บอดี้การ์ดของฉินเฟยได้ยินดังนั้น ก็ไม่ลังเล บุกไปยังตัวหยางเฉิน
แต่หยางเฉินก็ยังคงเดินหน้าไปนิ่งๆ ราวกับว่าไม่เห็นว่ามีบอดี้การ์ดพุ่งเข้ามา
“พี่เขยระวังด้วย!”
ถึงแม้ฉินยี่จะรู้ว่าหยางเฉินเก่ง แต่ครั้งนี้ก็อดที่จะตะโกนออกมาไม่ได้
โจวยู่ชุ่ยก็ยิ้มร้ายๆ ไม่เพียงไม่มีความกังวลใดๆ แต่กลับหวังกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น
ฉินเฟนเห็นหยางเฉินไม่หลบ ก็หัวเราะลั่น “ไอ้บ้านี่มันโง่ไปแล้วรึไง แม้แต่จะหลบหลีกยังลืมไปได้ นี่เป็นยอดฝีมือที่เสียเงินจ้างมาเป็นแสน มึงตายแน่!”
ถ้าเกิดให้เขารู้ว่าตอนแรกที่ตระกูลสงจะรับมือกับหยางเฉิน เสียเงินเป็นล้าน เพื่อจ้างเซินปา ยอดนักมวยจากประเทศเฮย จะคิดเป็นอย่างไร?
ตอนที่เขากำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนั้น บอดี้การ์ดก็เข้ามาตรงหน้าหยางเฉินแล้ว มือก็ใส่สนับมือ แล้วต่อยออกไป
“ตุบ!”
หยางเฉินก็เตะออกไปเบาๆ บอดี้การ์ดที่หนักเป็นร้อยกิโลกรัม ก็ลอยออกไปไกลสิบกว่าเมตร แล้วไปหล่นลงบนรถกระบะพอดี หล่นใส่โลงศพที่ยังไม่ได้แกะเชือกออกมา
พวกบอดี้การ์ดก็หยางเฉินถูกโจมตี จนสลบเกือบตายไปกันหมด
พอเห็นดังนั้น ทุกคนก็อึ้งไปหมด
เตะคนหนักเป็นร้อยกิโลกรัมกระเด็นไป10กว่าเมตรด้วยเท้าเดียว มนุษย์ทำแบบนี้ได้ด้วยงั้นหรือ?
เดิมทีพูดออกไปก็ไม่ค่อยจะมีใครเชื่ออยู่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาได้เห็นกับตาตนเอง
หัวหน้าผู้รับเหมา ก็มองไปที่มุมบ้านที่ตนเองพังทำลายไป ก็ตัวสั่นขึ้นมา
เสียงขำของฉินเฟยก็เงียบลงทันที หน้าแห้งไปทันที นั่นเป็นบอดี้การ์ดที่ตนเองเสียเงินจ้างมาเป็นแสนเลยนะนั้น แม้แต่ตัวของหยางเฉิน ก็ยังไม่ได้แตะต้องเลย ก็ถูกเตะลอยออกมาเลยหรือนี่?
โจวยู่ชุ่ยก็ตาโต สายตาเต็มไปด้วยความคิดไม่ถึง ปากก็อ้ากว้างค้างอยู่ จนสามารถยัดไข่ไก่ใส่ลงไปได้
พอนึกถึงก่อนหน้านี้ ที่ตนเองไปดูถูกหยางเฉินไว้ แล้วเมื่อครู่ที่จะให้หยางเฉินไปคุกเข่าขอร้องฉินเฟย แถมยังจะลงไม้ลงมือตบหยางเฉินด้วย เธอก็แทบจะเป็นลม
มีเพียงฉินยี ที่ตกใจเล็กน้อย ไม่นานก็ตั้งสติกลับมาได้ แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
“คุณบอกว่า ต่อให้ต้องพังทำลายที่นี่ ก็ไม่ยอมให้พวกเราพักอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
“คุณบอกว่า โลงศพ5โลงนี้ เตรียมมาให้ผมงั้นหรือ? แถมยังจะเตรียมให้ลูกสาวผมด้วยใช่ไหม?”
“คุณยังบอกว่า ให้ผมคุกเข่าขอร้องด้วยใช่ไหม?”
“ตอนนี้ คุณยังจะพังทำลายที่นี่อีกไม? ยังจะเตรียมโลงศพให้ลูกสาวผมอีกไหม? ยังจะให้ผมคุกเข่าข้อร้องอีกไหม?”
เสียงของหยางเฉินเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างพูด ก็เดินมาตรงหน้าฉินเฟย แล้วก็บีบคอเขา
“กูไว้ชีวิตมึง ไม่ใช่ครั้งสองครั้ง และเตือนมึงไปหลายครั้งแล้ว จะทำอะไรกับกูก็ได้ แต่อย่ามาทำกับคนในครอบครัวกู แต่มึงก็ไม่เคยฟังกูเลย ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นชีวิตของมึง กูขอก็แล้วกัน!”
ออกแรงเบาๆ ฉินเฟยก็ลอยขึ้น หยางเฉินเงยหน้ามองฉินเฟยที่เต็มไปด้วยความกลัว แล้วพูดว่า “ตอนนี้ มึงมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม? พูดจบแล้ว กูก็จะส่งมึงไปปรโลก!”
คำพูดที่ว่าจะส่งไปปรโลก ฉินเฟยก็ฉี่ราดอุจจาระราดออกมาจนหมด ถูกหยางเฉินบีบคอเอาไว้ พูดออกมาไม่ได้สักคำ ได้แต่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
พวกคนงานก็อึ้งไปจนแทบบ้า หยางเฉินจะฆ่าคนจริงๆ งั้นหรือ?
โจวยู่ชุ่ยถูกเหตุการณ์ตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ส่วนฉินยี ที่หลังจากหายจากอาการอึ้งแล้ว ก็ร้อนใจ แล้วรีบพุ่งเข้าไป “พี่เขยค่ะ อย่าวู่วามนะคะ ปล่อยเขาไปก่อน ฆ่าเขาไปมันก็ไม่คุ้ม นึกถึงพี่ฉินซี และเสี้ยวเสี้ยวสิคะ ถ้าพี่ต้องถูกจับเพราะฆ่าคนตาย พวกเธอจะทำอย่างไร?”
เนื่องจากหายใจไม่ได้ ปากของฉินเฟยก็เริ่มม่วง ม่านตาก็เริ่มปิด
“พี่เขยคะ รีบปล่อยมือเร็ว ฉินเฟยจะตายแล้ว!” ฉินยีเห็นฉินเฟยจะตายแล้ว ก็ตะโกนพูด เธอกลัวว่าหยางเฉินจะถูกจับเพราะฆ่าคนตาย
หยางเฉินก็ไม่ฆ่าฉินเฟยง่ายๆ หรอก เพียงแต่อยากให้เขาได้สัมผัสกับความตายอย่างสิ้นหวัง
“ฟุบ!”
หยางเฉินก็ปล่อยมือ ตัวของฉินเฟยก็ร่วงลงพื้นอย่างอ่อนปวกเปียก แล้วก็อ้าปากหายใจอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เขียวม่วงก็ดีขึ้น
ฉินยีก็ตกใจมาก เมื่อครู่ถ้าหยางเฉินไม่ปล่อยมือ แค่เพียง10วินาที ฉินเฟยก็ต้องขาดอากาศหายใจตาย
โจวยู่ชุ่ยก็ขาอ่อนไปหมด จะรู้ได้ไงว่าหยางเฉินจะโหดแบบนี้
“มีคำพูดอะไรจะพูดอีก พูดจบ กูจะส่งมึงไปปรโลก!”
ฉินยีเพิ่งโล่งอก หยางเฉินก็พูดคำเดิมอีกครั้ง ทำให้เธอตกใจกังวลขึ้นมาอีก “พี่เขยคะ นี่พี่…..”
“เสี่ยวยี ไม่ว่าคนอื่นจะทำอย่างไรกับพี่ พี่ทนได้ แต่กับเสี่ยวซีและเสี้ยวเสี้ยว พี่ไม่ยอม” ฉินยียังพูดไม่จบ ก็ถูกหยางเฉินขัดจังหวะ “ใครกล้าปองร้ายพวกเธอ พี่ไม่ยอมปล่อยไปแน่ ฉินเฟยมันจะต้องตาย!”
“หยางเฉิน มึงจะฆ่ากูไม่ได้นะ ตระกูลฉินได้ร่วมกับตระกูลกวนไว้อย่างดี กูเป็นผู้สืบทอดคนเดียวของตระกูลฉิน ถ้ามึงฆ่ากู ท่านปู่ไม่ปล่อยมึงไปแน่”
เพิ่งได้สัมผัสกับความใกล้ตายไปเมื่อครู่นี้ ฉินเฟยนึกว่าหยางเฉินจะปล่อยตนเองไป ไม่คิดว่าจะยังคิดฆ่าตนเองอีก ทันใดนั้นก็ตกใจจนฉี่ราด แล้วคุกเข่าขอร้องตรงเท้าหยางเฉิน
เมื่อครู่ยังโอหังบอกว่าจะให้หยางเฉินมาคุกเข่าให้ ตอนนี้กลับเป็นตัวเขาเอง ที่มาคุกเข่า มันช่างเป็นเรื่องน่าตลกสิ้นดี
ในตอนนี้ ฉินซีก็ส่งลูกสาวกลับมาแล้ว เห็นฉินเฟยคุกเข่าที่เท้าขอร้องหยางเฉิน ก็ตกใจมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่คะ พี่รีบบอกพี่เขยเร็ว เขาจะฆ่าฉินเฟย” ฉินยีรีบวิ่งออกไป
ฉินซีก็ได้รู้ ว่าทำไมฉินเฟยถึงคุกเข่าที่พื้น ใบหน้าที่กังวล แล้วก็รีบวิ่งไปตรงหน้าหยางเฉิน “หยางเฉิน อย่าวู่วามนะ!”
หยางเฉินก็มองฉินซี แล้วพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ว่า “ฉินเฟยมันทำอะไรไว้บ้าง คุณก็รู้ดี วันนี้มันเตรียมโลงศพมาให้พวกเรา วันข้างหน้าก็กล้ามาเอาชีวิตเรา ผมไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเด็ดขาด”
“หยางเฉิน กูสาบาน ว่าหลังจากนี้จะไม่มาหาเรื่องอีก” ฉินเฟยรีบยกมือขวาขึ้น
หยางเฉินพูดนิ่งๆ “ถ้าคำพูดของมึงเชื่อได้ หมูก็ปีนต้นไม่ได้แล้ว วันนี้ มึงต้องตาย!”
เห็นว่าหยางเฉินตั้งมั่นแบบนั้น ฉินซีก็เห็นด้านโกรธของหยางเฉินเป็นครั้งแรก หยางเฉินในตอนนี้ ไม่เหมือนกับคนที่คอยคล้อยตามเมื่อก่อนเลย
“หยางเฉิน นี่คุณ……”
ฉินซีกำลังจะพูด แต่ถูกหยางเฉินห้ามไว้ “เสี่ยวซี คุณจะให้ผมทำอะไร ผมก็รับปากหมดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ ผมรับปากไม่ได้ ถ้ามันไม่ตาย ผมไม่สบายใจ ก็คิดเสียว่าทำเพื่อคุณและลูกสาว ก็ให้ผมตัดสินใจเองสักครั้งเถอะ”
ในตอนนี้ ฉินเฟยที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น มือขวาก็เอื้อมเข้าไปในเสื้อ แล้วหยิบมีดสั้นเงาวับออกมา แล้วแทงไปทางฉินซี
เขารู้ตัวว่าตนเองฆ่าหยางเฉินไม่ไหว ก็ได้แต่เลือกเป็นตัวฉินซีแทน