ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ – เล่มที่ 4 บทที่ 95 แม่ว่าที่พี่สะใภ้ไม่ไว้หน้า

เกรงว่าเยว่ซื่อหลินหมดหนทางแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาจึงตามหมอมาที่นี่

    หลินเมิ้งหยาเดินตามหลังเขา เข้าไปยังส่วนในของจวนเยว่

    นางเคยมาที่นี่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

    แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป สิ่งต่างๆ เองก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน

    “พี่หลิน ท่านมีวิธีเอาชนะแม่ข้าจริงหรือ?”

    เยว่ฉีกุมมือหลินเมิ้งหยาเพื่อนำทาง นางถูกพี่สาวเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นความรู้สึกที่มีให้หลินเมิ้งหยาจึงมิต่างกัน

    ยิ่งไปกว่านั้น แม้คุณชายใหญ่แห่งสกุลหลินจะไปรักษาการณ์อยู่แถบชายแดน แต่เขามักจะส่งของเล่นแปลกใหม่มาให้นางและพี่สาวเสมอ

    ดังนั้นนางจึงรู้สึกดีกับว่าที่พี่เขยคนนี้มาก

    “ข้าเองก็มิกล้ารับปาก เอาเป็นว่าค่อยแก้ปัญหาไปทีละเปลาะแล้วกัน”

    แม้หลินเมิ้งหยาจะเอ่ยเช่นนี้ แต่นางหาใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ

    นางจะรั้งว่าที่พี่สะใภ้คนนี้เอาไว้ให้ได้

    “ที่นี่แหละเจ้าค่ะ ท่านแม่ขังท่านพี่เอาไว้ที่นี่ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไป”

    นางย่นจมูก เห็นได้ชัดว่าเยว่ฉีทำใจมองประตูบานนั้นได้ยากยิ่ง

    หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ก่อนจะขยับขึ้นมายืนด้านหน้าแล้วเคาะประตู

    “ใคร! ฮูหยินบอกแล้วว่าไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเข้ามา พวกเจ้าไม่รู้เรื่องหรือไร?”

    เสียงก่นด่าดังขึ้นจากภายใน แม้เยว่ซื่อหลินจะอารมณ์ดี แต่เขาก็มิอาจทานทนต่อความก้าวร้าวเช่นนี้ได้

    หลังจากส่งสายตาเชิงขอโทษให้แก่หลินเมิ้งหยา สีหน้าพลันเคร่งขรึม น้ำเสียงเย็นชา

    “คำสั่งของฮูหยินหาใช่คำตัดสินที่เด็ดขาดของจวนแห่งนี้ไม่ ข้ามิมีวันยอมปล่อยให้สาวใช้เช่นเจ้าออกคำสั่งภายในจวนแห่งนี้!”

    ทันทีที่ได้ยินเสียงของเยว่ซื่อหลิน คนที่อยู่ภายในไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก

    รีบเปิดประตู แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นคนกลุ่มหนึ่ง

    โดยเฉพาะหญิงสาวสวมใส่ชุดชาววังที่คุณหนูรองกำลังกุมมืออยู่

    คุณหนูของจวนถือเป็นหญิงสาวหน้าตาดี แต่พวกนางกลับงดงามได้ไม่เท่าหญิงสาวผู้นี้

    นาง…เสมือนนางฟ้านางสวรรค์ก็มิปาน

    “ข้าคือชายาอวี้ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้า ไปแจ้งนางให้ออกมาหน่อยเถิด”

    น้ำเสียงของนางฟ้าช่างอ่อนโยน แต่ถึงกระนั้นก็เจือไว้ซึ่งคำสั่ง

    ผอจื่อผู้นั้นไม่เคยเห็นคนน่าเกรงขามเช่นนี้ รีบหมุนตัวแล้ววิ่งเข้าไป

    “เร็วเข้า ปล่อยคุณหนูใหญ่ออกมา พระชายาเสด็จมาหาคุณหนูของพวกเราด้วยตัวเอง”

    ชายาอวี้ เพียงได้ฟังคำนี้พลันรู้สึกว่าการได้เป็นเครือญาติของเหล่าเชื้อพระวงศ์ช่างสง่างามจริงเชียว

    ยังไม่ทันที่ผอจื่อจะเปิดประตู เสียงเย็นชาจากภายในพลันดังออกมา

    “ข้าก็คิดว่าใครหน้าไหนมาที่นี่ ที่แท้ก็เป็นชายาอวี้ที่ออกหน้าแทนเมื่อวาน! ข้าเพียงแค่ดูแลลูกสาวของข้า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับท่าน?”

    น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ

    หลินเมิ้งหยาหันหน้าไป ได้เห็นฮูหยินสวมใส่ชุดหรูหราสง่างามที่กำลังถูกผอจื่อพยุงเดินขึ้นมาข้างหน้า

    ท่านนี้คงเป็นฮูหยินเยว่สินะ

    หลินเมิ้งหยาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเยว่ซื่อหลินจึงหวั่นเกรงฮูหยินของตนเองนัก

    ดวงตาเรียวสวยเปี่ยมไปด้วยพลัง ใบหน้ารูปไข่มีเสน่ห์ แต่กลับเผยให้เห็นความเจ้าอารมณ์

    เพียงได้เห็นก็รู้แล้วว่านางหาใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆ

    น่าแปลกจริงเชียว ทั้งที่ความงามของเยว่ถิงได้รับมาจากมารดาของตนเอง

    แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อใบหน้างดงามเช่นนี้อยู่บนร่างของพี่เยว่ถิง กลับอ่อนโยนอ่อนหวานยิ่งนัก

    หากมิใช่เพราะใบหน้านี้ ต่อให้ตีนางจนตาย นางก็ไม่มีทางเชื่อว่าฮูหยินที่กำลังเอื้อนเอ่ยวาจาราวกับมะนาวไม่มีน้ำผู้นี้คือแม่แท้ๆ ของพี่เยว่ถิง

    “ท่านป้าเอ่ยเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่มาเยี่ยมพี่เยว่ถิงเท่านั้น ตกลงพี่เยว่ถิงทำความผิดใหญ่หลวงอันใดอย่างนั้นหรือ เหตุใดเพียงพบหน้าก็มิสามารถทำได้?”

    หลินเมิ้งหยายังคงรักษามารยาท ทว่าคิ้วของฮูหยินเยว่กลับขมวดเข้าหากันแน่น

    พ่นลมหายใจเย็นยะเยือก ฮูหยินเยว่กลับไม่คิดไว้หน้าหลินเมิ้งหยาเลยแม้แต่น้อย

    “นางอกตัญญูถึงขนาดจัดคำสั่งของข้าผู้เป็นแม่ ดังนั้นข้าจึงขังนางเอาไว้ภายในเพื่อให้นางทบทวนความผิด”

    เมื่อได้เห็นแม่ของตนเองพูดจาเอาความชอบธรรมใส่ตนเอง เยว่ฉีทนไม่ไหวอีกต่อไป

    “ท่านแม่ ทั้งที่ท่านบีบบังคับให้พี่สาวไปแต่งงานกับองค์ชายรองของฮ่องเต้หมิงแท้ๆ แล้วท่านพี่อกตัญญูตรงไหน?”

    เสียงหวานใสทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป

    คิ้วของเยว่ซื่อหลินขมวดเข้าหากัน แต่เขากลับไม่ยับยั้งลูกสาวของตนเอง

    ใบหน้าของฮูหยินเยว่แดงก่ำ นางอยากแม้กระทั่งฆ่าลูกสาวของตนเองให้ตาย

    มีเพียงสีหน้าของหลินเมิ้งหยาที่ยังไม่เปลี่ยนไป แต่นางกลับฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปมองฮูหยินเยว่

    “ไม่ทราบว่าสิ่งที่คุณหนูรองพูดออกมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

    คำพูดของหลินเมิ้งหยาหาได้มีความเจ็บปวดหรือเจ็บใจ แต่กลับเป็นปกติดีทุกอย่าง

    ทว่า มีเพียงคนที่รู้จักนางเท่านั้นที่จะรู้ว่าท่าทีของหลินเมิ้งหยาในเวลานี้ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด

    ฮูหยินเยว่หัวใจกระตุก หาได้กลัวหลินเมิ้งหยาคนนี้ไม่

    “บางทีฮูหยินเยว่อาจลืมไปว่า คุณหนูใหญ่แห่งสกุลเยว่ได้ทำการหมั้นหมายกับพี่ชายของข้าแห่งสกุลหลินเอาไว้แล้ว”

    สีหน้าของหลินเมิ้งหยาเคร่งขรึมลงไป สายตาจับจ้องฮูหยินเยว่นิ่ง

    ทั้งที่นางอยู่ที่นี่ แต่ฮูหยินเยว่กลับวางอำนาจบาตรใหญ่ถึงเพียงนี้ ดูท่า ฮองเฮาคงจะมีส่วนช่วยไม่น้อย

    เหตุใดบนโลกใบนี้จึงมีแม่อย่างนี้อยู่ เพื่อแลกกับอำนาจของตนเอง ถึงขั้นคิดเอาลูกของตนเองไปแต่งงานกับคนที่นางไม่ชอบ

    “ถ้าใช่แล้วอย่างไร? ไม่ใช่แล้วอย่างไร? ตอนนี้หลินหนานเซิงอยู่ที่แถบชายแดน ลูกสาวของข้าอยู่ในช่วงวัยสดใส ข้าแค่ไม่อยากให้ลูกสาวของข้าเป็นหม้ายไปตลอดชีวิต”

    ฮูหยินหลินเอื้อนเอ่ยด้วยความมั่นใจ ราวกับว่านางแน่ใจแล้วว่าหลินเมิ้งหยาไม่มีทางตอบโต้กลับได้

    ทว่านางกลับยิ้ม ทว่ารอยยิ้มกลับเย็นชาจนหนาวเหน็บไปถึงสันกระดูก

    “ไม่ทราบว่าฮูหยินเยว่มีศีรษะเท่าไร จึงกล้ากระทำความผิดเช่นนี้ หรือเพราะคิดว่าฮ่องเต้ทรงประชวร จึงกล้าฝ่าฝืนพระบัญชาของฝ่าบาท?”

    บังอาจนัก ไม่เพียงแค่สีหน้าของฮูหยินเยว่เปลี่ยนไป แม้แต่สีหน้าของเยว่ซื่อหลินเองก็ไม่น่ามอง

    การขัดคำสั่งของฮ่องเต้ เท่ากับถูกตัดสินว่าเป็นกบฏ

    หากข่าวลือถูกแพร่ออกไป เกรงว่าสกุลเยว่คงตกอยู่ในอันตราย

    “ข้า…ข้ามิได้ฝ่าฝืนพระบัญชาของฝ่าบาท เจ้าอย่าได้จงใจพูดให้ผู้อื่นตื่นตระหนกเช่นนี้”

    เห็นได้ชัดว่าท่าทีของฮูหยินเยว่มิได้หยิ่งยโสเหมือนเมื่อครู่แล้ว

    แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากยังคงส่งเสียงต่อปากต่อคำกับหลินเมิ้งหยา

    “ถูกต้อง ท่านยังมิได้ทำผิดฐานฝ่าฝืนพระบัญชาของฝ่าบาท แต่ถ้าหากพี่เยว่ถิงแต่งงานกับผู้อื่นเมื่อใด เมื่อนั้นจะถือว่าทำผิดฐานกบฏทันที ฮูหยินเยว่คงยังไม่ลืมว่าพี่ชายของข้าและพี่เยว่ถิงได้รับพระราชทานการแต่งงานจากฮ่องเต้ใช่หรือไม่? ต่อให้ไท่จื่อขึ้นครองบัลลังก์แล้ว แต่พระราชโองการก็มิอาจถูกเพิกถอนได้”

    คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของฮูหยินเยว่ซีดเผือด

    อย่าว่าแต่เรื่องฝ่าฝืนพระราชโองการของฮ่องเต้อันจะส่งผลให้สกุลเยว่ต้องถูกทำลายเลย

    แต่นางประเมินหลินเมิ้งหยาที่เป็นชายาอวี้ต่ำจนเกินไป นางทำให้เรื่องราวทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด

    เกรงว่าหากทำให้นางขุ่นเคืองจริงๆ แล้วละก็ อ๋องอวี้ที่รักนางสุดขั้วหัวใจจะต้องไม่ปล่อยสกุลเยว่ไปแน่

    เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าฮองเฮาเองก็คงไม่ปกป้องพวกนางสกุลเยว่อีกต่อไป

    “ฮูหยินเยว่ ท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นแม่ของพี่เยว่ถิง สิ่งที่ท่าควรทำคือการนึกถึงความสุขของพี่เยว่ถิงก่อนตัวเอง เรื่องบางอย่าง ใช่ว่าท่านจะได้ทุกอย่างที่ท่านต้องการ”

    หลินเมิ้งหยาเอ่ยตักเตือนฮูหยินเยว่อีกครั้ง เพื่อทำให้นางรู้ว่าหลินเมิ้งหยาคนนี้จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ อย่างแน่นอน

    ฮูหยินเยว่ที่เคยหยิ่งยโสโอหังพลันสงบนิ่งลงไป

    นางไม่ได้โง่ นางได้อยู่ข้างกายสามีมานานหลายปี ดังนั้นนางจึงได้เห็นสงครามภายในวังมากมาย

    เยว่ซื่อหลินปาดเหงื่อ สายตาจับจ้องมองภรรยาของตนเอง

    หวังว่านางจะเลิกดึงดันและเลิกทำตัวเป็นศัตรูกับชายาอวี้

    “เจ้าเองก็พูดมีเหตุผล แต่ถ้าหากเยว่ถิงเป็นฝ่ายอยากไปแต่งงานด้วยตนเอง พวกเราก็คงมิอาจหักห้ามนางได้มิใช่หรือ?”

    ฮึ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาสินะ

    คราวนี้หลินเมิ้งหยาส่งสายตาอำมหิตไปยังว่าที่แม่ยายของพี่ชายตนเอง

    “หากเอ่ยเช่นนี้ เช่นนั้นได้โปรดปล่อยตัวพี่เยว่ถิงออกมาแล้วถามให้ชัดเจนเลยเถิด”

    ฮูหยินเยว่ครุ่นคิด นางมิอาจปฏิเสธได้

    สุดท้ายจึงทำได้เพียงพยักหน้าลง

    คนคุ้มกันประตูรีบปลดโซ่ตรวน ขณะเดียวกัน ร่างผอมบางของเยว่ถิงพุ่งออกมานอกห้อง

    “ท่านแม่ ลูกได้หมั้นหมายกับหนานเซิงแล้ว ลูกไม่อยากมีสามีคนที่สอง หากท่านยังบังคับข้าไปแต่งงาน ข้าขอยอมตายอยู่ตรงนี้”

    ทัศนคติของเยว่ถิงแน่วแน่มั่นคง สายตาจับจ้องใบหน้าของแม่ตนเองนิ่ง

    “เจ้า…นังลูกไม่รักดี…กล้าเอาเรื่องนี้มาขู่ข้าอย่างนั้นหรือ”

    ฮูหยินเยว่โกรธเกรี้ยว นิ้วมือเรียวยาววาดชี้มาที่หน้าของเยว่ถิง

    ทว่าอีกฝ่ายกลับปล่อยให้น้ำตานองหน้า กัดปากแน่นไม่ยอมพูดอะไร

    “ท่านลุงเยว่ ท่านดูเอาเถิด ในเมื่อพี่เยว่ถิงตัดสินใจแน่วแน่เช่นนี้แล้ว ข้าว่าคงไม่มีอะไรต้องพูดอีก แล้วท่านคิดเห็นเช่นไร?”

    ทัศนคติของเยว่ถิงเป็นคำตอบของทุกสิ่ง แม้แต่ฮูหยินหลินก็ไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมาอีก

    อย่างน้อยตอนนี้หลินเมิ้งหยาก็อยู่เหนือกว่า อีกทั้งยังมีพระราชโองการค้ำคอ ดังนั้นนางจึงต้องยอมล่าถอย

    “พระชายาพูดมีเหตุผล แต่ไหนแต่ไรมาถิงเอ๋อร์ล้วนสมัครใจภักดีกับสกุลหลิน เรื่องนี้จะไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้พ่ะย่ะค่ะ”

    เมื่อเทียบกับภรรยาขี้ประจบประแจงฮองเฮาแล้ว เยว่ซื่อหลินกลับมีความซื่อตรงมากกว่า

    เมื่อก่อนเขามักจะประนีประนอมเพื่อรักษาความสมานฉันท์ในครอบครัว

    แต่เพราะเหตุนี้ จึงทำให้ฮูหยินเยว่ยิ่งได้ใจ

    พอมาถึงวันนี้ ความหยิ่งยโสของนางกำลังจะทำให้สกุลเยว่ต้องดับสูญ

    “เรื่องในวันนี้ ข้ามิอยากทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งจะไม่มีทางแพร่งพรายออกไป ฉะนั้นท่านลุงเยว่ได้โปรดวางใจเถิด”

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมจำนน หลินเมิ้งหยาจึงไม่คิดบีบบังคับต่อไปอีก

    อันที่จริง นางพอมองออกว่าคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจของบ้านคือเยว่ซื่อหลิน

    ขอเพียงเขายืนหยัด จะไม่มีใครส่งเยว่ถิงไปแต่งงานได้อย่างแน่นอน

    “เจ้า…พวกเจ้า ฮึ! ได้ พวกเจ้าคิดว่าตนเองเป็นคนดี แล้วข้าเป็นคนชั่วอย่างนั้นสินะ พอใจแล้วใช่หรือไม่!!”

    ไม่ว่าจะสามีหรือลูกสาว ตอนนี้พวกเขาล้วนยืนอยู่ทางฝั่งของเยว่ซื่อหลิน

    ขณะเดียวกัน ความโกรธพลันพวยพุ่งออกมา

    นางถลึงตาใส่ทั้งสองเขม็งด้วยความโกรธ

    ไม่หวังว่าจะได้รับการถวายคำนับ หลินเมิ้งหยาพาสาวใช้ของตนเองออกจากบ้านสกุลเยว่

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ชีวิตแรกของ “ซูซิงเกอ” จบลงในห้องทดลองที่เธอรัก.. เมื่อตื่นมาอีกครั้ง ซูซิงเกอจึงได้ชีวิตใหม่ในร่างของ “หลินเมิ้งหยา”คุณหนูสมองพิการ ที่มีผู้ปองร้ายเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวของตนเอง! มิหนำซ้ำนางกำลังจะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับ “หลงเทียนอวี้” ท่านอ๋องแสนเย็นชา ที่ต้องแต่งงานทางการเมืองกับนาง โดยที่เขาก็ไม่ได้เต็มใจ ช่างเป็นการเกิดใหม่ ที่แสนวิเศษจริงๆ! เอาละ! จะปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้ นางหาใช่คนที่จะปล่อยให้ชะตาชีวิตเป็นไปตามลิขิตอย่างหลินเมิ้งหยาเสียเมื่อไหร่ เพราะนางคือ..วายร้ายจอมแก้แค้นซูซิงเกอ นางจะใช้ความรู้สารพัดพิษที่มี จัดการพวกมันเอง เริ่มจากยัยน้องสาวตัวดีก่อนละกัน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset