีแล้ว”
เด็กน้อยซบลงตรงไหล่เขา“หนูอยากไปซื้อของอร่อยๆค่ะ”
จงจิ่งห้าวมองลูกสาวของเขา หลินซีเฉินเคยบอกไว้ว่าเธอชอบเอาแต่กิน เห็นทีคงจะจริงอย่างที่บอก
แต่ว่าเขาชอบมัน
จงจิ่งห้าวเจอคนเจ้าเล่ห์และจอมปลอมมานักต่อนัก พอมีเด็กน่ารักไร้เดียงสาปรากฏตัวขึ้นมาในโลกของเขา มันจึงทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตของเขาไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว
“ตรงนั้น ตรงนั้นค่ะพ่อ”หลินลุ่ยซีชี้ออกไป เธอชี้ไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ห่างออกไปไม่ไกลมาก
จงจิ่งห้าวพูดออกไปด้วยความอดทน“พ่อเห็นแล้ว”
เขารู้สึกจนปัญญา แต่ในขณะเดียวกันก็ชอบมันมาก เมื่อเดินเข้ามาในซุปเปอร์มาร์เก็ตหลินลุ่ยซีก็ตะโกนว่าจะลง เธออยากเลือกของกินเอง
และอาจเป็นเพราะซุปเปอร์มาร์เก็ตในจุดบริการพักรถสินค้าค่อนข้างมีราคาแพง คนจึงไม่ค่อยเยอะ จงจิ่งห้าววางเธอลง เธอผละออกจากอ้อมกอดแล้ววิ่งแจ้นออกไป
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้มแน่นพร้อมกับสาวเท้าก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว“ช้าลงหน่อย”
“หนูจะเอาอันนี้”หลินลุ่ยซีหยิบช็อกโกแลตมากล่องหนึ่งแล้วกอดเอาไว้“เอามันฝรั่งทอดด้วย แล้วก็อันนี้ อันนี้……”หยิบไปได้สองสาม เธอก็หยิบไม่ถึง เธอจึงตะโกนเรียงจงจิ่งห้าวขึ้น“พ่อคะ หนูหยิบอันนี้ไม่ถึง”
เนื่องจากชั้นวางค่อนข้างสูง เธออยากได้ขนมที่วางอยู่ด้านบน แต่เธอเอื้อมไม่ถึง
จงจิ่งห้าวยืนอยู่ด้านหลังเธอ เขาเอื้อมไปหยิบของที่ลูกสาวอยากได้ลงมาอย่างง่ายดาย“เดี๋ยวพ่อถือไว้ให้”
“ไม่เอาค่ะ”หลินลุ่ยซีส่ายหน้า เธอคิดว่าเก็บไว้กับตัวเองถึงจะปลอดภัยที่สุด
“อันนี้ไม่ได้ มันแพงเกินไป”ฝั่งตรงข้ามมีคุณแม่คนหนึ่งพูดกับลูกชายขึ้น
เด็กผู้ชายจ้องเขม็งไปที่น้ำผลไม้ขวดนั้น ดูท่าทีเหมือนอยากจะได้มาก แต่ทว่ากลับไม่งอแงว่าอยากได้ แม่ของเขาจึงช่วยหยิบน้ำแร่ออกมาให้เขาขวดหนึ่ง“ดื่มอันนี้แล้วกัน”
คุณแม่หยิบน้ำแร่ส่งให้ลูกชาย จากนั้นก็ไปจ่ายเงิน
หลินลุ่ยซีมองของที่อยู่ในมือของเธอ แล้วมองไปที่เด็กชายคนนั้นกับแม่ของเขา จากนั้นก็เงยหน้ามองจงจิ่งห้าว“พ่อคะ หนูหยิบมาเยอะเกินไปรึเปล่า?มันแพงมากไหม พวกเราต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไหร่คะ?”
จงจิ่งห้าวนั่งยองๆลงตรงหน้าลูกสาว แล้วยื่นมือออกไปจัดผมที่บังหน้าผากของเธอเอามาทัดไว้หลังใบหู จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน“ไม่เลย พ่อจะพยายามหาเงินมาให้ได้เยอะๆเพื่อเอามาให้ลูกสาวของพ่อได้ซื้อของที่หนูอยากได้”
“หนูรักพ่อนะคะ”หลินลุ่ยซีโน้มตัวเข้าไปจุ๊บที่แก้มจงจิ่งห้าวหนึ่งที“หนูเอาน้ำผลไม้ขวดนั้นได้ไหมคะ?”
จงจิ่งห้าวยังคงอึ้งอยู่กับจุ๊บของลูกสาวเมื่อกี้ เขายื่นมือออกมาลูบที่หน้า บนหน้ายังมีน้ำลายจากรอยจุ๊บของเธออยู่เลย
ทว่าเขากลับไม่รู้สึกว่ามันสกปรก กลับกันกับรู้สึกว่านี่เป็นความรักที่ลูกสาวมีต่อเขาซะอีก เขายิ้มร่าออกมาแล้วลุกขึ้นไปหยิบน้ำผลไม้ขวดนั้นให้เธอ
หลินลุ่ยซีรับน้ำผลไม้มาแล้ววิ่งไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงินจากนั้นก็ยื่นมันให้กับเด็กชายคนนั้น“ฉันให้นาย”
“พวกเราไม่ได้ซื้ออันนี้”แม่ของเด็กชายพูดขึ้นอย่างอึดอัด
“เดี๋ยวพ่อฉันจ่ายให้”หลินลุ่ยซียื่นมือออกไป เธอเบิกตาโตมองไปที่เด็กชาย เขาค่อนข้างผอม บนตัวสวมเสื้อสเวตเตอร์ลายทางสีดำ มันไม่มียี่ห้อและดูเก่าพอสมควร ทว่ากลับดูสะอาดมาก
เด็กชายมองมาที่เธอ แต่ไม่ยื่นมือออกมา ถึงแม้ว่าเธอจะ‘ผมเผ้ารุงรัง’แต่เขาก็ดูออกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยแน่
ดูแววตาที่ไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกของเธอสิ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอต้องเป็นเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีแน่ๆ
เพียแต่ว่าเธอยังไม่เคยได้รับการขัดเกลาจากโลกใบนี้ ก็เลยไม่รู้จักความยากลำบากของชีวิต ไม่รู้จักจิตใจที่ชั่วร้ายของมนุษย์ เธอถึงได้รักษาดวงตาอันใสซื่อบริสุทธิ์แบบนั้นไว้ได้
เขาพูดอย่างสุภาพ“ขอบคุณนะ แต่ไม่จำเป็นหรอก”
“แต่ว่านายอยากได้มากไม่ใช่หรอ?”หลินลุ่ยซีกะพริบตาปริบๆ
“ถ้าผมอยากได้ ผมจะซื้อมันเองครับ”พูดจบเด็กชายก็จูงมือแม่ของเขา“แม่ครับพวกเราไปกันเถอะ”
คุณแม่ของเด็กชายจ่ายเงินเสร็จก็พาลูกเดินออกไป
หลินลุ่ยซีทำอะไรไม่ถูก เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิมได้แต่มองแผ่นหลังของเด็กชายที่เดินจากไป
นี่เธอทำอะไรผิดไปรึเปล่า?
เธอผิดหรอ?
เนื่องจากหลินลุ่ยซีถูกปฏิเสธ เธอจึงเริ่มสงสัยว่าตัวเองทำอะไรผิดไป
เธอถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในใจ
จงจิ่งห้าวอุ้มลูกสาวขึ้นมาแล้วลูบผมเธอ จากนั้นก็พูดปลอบออกไป“เสียใจหรอเสี่ยวลุ่ย?”
หลินลุ่ยซีพยักหน้า“หนูเห็นว่าเขาอยากได้มากก็เลยจะเอาให้เขา แล้วทำไมเขาถึงไม่เอาล่ะคะ”
จงจิ่งห้าวมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาหรี่ตามองแม่ลูกที่ยืนอยู่หน้ารถบัสคู่นั้น เขาดูออกว่าเด็กผู้ชายคนนั้นหยิ่งทรนงในตัวเองมาก ในอนาคตจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถมากแน่ๆ
“เสี่ยวลุ่ย การมีน้ำใจต่อกันบนโลกนี้อาจจะไม่ได้การมีน้ำใจตอบแทนกลับมา และไม่ใช่ว่าการที่เราใจดีมันจะถูกยอมรับไปทุกครั้งหรอกนะ ”เขารู้ว่าลูกสาวของเขาเป็นเด็กใจดี เธอรู้สึกเห็นใจที่เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
บางทีในสายตาของเด็กผู้ชายคนนั้นอาจจะคิดว่าความใจดีของเธอคือความสงสารเขา
เพราะงั้นเขาจึงไม่ยอมรับความสงสารจากเธอ
จงจิ่งห้าวลูบหน้าผากลูกสาวเบาๆ“หม่ามี๊ของหนูดูแลหนูมาดีมากๆเลย”