“เสี่ยวซี เธอมาแล้วเหรอ!”
ฉินซีเพิ่งพาหยางเฉินเข้ามาในคฤหาสน์ของคุณตา ญาติพี่น้องที่อยู่ในห้องต่างมองเข้ามาแล้ว
เพียงแต่ทุกคนล้วนไม่สนใจหยางเฉินกัน
“คุณตา คุณยาย คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณน้าเขย สวัสดีค่ะทุกคน!”
บนหน้าฉินซีมีรอยยิ้มที่ฝืนใจระดับหนึ่ง ถึงแม้เธออยากให้ทุกคนยอมรับหยางเฉินมากแค่ไหน แต่ก็รู้ดีว่ายังไม่ใช่เวลา
หยางเฉินตามมาอยู่ด้านข้างฉินซี ทั้งสองมือหิ้วถุงน้อยใหญ่ ทั้งหมดล้วนเป็นของขวัญที่ก่อนพวกเขาจะมา หยางเฉินขอร้องให้ฉินซีนำให้มาให้ญาติผู้ใหญ่
“คุณตาคะ นี่คือชาต้าหงเผาที่ท่านชอบมากที่สุด เป็นชาต้าหงเผาจากต้นแม่ของภูเขาอู๋อี๋ต้นตำรับ เป็นหยางเฉินหยางเฉินทุ่มราคาเยอะมาก ถึงซื้อมาได้ค่ะ”
“คุณยายคะ นี่คือเจ้าแม่กวนอิมที่ท่านเคารพที่สุด แกะสลักด้วยหยกเนไฟร์ตบริสุทธิ์ และเป็นของที่หยางเฉินใช้เส้นสายนำมาจากเหอเถียนค่ะ”
“คุณลุง นี่คือ……”
……
ฉินซีเหมือนเป็นลูกสะใภ้ที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมคนหนึ่ง นำของขวัญแต่ละชิ้นออกมา มอบให้เหล่าญาติผู้ใหญ่แล้ว
แต่ละครั้งที่มอบของขวัญให้ชิ้นหนึ่ง ต้องอธิบายว่าเป็นหยางเฉินซื้อมา
เดิมทีเหล่าญาติผู้ใหญ่เห็นฉินซีนำของขวัญมาให้ ยังดีใจกันมาก หลังจากที่รู้ว่าเป็นของที่หยางเฉินซื้อ ทุกคนล้วนทำหน้าเฉยชา
เดิมทีห้องรับแขกที่ครึกครื้นอย่างยิ่ง ไม่นานก็สงบเงียบลงมาแล้ว
หลังจากสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของเหล่าญาติผู้ใหญ่ ฉินซีกัดริมฝีปากแดงไว้แน่น ในเบ้าตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่สามารถไหลรินได้ทุกเมื่อ
มือของเธอจับหยางเฉินเอาไว้แนบแน่น
“เชอะ!”
ในเวลานี้เอง คุณตาทำเสียงฮึดฮัดขึ้นกะทันหัน นำชาต้าหงเผาจากต้นแม่ของภูเขาอู๋อี๋ที่ฉินซีเพิ่งให้มาเมื่อสักครู่นี้ ถือโอกาสทิ้งลงไปในถังขยะด้านข้างแล้ว
“เสี่ยวซี แกคิดว่าตาอายุมากจนเลอะเลือนแล้วใช่ไหม? ถึงสามารถเอาของปลอมพวกนี้มาหลอกลวงฉันได้?”
คุณตาทำหน้าเย็นชาพูดไป
ชั่วขณะนั้นฉินซีสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ “คุณตาคะ หนูกล้าหลอกลวงคุณตาได้อย่างไรกันคะ?”
“แกรู้รึเปล่าอะไรเรียกว่าชาต้าหงเผาจากต้นแม่?”
คุณตาทำเสียงฮึดฮัดบอกว่า “ต้นแม่ของชาต้าหงเผาของภูเขาอู๋อี๋ถูกจัดให้เป็นของคุ้มครองสำคัญตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ปี2005 ก็หยุดเก็บกันไปแล้ว”
“ต่อให้ไปหาใบชาชนิดนี้มาได้ งั้นก็มีเพียงที่งานประมูลถึงมีได้ ที่หงเผาของภูเขาอู๋อี๋ครั้งที่7ปี2005 ชาต้าหงเผาจากต้นแม่ของภูเขาอู๋อี๋ถูกประมูลไปด้วยราคาสองแสนแปดพัน”
“ใบชาห่อนี้ที่แกให้ฉันมา อย่างน้อยมี200กรัมได้มั้ง? ถึงแม้จะเป็นปี2005 อย่างน้อยใบชาห่อนี้ยังต้องประมูลด้วยราคาสองล้านกว่า ยิ่งเป็นสมัยนี้ อย่างน้อยคงกว่าสิบล้านได้มั้ง?”
“แกบอกฉันว่าใบชาที่ราคาสิบล้านนี้ เป็นของที่ลูกเขยสวะคนหนึ่งซื้อมา?”
สำหรับคุณตานั้น รู้เรื่องชาต้าหงเผาของภูเขาอู๋อี๋ชัดเจนดีจริง กล่าวมาได้กระจ่างสมเหตุสมผล
เวลานี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจฉินซีเอามากๆ
ฉินซีย่อมไม่สงสัยในตัวหยางเฉิน จนกระทั่งเวลานี้ เธอถึงรู้ว่าใบชาห่อนี้คาดไม่ถึงแพงขนาดนี้
“คุณตาคะ ใบชาเป็นของจริงค่ะ!”
ชั่วขณะนั้นฉินซีร้อนใจแล้ว รีบอธิบายทันที
“ป้าบ!”
คุณตาตบบนโต๊ะกาแฟไปอย่างแรง ตะโกนว่า “แกถามคนที่อยู่ในนี้ มีใครคิดว่าใบชาห่อนั้นเป็นของจริงบ้าง ถ้ามีใครกล้าบอกว่าเป็นของจริง ฉันก็กล้ายอมรับว่ามันเป็นหลานเขยของฉัน!”
พูดคำพูดพวกนี้ออกมา ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาลง เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมาหาเรื่องซวยในเวลานี้
แน่นอนว่าต่อให้เป็นของจริง พวกเขาก็จะไม่ช่วยหยางเฉินพูด
“ใบชาห่อนั้น เป็นของจริง!”
แต่ในเวลานี้เอง มีคนกล้าบอกว่าใบชาเป็นของจริง
เวลานี้ สายตาของทุกคนต่างตกอยู่บนตัวคนนั้นที่กำลังพูด
ภายใต้ความตกใจของทุกคน ฉินต้าหย่งเดินมาถึงข้างกายของหยางเฉินด้วยหน้าตานิ่งสงบ
คนที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้ ก็คือเขา
“ผมสามารถยืนยันได้ว่าใบชาที่หยางเฉินเอามาให้คุณพ่อ เป็นชาต้าหงเผาจากต้นแม่ของภูเขาอู๋อี๋จริงๆ”
ฉินต้าหย่งยืนอยู่ด้านข้างหยางเฉิน สายตามองไปยังนายท่านตระกูลโจว พูดจาด้วยท่าทางจริงจัง
หยางเฉินเป็นคนแบบไหน เขารู้แจ่มแจ้งดี ย่อมเชื่อเป็นธรรมดา หยางเฉินคงไม่เอาใบชาของปลอมห่อหนึ่งมาให้นายท่านตระกูลโจว
นายท่านตระกูลโจวโกรธไม่เบาเลย ร่างกายกำลังสั่นเทานิดหน่อย
คนที่รู้เรื่องต่างดูออกว่าเขาไม่ยอมรับหยางเฉิน แต่กลับกัน ฉินต้าหย่งดันมาประกาศสนับสนุนหยางเฉินต่อหน้าสาธารณชน
“หนูก็แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าใบชานี้เป็นของจริง!”
ตามมาด้วยฉินยีที่ก้าวออกมาแล้ว
พอเป็นแบบนี้ ทั้งบ้านฉินซี นอกจากโจวยู่ชุ่ยแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าใบชาเป็นของจริงทั้งสิ้น
ใบหน้าแก่หง่อมของนายท่านตระกูลโจวที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นนั้น ยิ่งเพิ่มความแค้นเคืองขึ้น
คนตระกูลโจวล้วนมองทางฉินต้าหย่งด้วยท่าทางเย้ยหยัน
“ฉินต้าหย่ง คุณพูดจามั่วซั่วอะไรกัน?”
โจวยู่ชุ่ยร้อนใจขึ้นในขณะนั้น รีบลุกขึ้นมาทันที
หล่อนคิดมาโดยตลอดว่ายอดเมฆาที่หยางเฉินซื้อไปนั้น เป็นซูเฉิงอู่ให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ ถึงได้ส่งคฤหาสน์ให้ ส่วนตัวหยางเฉินเองก็แค่พวกคนจนคนหนึ่ง
เมื่อสักครู่นายท่านตระกูลโจวก็บอกแล้ว ถ้าใบชาที่หยางเฉินให้เป็นของจริง น้อยนิดแค่นั้นยังราคาสิบล้าน ตีให้ตายหล่อนก็ไม่เชื่อเช่นกัน
ฉินต้าหย่งไม่มองโจวยู่ชุ่ยสักนิดเดียว ถ้าไม่ใช่เห็นแกว่าเป็นสามีภรรยากับโจวยู่ชุ่ย เดิมทีเขาคงจะไม่มาเด็ดขาด
“ฉินต้าหย่ง นายเป็นครอบครัวเดียวกับเขา ต้องพูดแทนเขาอยู่แล้ว นายรีบหุบปากไปดีกว่า!”
“จริงด้วย นายยังคิดว่าตัวเองเป็นคนตระกูลฉินแบบเมื่อก่อนนั้นล่ะสิ?”
“ฉันได้ยินมาว่าตระกูลฉินใกล้จะล้มละลายแล้ว”
“ต่อให้ไม่ล้มละลาย พวกเขาทั้งครอบครัวก็โดนไล่ออกมาจากตระกูลฉินตั้งนานแล้วแหละ”
……
ไม่นาน คนตระกูลโจวต่างพุ่งเป้าเสียดสีฉินต้าหย่งกันหมด
“หุบปากให้หมดเดี๋ยวนี้เลย!”
ขณะนั้นเอง ในที่สุดฉินต้าหย่งระเบิดความโกรธ ตะโกนออกมาทันใด
ชั่วพริบตาเดียวห้องโถงใหญ่เงียบสงบลงมา ทุกคนมองฉินต้าหย่งด้วยท่าทางตกใจ
ก่อนหน้านี้ฉินต้าหย่งเป็นคนแบบไหน พวกเขารู้ดีมาก เป็นผู้ชายที่โดนภรรยาคุมเข้ม ตัดสินใจอะไรที่บ้านไม่ได้เลย ไม่ว่าอะไรล้วนฟังโจวยู่ชุ่ยทั้งนั้น
วันนี้กลับเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อยู่ต่อหน้าคนตระกูลโจว ไม่ไว้หน้าโจวยู่ชุ่ยสักนิด คาดไม่ถึงยังกล้าตะโกนต่อหน้าของนายท่านตระกูลโจว
“ฉินต้าหย่ง คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
โจวยู่ชุ่ยรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนเองหายไปหมดเพราะฉินต้าหย่ง ชั่วขณะนั้นตวาดใส่
“นังตัวดีคนนี้ เธอหุบปากไปด้วยเลย!”
ฉินต้าหย่งยื่นมือชี้หน้าโจวยู่ชุ่ย จากนั้นตะคอกใส่
คนของตระกูลโจวยังไม่เคยเห็นฉินต้าหย่งที่มีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้มาก่อน เวลานี้ตกใจค้างกันหมด
โจวยู่ชุ่ยเองก็ตกใจยกใหญ่เหมือนกัน นึกถึงที่ช่วงนี้ฉินต้าหย่งอยากจะหย่ากับหล่อนมาโดยตลอด ถ้าเกิดหย่าร้าง หล่อนคงไม่ได้รับอะไรสักอย่าง จึงรีบหุบปากไม่พูดทันที
“พวกเธอแต่ละคนมองตัวเองสูงส่ง ดูถูกลูกเขยฉัน ดูถูกฉัน ฉันถามพวกเธอสักคำ พวกเธอมีสิทธิ์เหรอ?”
“โจวอวี้เจี๋ย ห้าปีก่อน บริษัทของเสี่ยวซีได้รับความเสียหายหนัก นั่นคือตอนที่บ้านฉันวิกฤติที่สุด นายพาลูกชายของนายไปยืมเงินที่บ้านฉัน ลับหลังฉัน โจวยู่ชุ่ยแอบเอาเงินห้าแสนของฉันไปให้นายยืม”
“ยังมีคฤหาสน์สองหลังในลานบ้านแห่งนี้อีก นั่นคือลับหลังฉัน โจวยู่ชุ่ยเอาเงินให้นายท่านมาสร้างหลังหนึ่ง ให้โจวอวี้เจี๋ยสร้างอีกหลังหนึ่ง!”
“โจวอวี้หรง สี่ปีก่อน บริษัทของเธอเกือบล้มละลาย เธอไปยืมเงินที่บ้านฉัน บริษัทที่เสี่ยวซีก่อตั้งเองเพิ่งถูกแย่งไป และคลอดลูกมาคนหนึ่ง แม้แต่ตัวเองยังไม่มีเงิน เธอกลับหลอกหล่อนว่าเธอเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ หลอกเสี่ยวซีแล้วเอาเงินสามแสนที่เหลือติดตัวไว้ ให้เธอยืมไปทั้งหมด”
“นี่ยังไม่หมดนะ คาดไม่ถึงว่าโจวยู่ชุ่ยจะแอบเอาเงินสองแสนที่ฉันยืมมาเตรียมไว้ให้เสี่ยวซี เปลี่ยนไปให้เธอยืมแทนอีก!”