จงจิ่งห้าวรีบเหยียบเบรกกะทันหัน ทำให้ไม่ได้ชนคนที่จู่ๆก็พุ่งมา
เหอรุ่ยเจ๋อยืนอยู่บริเวณหัวรถ สายตาจับจ้องไปที่หลินซินเหยียนอย่างไม่กะพริบ ที่แท้เธอก็คืนดีกับจงจิ่งห้าวแล้วนี่เอง
แม้ว่าเขาจะสามารถเปิดเผยความจริงที่ถูกปิดบังในตอนนั้น แต่ก็ไม่สามารถขวางไม่ให้เธอกับจงจิ่งห้าวอยู่ด้วยกันได้
ท่าทีของเขาราบเรียบ“ผมขอคุยกับคุณหน่อย”
จู่ๆเขาปรากฏตัวขึ้นมาโดยที่หลินซินเหยียนยังไม่ได้เตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย
เรื่องราวผ่านมากระทั่งตอนนี้ หลินซินเหยียนหลบหลีกเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่คิดถึงมัน และไม่ถามถึงมัน
การปรากฏตัวขึ้นของเขา กำลังจะบอกเธอว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นความจริง พี่ชายคนนั้นที่อยู่ในใจของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว
เปลี่ยนไปจนแม้แต่เธอก็ไม่รู้จัก
แม้กระทั่งรู้สึกหวาดกลัว
“ถอยไป”แววตาของจงจิ่งห้าวหม่นหมอง น้ำเสียงเย็นชา ท่าทีมุทะลุราวกับสามารถทำให้กระจกแตกออกเป็นชิ้นๆได้
เหอรุ่ยเจ๋อยังไม่ยอมถอย สายตาก็ยังคงจ้องมองไปที่หลินซินเหยียน“เหยียนเหยียน พวกเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว?ผมยอมรับว่าครั้งนี้ผมทำผิดจริงๆ ผมทำผิดต่อคุณจริงๆ แต่ว่าลองคิดดูนะว่าก่อนหน้านี้ผมก็ดีกับคุณมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนที่ผมรู้จักคุณ คุณยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่อายุสิบกว่า เพื่อน้องชาย เพื่อแม่แล้วคุณอดทนต่อสู้ รู้ประสาทำให้คนอดเอ็นดูไม่ได้ คุณยังจำได้ไหม?”
สองมือของหลินซินเหยียนประสานกันแน่น พยายามถอนหายใจ ไม่ขยับเขยื้อน สำหรับเรื่องของเมื่อก่อนมีเพียงบาดแผลและความเจ็บปวด เธอไม่สามารถสมานบาดแผลเรื่องการตายของน้องชายเธอได้
“ต่อมาคุณกลับประเทศมาแต่งงาน รู้ไหมว่าทำไมผมถึงกลับมาด้วย?เพราะคุณไง”เขายิ้มอย่างขมขื่น“ต่อมาคุณหย่าร้าง ประสบอุบัติเหตุ ผมเป็นคนพาคุณจากมาเอง คุณยังจำช่วงเวลาที่มืดมนนั้นได้ไหม?เพื่อที่จะปกป้องเด็กสองคนนั้น ช่วงเวลาที่ผ่านความทุกข์ใครเป็นคนอยู่ข้างๆคุณ ช่วยดูแลแม่ของคุณ ดูแลคุณ?”
เขาบรรยายถึงเรื่องต่างๆนานาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอ เขาเคยทุ่มเทความจริงใจ ชอบเธอจากใจจริง
รักแต่ไม่อาจครอบครอง สุดท้ายก็เหลือแต่ความเกลียดชัง
“สำหรับคุณ ฉันเหลือเพียงความเกลียดชัง ไม่มีความรักใคร่ต่อกัน?”
“เลิกพูดได้แล้ว”หลินซินเหยียนหลับตาลง คำพูดของเหอรุ่ยเจ๋อ เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
เขาเคยทำร้ายเธอ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาก็เคยดีกับเธอ
เธอไม่สามารถควบคุมอาการสั่นของร่างกายเธอได้“คุณอยากจะพูดอะไร ก็พูดมาตรงๆเลย”
เธอเดินมาขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางถอยกลับไปเป็นเหมือนในอดีตอีกแน่
การที่เขาพูดสิ่งเหล่านี้ ก็เพียงเพื่อต้องการได้คนรักกลับคืนเท่านั้น
ความปรารถนาดีที่เขาเคยมีต่อเธอ เธอรับรู้
เหอรุ่ยเจ๋อยิ้ม เขารู้ว่าขอเพียงหลินซินเหยียนยอมรับข้อเสนอของเขา เรื่องทั้งหมดระหว่างพวกเขาก็จะมลายหายไป
แต่เขาไม่มีทางออกและไม่มีทางให้ถอยด้วย
“ปล่อยตระกูลเหอไป”
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว ไม่รู้จะเริ่มถามจากจุดไหน?
“คุณหมายความว่ายังไงคะ?”หลินซินเหยียนรู้สึกสงสัย
เหอรุ่ยเจ๋อมองไปยังจงจิ่งห้าว พลางยิ้มอย่างเย็นชา“คุณไม่รู้ แต่เขารู้”
จงจิ่งห้าวครุ่นคิดถึงคำพูดของเหอรุ่ยเจ๋อ แม้ว่าเขากับหลินซินเหยียนจะมีวาสนาต่อกัน แต่ว่าเรื่องในอดีตของเธอเขาก็แค่เคยได้ยินมา ไม่เคยเห็นกับตา
เขาพยายามหลบหลีกเรื่องในอดีตของเธอมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเธอเคยผ่านอะไรมา และเคยเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ชายคนไหน
แต่วินาทีนี้ เขากลับอยากรู้ขึ้นมาด้วยความหุนหันพลันแล่น
เขาถอยไปข้างหลังพลางเงยหน้าขึ้น แขนวางไว้ที่หน้าต่างรถอย่างเป็นธรรมชาติ และรู้สึกไม่สบอารมณ์กับพฤติกรรมของเหอรุ่ยเจ๋อสักเท่าไหร่“ทำไม กล้าทำไม่กล้ารับเหรอ ตอนนี้ก็เลยใช้วีธีนี้เพื่อเอาชีวิตรอด?”
“ผมเต็มใจที่จะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น ขอเพียงปล่อยหลินหลิน ปล่อยตระกูลเหอไป เพราะถึงยังไงหลินหลินก็เคยมีสัมพันธ์ที่ดีกับคุณ คุณทำกับเธอแบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ?”
สองมือที่อยู่ข้างลำตัวของเหอรุ่ยเจ๋อกำหมัดแน่น
จากการรับรู้ของเขา จงจิ่งห้าวก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก ผู้หญิงที่เคยอยู่กับเขาเมื่อไม่ต้องการแล้วเขาก็ไม่เคยใจอ่อน
หลินซินเหยียนฟังแล้วก็รู้สึกงุนงง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?
จงจิ่งห้าวยิ้มอย่างเย็นชา และยังไม่ได้ตอบกลับคำพูดของเหอรุ่ยเจ๋อ
ใจของคนยากแท้หยั่งถึง เธอทำลายความรู้สึกที่เขามีต่อเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ครั้งนี้เธอได้เหยียบขีดความอดทนของเขาแล้ว
เรื่องบางเรื่องสามารถอดทนได้ แต่บางเรื่องก็ไม่สามารถทำได้!
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เหอรุ่ยเจ๋อให้เธอดูพาดหัวข่าวของเมืองB
หลินซินเหยียนต้องการไขข้อสงสัย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูข่าวสองสามวันที่ผ่านมานี้ ล้วนเป็นข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องที่หลินซีเฉินถูกลักพาตัว
หัวหอกล้วนชี้ไปที่ตระกูลเหอ ต่างบอกว่าพวกเขาอาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคนอื่นไปทั่ว
ไม่นานหลินซินเหยียนก็เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด
วันนั้นหลินซีเฉินบอกว่า จงจิ่งห้าวจงใจให้พวกเขาจับตัวเขาไป
ที่แท้ก็เป็นการจัดฉาก
ตอนนี้ตระกูลเหอเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้นเหอรุ่ยเจ๋อมาหาเธอก็เพราะต้องการให้เธอช่วยขอร้องจงจิ่งห้าวให้ปล่อยตระกูลเหอไป
พูดตามตรง เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจงจิ่งห้าวจะทำแบบนี้
ในใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย
“เหยียนเหยียน…”
หลินซินเหยียนผลักประตูรถเตรียมที่จะลงมา จงจิ่งห้าวคว้ามือของเธอไว้ ราวกับไม่เห็นด้วยที่เธอลงจากรถ หลินซินเหยียนยิ้มให้กับเขา“ฉันจะขอพูดกับเขาสักสองสามประโยค”
จงจิ่งห้าวมองไปที่เธอสองวินาที แล้วค่อยๆปล่อยมือเธอ
หลินซินเหยียนผลักประตูรถลงมา เดินมายังด้านหน้าของเธอ มองไปยังใบหน้าที่เธอคุ้นเคย แต่กลับรู้สึกแปลกหน้า รู้จักเขามาตั้งนานแล้ว แต่เธอกลับเหมือนไม่รู้จักเขาเลย
“เป็นเพราะคุณเปลี่ยนไป หรือเป็นเพราะฉันไม่เคยรู้จักคุณจริงๆกันแน่?”ไม่นาน ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ“คุณคงคิดว่าฉันไม่มีหัวใจ รู้จักฉันมาตั้งนาน และดูแลฉันมาตั้งมากมาย แต่ว่าฉันกลับไม่ยอมรับคุณ…ที่จริงแล้ว ฉันเคยคิดที่จะคืนดีกับคุณ แต่ว่าคุณไม่รู้หรอกว่า พ่อแม่ของคุณเคยมาหาฉัน พวกท่านทั้งสองคิดว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน ไม่อยากให้ฉันกับคุณอยู่ด้วยกัน น้องสาวของคุณทำกับฉันไว้มาก ถึงแม้ว่าฉันจะรับปากคุณ ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็คงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”
ดวงตาของเธอพร่ามัวเหมือนดั่งมีหมอกบางๆหลายชั้นปกคลุมอยู่ เพราะรู้สึกผิดหวังในตัวเขา“ที่ฉันพูดเรื่องนี้กับคุณ ไม่ได้ต้องการอธิบาย เพียงแต่ไม่ต้องการให้คุณเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนไร้หัวใจ ต่อไปเจอกันก็คงเป็นแค่คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ฉันก็ต้องการให้ระหว่างเรายังมีความรู้สึกดีๆเหลืออยู่บ้าง เพราะถึงยังไงเราก็เคยมีกันและกัน”
เหอรุ่ยเจ๋อขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกลนลาน แม่ของเขาเคยไปหาเธอ?
“ดังนั้นไม่ใช่ว่าคุณไม่ชอบผม เพียงแต่ถูกกีดกันจากแม่และน้องสาวของผม…”
“ไม่ใช่ค่ะ”หลินซินเหยียนขัดจังหวะการพูดของเขา“ฉันไม่ได้ชอบคุณ แต่หากไม่มีพวกเขา ฉันจะลองคบหากับคุณดู เพื่อตอบแทนที่คุณดีกับฉันมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ชอบและยิ่งไม่ได้รักด้วย”
เธอไม่ได้ชอบเขา เรื่องนี้ค่อนข้างชัดเจน
ความหวังมลายหายไป เหอรุ่ยเจ๋อเศร้าสลด
“ฉันรับปากคุณ”หลินซินเหยียนตัดสินใจ
เมื่อพูดจบเธอก็หันตัวเตรียมจากไป
“รอก่อน…”เหอรุ่ยเจ๋อเรียกเธอ“คุณยังจำได้ไหม…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”หลินซินเหยียนขัดจังหว่ะการพูดของเขา เพราะว่าเขาต้องการที่จะพูดเรื่องในอดีตอีก
เธอไม่อยากฟังแล้ว ทุกอย่างได้จบลงแล้วก็ควรต่างคนต่างไป
เดิมทีเหอรุ่ยเจ๋ออยากจะบอกความจริงกับเธอ และเมื่อถูกขวางเขาก็สงบลง สายตาจ้องมองไปยังจงจิ่งห้าว เม้มริมฝีปาก ราวกับกำลังหัวเราะเยาะอย่างเย้ยหยัน
“จงจิ่งห้าวคุณก็ไม่ได้มีจุดจบดีไปกว่าผมสักเท่าไหร่”เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่รู้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆเลยใช่ไหม?
จงจิ่งห้าวขี้เกียจที่จะใส่ใจ จึงออกรถ
ก่อนที่รถจะถูกขับมา เหอรุ่ยเจ๋อเอียงลำตัว ขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านเขา เขาพูดขึ้นว่า “อย่าทุ่มเทความจริงใจอย่างโง่ๆ และถูกความสวยหรูที่อยู่ข้างหน้า บดบังสายตา”
หลินซินเหยียนหันไปมองเขา
เขาหมายความว่ายังไง?