ไอ้สารเลวคนนี้!
หลินซีเฉินจ้องจนตาจะทะลักออกมาอยู่แล้ว
จงจิ่งห้าวยิ้มอ่อนๆ เห็นเจ้าตัวแสบคนนี้โกรธแล้วเขามีความสุขอย่างไร้สาเหตุ
หลินซินเหยียนหลบหลีกจากการสัมผัสของเขา จากนั้นได้อุ้มหลินซีเฉินขึ้นรถจากไป
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าแววตาเธอค่อนข้างตื่นตกใจ หลินซีเฉินมองไปที่ข้างนอกแว๊บนึง และทำหน้าผีใส่ไอ้สารเลวที่น่ารังเกียจคนนี้ทีนึง
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว เจ้าตัวแสบคนนี้
เฉินห้าวเดินมาและมองรถที่ขับไปไกลเหมือนกัน“เราจะกลับเลยมั้ยครับ?”
จงจิ่งห้าวถอดเสื้อสูทบนตัวแล้วโยนไปให้เฉินห้าว จากนั้นได้เดินไปที่รถ
เฉินห้าวถือเสื้อสูทไว้ แบะปากแต่กลับไม่กล้าบ่นอะไร จากนั้นก็รีบตามเขาไป
จงจิ่งห้าวนั่งอยู่ในรถ นวดระหว่างคิ้ว นาทีที่หวนนึกถึงการปรากฏตัวของหลินซินเหยียนแล้วยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้
เฉินห้าวที่ขับรถอยู่มองเขาจากกระจกมองหลัง ความสอดรู้สอดเห็นได้ลุกไหม้อยู่ในใจ
ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?
ถึงขั้นสามารถทำให้จงจิ่งห้าวยิ้มอย่างเคลิบเคลิ้มขนาดนี้?
แม่ง หาดูได้ยากจริงๆ หาดูได้โคตรยากเลยว่ะ
“ประธานจงชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอครับ?”เฉินห้าวแปลกใจจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาก็สวยอยู่ แต่ลูกของคนอื่นก็โตขนาดนั้นแล้ว ยังไปแต๊ะอั๋งคนอื่นอีก
หรือว่าเขาจะชอบหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว?
หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วมีเสน่ห์ของความเป็นผู้หญิงก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องหาคนที่มีลูกมีเต้าแล้วมั้ง?
ถ้าหากคนอื่นมีสามีล่ะ?
เขาจะไปเป็นผัวน้อย เป็นชู้ของผู้หญิงคนนั้น?
เฉินห้าวยิ่งคิดยิ่งขำ
เหตุการณ์อย่างนั้นแค่คิดก็น่าตื่นเต้นมากแล้ว
จงจิ่งห้าวค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงของเขาฟังไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธ“แบบไหน?”
“ก็คือชอบผู้หญิงที่เคยมี——”
ไม่ใช่สิ เฉินห้าวหยุดได้ทันท่วงที แล้วยิ้มอย่างรู้สึกผิด“ผู้หญิงที่เคยมีลูกสิถึงมีเสน่ห์ ดูหน้าตาของลูกเธอก็รู้แล้วว่าเธอไม่เคยทำศัลยกรรมมาก่อนแน่นอน”
ได้ยินคำว่ามีลูก
จงจิ่งห้าวหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เขาดึงคอเสื้อ“นายไม่พูดจานี่จะตายรึไง!”
เฉินห้าวรีบปิดปากเงียบ มองผู้ชายที่ผีเข้าผีออกคนนี้ผ่านกระจกมองหลังเป็นพักๆ
ก่อนหน้านี้ยังมีความสุขอยู่เลย ว่าจะโกรธก็โกรธขึ้นมาซะงั้น
ยังจะสามารถพูดคุยกันอย่างมีความสุขมั้ยเนี่ย?
เฉินห้าวได้จัดเตรียมโรงแรมเสร็จ
จงจิ่งห้าวพักอยู่ที่นี่คืนนึง พลิกตัวไปมาก็มีแต่ร่างเงาของผู้หญิงคนนั้น
เขานอนไม่หลับ
เธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เมื่อก่อนความรู้สึกที่เธอมีให้กับคนคือเป็นผู้หญิงใสๆ แต่ตอนนี้——เธอมีความมั่นใจ กิริยาท่าทาง โดยเฉพาะตอนที่พูดถึงวิชาชีพของตนเอง หน้าตาที่พูดจาฉะฉานมีหลักมีฐานนั้นช่างน่าหลงใหล
เพียงแต่——
หลายปีมานี้เธออยู่ที่นี่ ข้างกายยังมีชายอื่นหรือเปล่า?
พอคิดๆแล้วเขาได้หยิบมือถือโทรหากวนจิ้ง ถือโอกาสให้เขาตรวจสอบชีวิตความเป็นอยู่ของหลินซินเหยียนในหลายปีนี้ ข้างกายมีผู้ชายคนไหนหรือเปล่า
สายเรียกเข้าที่โทรเข้ามาติดๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับหลินซินเหยียนทั้งนั้น
เขาคือ มีใจให้แล้วเหรอ?
กวนจิ้งแอบคิดอยู่ในใจ
เขาเคยเอาใจใส่ผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้?
ถึงไป๋จวู่เวยในตอนนั้น หรือเหอรุ่ยหลินในตอนนี้ เขาก็ไม่เคยแคร์ขนาดนี้มาก่อนเลย
หลายปีมานี้นิสัยของเขายิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา จู่ๆเปลี่ยนมาเร่าร้อน ล้วนเพราะผู้หญิงที่หายตัวไปนานคนนี้ ถ้าบอกว่าไม่มีใจนี่โกหกแน่นอน
แต่กวนจิ้งไม่เข้าใจ ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสกับเขา แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ยาวนานเลย เกิดความรักได้ยังไง?
เขาคิดไม่ตก และไม่มีคนไขความสงสัยให้เขาด้วย
จงจิ่งห้าวเพิ่งวางสายทิ้ง ก็มีสายเรียกเข้าจากท่านปู่จงอีก
จงจิ่งห้าวไม่ต้องรับสายก็รู้ว่าเขาโทรมาทำไม
คลื่นในแววตาเขาระยิบระยับ จากนั้นได้ค่อยๆหลุบตาลงปกปิดความคิดไว้ ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนตอนที่คิดถึงหลินซินเหยียนอีก สิ่งที่มาแทนที่คือความเย็นชา เขากดปุ่มรับสาย
“แกกับหลินหลินนี่มันยังไงกันแน่ เธอบอกว่าแกจะถอนหมั้น……”
“เดี๋ยวรอผมกลับไปค่อยคุยกัน”จงจิ่งห้าวจ้องนอกหน้าต่างด้วยสายตาหนักหน่วง นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมเขาไม่อยู่ที่นี่ ให้กวนจิ้งมาตรวจสอบหลินซินเหยียน
งานหมั้นนี้ไม่ใช่แค่เขาแต่งเมียธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นงานแต่งเชื่อมสายสัมพันธ์ของตระกูลเหอกับตระกูลจง
ข่าวของงานหมั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขาจะถอนหมั้น ทางตระกูลเหอกับที่บ้านล้วนต้องการคำชี้แจงของเขา
เพราะฉะนั้น วันถัดมาเขาก็ได้กลับประเทศเลย
กวนจิ้งไปตรวจสอบหลินซินเหยียนที่ประเทศA คนขับเป็นคนมารับเขา เดินทางมาหลายชั่วโมง ไม่ได้ทำให้เขาดูเหนื่อยล้าเลย แต่ได้ให้คนขับไปที่บ้านตระกูลจง
วิวทิวทัศน์ถอยหลัง ไม่นานรถก็ได้จอดลงที่หน้าคฤหาสน์หลังนึง
เรียบหรูดูมีสไตล์ รั้วบ้านที่สูงโปร่งกับประตูหน้าบ้านที่สวยงามทันสมัย ซุ้มหน้าต่าง อิฐหินของมุมเลี้ยว ดูหรูหราอลังการ
คนขับจอดรถสนิทแล้วเดินไปเปิดประตูรถ จงจิ่งห้าวโน้มตัวลงมาจากรถอย่างใจเย็น ยืนอยู่หน้าประตู แหงนหน้ามองดูด้วยสีหน้าเรียบเฉยอยู่ครู่นึง จากนั้นได้ก้าวฝีเท้าหนักแน่นเข้าไป
เดินผ่านพื้นดินที่ปูด้วยหินอ่อนที่กว้างขวาง แล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“คุณชายครับ”พ่อบ้านลุงเฟิ๋งเดินมาต้อนรับ“ท่านปู่ รอคุณชายอยู่ที่ด้านในครับ”
จงจิ่งห้าวพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อบอกว่าตนเองรู้แล้ว
ห้องโถงที่กว้างใหญ่ไพศาลมีรสนิยม ด้านขวาเป็นสไตล์การตกแต่งที่มีความย้อนยุคมาก สีค่อนข้างเข้ม ทำให้ห้องโถงยิ่งดูหนักแน่นมากยิ่งขึ้น คนที่พิงอยู่บนโซฟาไม้มะฮอกกานีก็คือท่านปู่จง พ่อของจงจิ่งห้าว
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆคนนั้น เขาไม่อยากมองแม้แต่หางตา
เขาถอดเสื้อคลุมแล้วยื่นให้กับคนรับใช้ในบ้าน แล้วเดินไปที่โซฟากับนั่งลงที่ข้างกายของท่านปู่จง
“แกนี่มันยังไงกันแน่?”จงฉีเฟิงนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา ใบหน้าที่บ่งบอกถึงการอาบน้ำร้อนมาก่อน เผยให้เห็นความเงียบสงบและความสุขุมที่กาลเวลามอบให้ เสียงทรงพลังและมีบารมี และปะปนด้วยความจนปัญญากับความเศร้าโศก
“ผมจะจัดการเอง”ไม่มีอารมณ์ที่มากกว่า แค่ตอบอย่างราบเรียบ
จงฉีเฟิงรู้ดีแก่ใจว่าเพราะอะไรจงจิ่งห้าวถึงได้เย็นชาขนาดนี้ ยังคงเพราะแม่ของเขา เรื่องของสมัยนั้น——
ปกติเขาไม่กลับมา อะไรก็ทำตามใจชอบ
แต่งานแต่งเชื่อมสายพันธ์ของครั้งนี้เกี่ยวพันถึงความก้าวหน้าของตระกูลจงในวันข้างหน้า
อยู่เมืองB ตระกูลจงเป็นตระกูลที่รวยพุ่งพรวด ทำธุรกิจได้ใหญ่โต แต่ขาดรากฐาน
ตระกูลเหอไม่เหมือนกัน มีชื่อเสียงมาเรียงนามมานับร้อยปี ถึงธุรกิจของตอนนี้ทำได้ไม่โดดเด่น แต่ยังมีชื่อเสียงอยู่
งานแต่งเชื่อมสายสัมพันธ์กับตระกูลอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
“เรื่องอื่นฉันปล่อยให้แกทำตามใจชอบได้ แต่งานหมั้นนี้ จะยกเลิกไม่ได้เด็ดขาด!”ท่าทีของจงฉีเฟิงก็แข็งกร้าวขึ้นมา
จงจิ่งห้าวไม่รู้หนาวรู้ร้อน พร้อมพูดราบเรียบ“งานแต่งของผม ก็มีแค่ผมเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้”
“แก——”จงฉีเฟิงหายใจติดขัด ทรวงอกขึ้นๆลงๆอย่างรวดเร็ว
ยู่ซิ่วที่นั่งอยู่ข้างกายรีบลูบหลังให้เขา“ค่อยๆคุยกันค่ะ อย่าโมโห”
“จะไม่ให้โมโหได้ยังไง?”จงฉีเฟิงหน้าบึ้ง
“จิ่งห้าว ครั้งนี้ลูกก็ฟังพ่อเถอะนะ——”ยู่ซิ่วพยายามพูดเกลี้ยกล่อม
เสียงของจงจิ่งห้าวยิ่งเย็นชาขึ้นไปอีก เขาหัวเราะเยาะแล้วพูด“คุณใช้ฐานะอะไรมาคุยกับผม?”
สีหน้าของยู่ซิ่วดูแย่
“ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นผู้ใหญ่กว่า แกพูดจาแบบนี้กับผู้ใหญ่ได้ยังไง?”จงฉีเฟิงตบราวจับโซฟาแล้วลุกขึ้น
ยู่ซิ่วลุกขึ้นมาประคองเขา“อย่าโกรธเลยนะคะ ฉันสามารถเข้าใจอารมณ์ของจิ่งห้าวได้ค่ะ”
จงฉีเฟิงถอนหายใจพร้อมกุมมือของยู่ซิ่วไว้“หลายปีมานี้ลำบากคุณแล้ว”
จงจิ่งห้าวลุกขึ้น เขาไม่อยากเห็นพ่อหวานแหววกับผู้หญิง
เขาหยิบเสื้อสูทมาจากมือของคนรับใช้ และหันหลังให้กับจงฉีเฟิง“ทางตระกูลเหอผมจะจัดการเอง”
พูดจบก็ได้เดินจากไป
จงฉีเฟิงชี้เขาไว้“เขา ทำไมเขายังเอาแต่ใจขนาดนี้อีก? เขายังเด็กอยู่เหรอ? ทำไมถึงไม่รู้จักหนักเบาเลย? !”
ยู่ซิ่วถอนหายใจเบาๆ“คงจะเพราะไม่ชอบคุณหนูตระกูลเหอคนนั้นมั้งคะ”
“ไม่หรอก”จงฉีเฟิงไม่คิดแบบนี้“ก่อนหน้านี้เขายังรับปากเลย”
ยู่ซิ่วคิดๆแล้วก็ใช่ ก่อนหน้านี้ก็รับปากไปแล้ว นี่ก็ใกล้จะหมั้นแล้ว กลับเปลี่ยนใจซะงั้น