The King of War – ตอนที่ 49 ทำชั่วได้ชั่ว

เสียงตบหน้าครั้งนี้ชัดเจนอย่างมาก ชั่วขณะนั้น สายตาของทุกคนล้วนมองมา

ฉินซีสีหน้าตกตะลึง มือกุมตำแหน่งที่หวังเมิ่งตบลงมา เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “เธอ เธอถึงกับตบฉัน! “

“ที่ตบก็คือเธอนางแพศยา หน้าที่ที่ฉันมอบหมายให้เธอ เธอทำสำเร็จไปแล้วกี่เรื่อง? “

“ให้เธอไปหาตระกูลสงเจรจาความร่วมมือ แล้วผลลัพธ์ล่ะ? ไม่เพียงแต่ความร่วมมือเจรจาไม่สำเร็จ แต่กลับล่วงเกินตระกูลสง”

“เรื่องใหญ่ทำไม่สำเร็จก็แล้วไปเถอะ แต่ว่าตอนนี้แค่ถ่ายเอกสารไม่กี่ฉบับ ก็ยังทำได้ไม่ดี ฉับตบเธอแล้วผิดหรือ? ถ้าไม่อยากทำแล้ว ก็ไปลาออกไสหัวไปเอง”

หวังเมิ่งกลับมีเหตุผลในการตบคนแล้ว ชี้ ‘ความผิดพลาดเดิม’ หลายข้อของฉินซีออกมา

คนมากมายต่างมีท่าทางร่วมชมงิ้ว ถึงแม้จะมีคนอยากช่วย ก็ไม่กล้า คนมีตาต่างมองออก หวังเมิ่งนั้นกำลังจงใจหาเรื่องทะเลาะ

ดวงตาทั้งคู่ของฉินซีแดงก่ำ ในใจเต็มไปด้วยความไม่เป็นธรรมและไม่ยินยอม แต่อย่างไรหวังเมิ่งก็เป็นหัวหน้าระดับสูงของตนเอง ทั้งหมดทำได้เพียงฟังเธอเท่านั้น

“เอาเอกสารข้อมูลทั้งหมดถ่ายเอกสารหน้าเดียวยี่สิบฉบับ ถ้าเกิดทำให้การประชุมของหัวหน้าล่าช้า ถึงแม้เธอจะไม่ไปลาออกเอง ก็รอถูกปลดออกเถอะ! ” หวังเมิ่งพูดอย่างโหดร้าย

ฉินซีกัดริมฝีปาก ทำได้เพียงทำตามที่หวังเมิ่งพูด

“พี่เมิ่งเธอร้ายกาจมากเลย จัดการจนนางจิ้งจอกนั่นทำตามอย่างเชื่อฟังได้”

“เธอก็ไม่ดูบ้างว่าพี่เมิ่งเป็นใคร เธอเป็นหัวหน้าแผนกธุรกิจของพวกเราเชียวนะ นางแพศยานั่นอาศัยว่าตัวเองมีหน้าตาสะสวยกี่ส่วนกัน ยังจะคิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ เห็นเธอขัดตามานานแล้ว”

“พี่เมิ่งนี่เป็นDiorของแท้ที่สามีของฉันนำกลับมา ตอนที่ไปทำงานต่างประเทศ ฉันรู้สึกว่าลิปสติกแท่งนี้เหมาะกับพี่เมิ่งมาก ยังไม่ได้แกะเลยนะ มอบให้เธอแล้ว! “

……

พอฉินซีจากไป รอบกายหวังเมิ่งก็ล้อมรอบด้วยหญิงสาวเยาว์วัยหลายคน มีทั้งประจบประแจง มีทั้งมอบของขวัญ หวังเมิ่งไม่เบื่อหน่ายเรื่องพวกนี้

ไม่นานนัก ฉินซีก็ถ่ายเอกสารข้อมูลยี่สิบฉบับส่งมา

“ฉันทำตามความต้องการของเธอ ถ่ายเอกสารหน้าเดียวมาทั้งหมดแล้ว” ฉินซีหอบเอกสารกองใหญ่มาถึง

หวังเมิ่งพลันหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง “เธอเอากลับไปได้แล้ว! “

“หมายความว่ายังไง? ” ฉินซีขมวดคิ้ว

ในมือของหวังเมิ่งถือกาแฟแก้วหนึ่ง ยิ้มกริ่มเอ่ยว่า “ก็เพราะเห็นเธอแล้วไม่สบายใจ อยากจะทรมานเธอเล็กน้อยเท่านั้น ในเมื่อทรมานเสร็จแล้ว ยังจะให้เธอมาอยู่ต่อหน้าฉันทำไมล่ะ? “

“ปัง! “

ฉินซีโมโหขึ้นมาในทันที ผลักเอกสารลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง เอ่ยอย่างโมโห “ทรมานฉัน เธอมีความสุขมากเลยหรือ? “

“เธอถึงกับกล้าตบโต๊ะกับฉัน นี่คือไม่อยากทำงานแล้วใช่ไหม? ” หวังเมิ่งทำสีหน้าข่มขู่

ฉินซีสูดหายใจเข้าลึก พลันทำสีหน้าเย็นชาเอ่ยว่า “หวังเมิ่ง เธอคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าแล้ว ก็วางอำนาจในบริษัทได้แล้วหรือไง? “

ในเวลานี้ กลิ่นอายของฉินซีเต็มเปี่ยม ในใจหวังเมิ่งก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ พลันรู้สึกว่าประธานสาวคนสวยที่เฉียบขาดในปีนั้น กลับมาอีกครั้งแล้ว

แต่ว่าความคิดเช่นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้น ก็หายไปในทันทีแล้ว

หวังเมิ่งพาลโกรธขึ้นมา “ไม่ผิด ฉันสามารถกลายเป็นหัวหน้าแผนกธุรกิจได้ ก็ไม่ธรรมดามากแล้ว อย่างน้อยก็แข็งแกร่งมากกว่าหญิงแพศยาอย่างเธอเป็นร้อยเท่า”

“อย่าคิดว่าฉันไม่ชัดเจนถึงความคิดของเธอ เธอต้องการเริ่มจากจุดแรก หลังจากนั้นปีนป่ายขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงทีละก้าว แต่ว่าฉันจะบอกเธอให้ มีฉันหวังเมิ่งอยู่ ชาตินี้เธออย่าได้คิดจะข้ามผ่านฉัน ขอเพียงเธออยู่ภายใต้กำมือฉันหนึ่งวัน ฉันก็จะทรมานเธอหนึ่งวัน”

บนหน้าของหวังเมิ่งเต็มไปด้วยความร้ายกาจ นี่ทำให้ในใจของฉินซีอึดอัดอย่างมาก

ตอนนั้นที่เธอยังเป็นประธาน หวังเมิ่งก็เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เพิ่งจะเรียนจบเท่านั้น เพราะว่าครอบครัวของเธอยากจนข้นแค้น ฉินซีนั้นเห็นใจเธอ ถึงทำให้เธอทำลายกฎมาเป็นเลขาของตนเอง แม้แต่เงินเดือนสวัสดิการ ก็เป็นสองเท่าของเงินเดือนนักศึกษาจบใหม่

แต่แสดงออกอย่างจริงใจเช่นนี้แล้ว ตอนที่ตนเองตกต่ำลง หวังเมิ่งกลับดูถูกตนเองขนาดนี้

สีหน้าของฉินซีค่อยๆ เยียบเย็นลง เธอมองหวังเมิ่งอย่างลึกล้ำ “หวังว่าเธอจะไม่เสียใจทีหลัง! “

ฉินซีทิ้งคำพูดออกมา หมุนกายกลับไปที่ทำงานของตัวเอง

“วางมาดอะไร? ยังคิดว่าตัวเองเป็นประธานเมื่อห้าปีก่อนอยู่หรือ? ” หวังเมิ่งเบ้ปาก ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดที่ฉินซีเพิ่งพูดเมื่อครู่ ทำให้เธอมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

ฉินซีเพิ่งจะจากไป หญิงสาวแต่งหน้าจัดคนหนึ่ง ในมือถือธงแดงหมุนเวียนอันหนึ่งก็เดินเข้ามา หัวเราะเอ่ยว่า “ยินดีกับหัวหน้าหวัง เดือนนี้การประเมินของทุกแผนกในบริษัท ผลการประเมินโดยรวมของแผนกธุรกิจมาเป็นอันดับหนึ่ง อีกทั้งให้รางวัลเธอคนเดียวหนึ่งแสนเลยนะ! “

“จริงหรือ? ” หวังเมิ่งยินดีทันที อารมณ์กลัดกลุ้มเมื่อครู่นี้ ถูกกวาดทิ้งไปจนหมด

“แน่นอนว่าจริง นี่คือธงแดงหมุนเวียน เงินรางวัลจะส่งให้พร้อมกับเงินเดือนเดือนนี้ของเธอ” หญิงสาวแต่งหน้าจัดใบหน้าแย้มยิ้ม

“ขอบคุณเจ๊หลิ่ว! รอให้เงินเดือนออกแล้ว ฉันเชิญคุณไปทานมื้อใหญ่” หวังเมิ่งเอ่ยอย่างยินดี

“เช่นนั้นพี่สาวก็รอมื้อใหญ่ของเธอนะ! ” หญิงสาวแต่งหน้าจัดเอ่ยขึ้น แล้วหมุนกายจากไป

“หัวหน้าหวัง ยินดีด้วย! “

“รองผู้จัดการแผนกธุรกิจว่างอยู่พอดี ไม่แน่ว่าอาจจะตั้งใจเตรียมไว้สำหรับหัวหน้าหวังนะ”

“หัวหน้าหวัง รอให้คุณได้เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้จัดการแผนกธุรกิจแล้ว ถึงตอนนั้นก็อย่าลืมพวกเราเหล่าเพื่อนเก่านะ! “

……

ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างพากันประจบประแจงต่อหวังเมิ่ง

“ขอบคุณกำลังใจจากทุกคน เพื่อขอบคุณการดูแลของทุกคนที่มีต่อฉัน วันนี้ที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุน ฉันเชิญทุกคนไปทานอาหาร! “

หวังเมิ่งพลันเอ่ยขึ้นเสียงดัง ทุกคนก็โห่ร้องขึ้นมาทันที “หัวหน้าหวังอายุหมื่นปี! “

แต่ก็เป็นในตอนนี้ มุมปากของหวังเมิ่งก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา มองไปทางฉินซี “ทุกคนล้วนสามารถไปทานอาหารที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุนได้ แต่ว่า ไม่รวมถึงเธอ! “

ถึงแม้ว่าหวังเมิ่งจะเชิญตนเองจริงๆ ฉินซีก็ไม่มีทางไป แต่ว่าหวังเมิ่งเชิญทุกคนไปทานอาหารต่อหน้าทุกคน แต่กลับทิ้งเธอไว้คนเดียว เป็นการดูถูกอย่างแท้จริง

ฉินซีดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ สีหน้าผิดหวังมองไปที่หวังเมิ่งครั้งหนึ่ง “เช่นนั้นก็ขอให้เชิญไปทานอาหารมื้อนี้ได้อย่างราบรื่น”

“นั่นก็ไม่รบกวนให้เธอต้องกังวลใจหรอก! “

หวังเมิ่งเอ่ยอย่างเยาะเย้ย “เธอกลับบ้านไปหาสามีไร้ประโยชน์คนนั้นของเธอ ให้ทำอาหารให้เธอเสียดีกว่า! ฮ่าๆ! “

“ฮ่าๆ …”

ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างไหลลื่นไปกับหวังเมิ่ง หัวเราะเสียงดังขึ้นมา

ฉินซีกวาดตามองหวังเมิ่งอย่างเย็นชา หยิบโทรศัพท์ออกมา ส่งข้อความหนึ่งออกไป

หยางเฉินกำลังอยู่ที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป ฟังลั่วปิงรายงานการทำงาน พลันมีเสียง “ติ๊ง” เสียงหนึ่ง โทรศัพท์มีข้อความเข้า

กดเปิดดู คิดไม่ถึงว่าเป็นข้อความที่ฉินซีส่งมา เนื้อสั้นมาก มีเพียงประโยคเดียว “ฉันอยากเป็นผู้จัดการ! “

หยางเฉินมุมปากค่อยๆ ยกขึ้น ตอบกลับเพียงหนึ่งคำ “ได้! “

หลังจากตอบกลับข้อความแล้ว หยางเฉินมองไปทางลั่วปิงเอ่ยว่า “ตอนนี้ก็ใช้ชื่อของสำนักงานใหญ่ร่างเอกสารจ่าหน้าสีแดง แต่งตั้งฉินซีให้เป็นผู้จัดการของซานเหอกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ”

“รับทราบ ท่านประธาน! ” ลั่วปิงในใจตะลึงเล็กน้อย

“สามารถบีบคั้นให้เธอเอ่ยปากกับฉันด้วยตัวเองได้ จะต้องได้รับการดูถูกและไม่เป็นธรรมอย่างถึงที่สุดในบริษัทแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไปตรวจสอบมาให้ฉัน”

หยางเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย ต่อจากนั้นก็พูดอีก “โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อหวังเมิ่งคนนั้น ตรวจสอบให้ฉันหนักๆ ถ้าไม่มีปัญหา ก็หาเหตุผลสักอย่างมาไล่ออกไป ถ้ามีปัญหา อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด เอาหลักฐานทั้งหมดที่หามาได้ส่งให้ทางตำรวจจัดการ”

“ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ ฉันจะไปตรวจสอบด้วยตัวเอง” ลั่วปิงหมุนกายจากไป

The King of War

The King of War

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset