ด้วยสายตาของเฮนรี่ที่มองเยี่ยเทียน เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“มองที่ผมทำไม? เซี่ยวเทียนเป็นศิษย์ของผม เขาอาจจะรู้สึกว่าราคาของชิ้นนี้มันถูกไปมั้ง?”
“ราคาประมูลเริ่มต้นที่สิบล้านดอลลาร์ยังถูกอีกหรือ?”
“คนๆนี้บ้าไปแล้วเหรอ? แล้วทำไมคุณหลี่ยังบ้าตามไปกับเขาด้วย?”
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้คนในนั้นวิจารณ์กันยกใหญ่ แค่ขวดหยกขวดเล็กขวดเดียว ต่อให้ในนั้นมียาวิเศษอยู่ราคาคงไม่ต้องถึงสิบล้านดอลลาร์หรอกมั้ง? แต่หลังจากเยี่ยเทียนเอ่ยแบบนั้นแล้ว ของสิ่งนี้ดูจะถูกเกินไปทันที นอกจากคนที่รู้เบื้องหลังอย่างถังเหวินหย๋วนและหลี่เชาเหรินแล้ว คนสูงวัยคนอื่นๆต่างพากันส่ายหัว
“คุณเฮนรี่ ห้าสิบล้านดอลลาร์ ผมไม่ได้ล้อเล่นสักนิด ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมจะเขียนเช็คเงินสดห้าสิบล้านดอลลาร์ให้คุณเดี๋ยวนี้!”
โจวเซี่ยวเทียนออกมาแถลงแล้ว เป็นไปตามที่เยี่ยเทียนบอกไว้ เขารู้สึกว่าของสิ่งนี้ราคาถูกเกินไป เพราะยาวิเศษหายากเม็ดนั้นได้มาจากเยี่ยเทียน
โจวเซี่ยวเทียนยังฝึกวิชาไม่ถึงระดับเซียนเทียน ทั้งค่ายกลรวมพลังหรือพลังวิเศษจากธรรมชาติ หรือยาวิเศษที่โก่วซินเจียปรุงขึ้นมานั้นต่างมีประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา ขายออกไปได้เม็ดหนึ่งก็เท่ากับว่าเขาจะได้น้อยลงไปหนึ่งเม็ดไม่ใช่หรือ?
“ไม่….ไม่ต้องหรอกครับ คุณแค่เสนอราคาก็พอแล้วครับ!”
เฮนรี่รู้ประวัติทางบ้านของเยี่ยเทียน การกระทำของโจวเซี่ยวเทียนต้องได้รับความเห็นชอบจากเยี่ยเทียนก่อน เขาไม่กล้าสงสัยอีก จึงเอ่ยต่อว่า
“คุณผู้ชายท่านนี้เสนอราคาห้าสิบล้านดอลลาร์ ยังมีท่านใดให้มากกว่านี้อีกไหมครับ?”
ในความคิดของเฮนรี่ราคาห้าสิบล้านดอลลาร์เป็นราคาที่เหลวไหลวมากแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าพอเสียงของตัวเองสิ้นสุดลง หลี่เชาเหรินก็ตะโกนออกมาว่า
“ผมให้สามร้อยล้านดอลลาร์ ทั้งหมดขอมอบให้ผู้ประสบภัย หวังว่าเงินจำนวนนี้จะถึงมือผู้เดือดร้อนจริงอย่างครบถ้วน!”
“สาม…สามร้อยล้าน?”
“พระเจ้า ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? เป็นเงินดอลลาร์นะ!”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจากห้าสิบล้านกลายเป็นสามร้อยล้านไปได้?”
เมื่อหลี่เชาเหรินประกาศออกไป ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบ หลังจากนั้นเหมือนมีใครจุดระเบิดขึ้น เสียงฮือฮาตื่นเต้นดังระงมไปทั่วไม่อาจหยุดยั้งได้
ถ้าเป็นเหวินหลวนสงเป็นคนเสนอราคาสามร้อยล้านดอลลาร์บางทีอาจจะไม่น่าตกใจเท่านี้ เพราะเขาเป็นคนชอบหว่านเงินอยู่แล้ว ซึ่งไม่เหมือนกับหลี่เชาเหรินที่ได้ชื่อว่าทำอะไรด้วยความระมัดระวังรอบคอบ นอกจากเรื่องธุรกิจแล้วน้อยมากที่จะมีปฏิกิริยาในที่สาธารณชน
“สามร้อยล้านดอลลาร์? คุณหลี่ครับ คุณให้ราคาสามร้อยล้านดอลลาร์?”
เฮนรี่มองหลี่เชาเหรินอย่างไม่อยากเชื่อ ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู เขาไม่มีทางเชื่อเป็นอันขาดว่าขวดหยกที่แกะสลักหยาบๆพร้อมกับของที่บรรจุอยู่ภายในนี้จะมีค่ามากถึงสามร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าคิดเป็นเงินฮ่องกงก็คือสองพันล้านเหรียญ!
“ไม่ผิดหรอก สามร้อยล้านจริงๆ” หลี่เชาเหรินยิ้มพลางมองดูประธานผู้จัดงานในคืนนี้ “ท่านเซอร์เฮ่อ คุณไม่รังเกียจว่าเงินของผมจะมากเกินไปจนไม่กล้ารับหรอกใช่ไหม?”
เฮนรี่ไม่มีสิทธิ์จะพูดคุยกับหลี่เชาเหรินได้ตรงๆ ทั้งหลี่เชาเหรินเองก็ไม่อยากให้คนอื่นให้ความสนใจกับเงินก้อนนี้และของชิ้นนี้มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่เจ้าของงานประมูลแทน
หลี่เชาเหรินเอ่ยดังนั้นทำให้แขกคนอื่นๆรู้สึกถูกชักนำตามให้คิดว่าเงินที่หลี่เชาเหรินบริจาคนั้นก็เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจริง นอกจากคนปากไม่ดีไม่กี่คนแล้ว คนส่วนใหญ่ถูกหลี่เชาเหรินเบี่ยงเบนความสนใจไปที่ประเด็นอื่น
“มิได้หรอกครับ คุณหลี่ให้เงินมากมาย ทุกครั้งที่มีการประมูลเพื่อการกุศลคุณหลี่อยู่ในแถวหน้าเสมอ ผมนับถือคุณจริงๆ!”
สำหรับตัวเถ้าแก่เฮ่อแล้วเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เขารู้ว่าหลี่เชาเหรินชอบบริจาคเงินไปถึงที่ผู้เดือดร้อน แต่น้อยมากที่จะบริจาคเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้
“ท่านเซอร์เฮ่อ ชมเกินไปแล้ว คุณเยี่ยอุตส่าห์ยอมเสียสละของรักของหวงนำออกประมูล กระผมจะไม่บริจาคได้อย่างไร?”
หลี่เชาเหรินกล่าวเยินยอเยี่ยเทียน ขณะเดียวกันก็แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของตัวเอง ความจริงแล้วเมื่อครู่ราคาเริ่มต้นที่เยี่ยเทียนตั้งเป็นสิบล้านดอลาร์นั้น เขาคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าเขาไม่เสียเงินมากคงจะไม่ได้ครอบครองยาวิเศษเม็ดนั้นง่ายๆแน่นอน
“ผู้ทำความดีคุณพระคุณเจ้าต้องคุ้มครอง คุณหลี่ได้สร้างกุศลครั้งใหญ่แล้ว”
เยี่ยเทียนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา ด้วยอายุแล้วสถานะของเขา ถ้าจะพูดแทรกคงดูไม่ดีนัก แต่เมื่อเยี่ยเทียนเอ่ยออกไปแล้ว ทุกคนในงานต่างรู้สึกเห็นด้วย ราวกับว่าเยี่ยเทียนควรจะรู้ที่ต่ำที่สูง
หลี่เชาเหรินเดาไว้ไม่ผิด เยี่ยเทียนไม่รักษากฎให้ตั้งราคาเริ่มต้นที่สิบล้านดอลลาร์ แล้วยังถูกโจวเซี่ยวเทียนโก่งราคาให้สูงขึ้นไปอีก เพราะอยากจะตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้อนาคตหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปตนเองจะถูกคนอื่นที่ประสงค์ในยาวิเศษมารบกวนได้อีก
หลี่เชาเหรินรู้เท่าทันเป็นอย่างดี เขาจึงตั้งราคาให้สูงถึงสามร้อยล้านดอลลาร์ เพื่อให้เยี่ยเทียนพอใจ จนเกือบให้เป็นซื้อหนึ่งแถมหนึ่งไปเสียแล้ว
งานประมูลการกุศลที่ตนเองร่วมประมูลด้วยในครั้งนี้จะต้องได้ยินไปถึงหูของผู้เป็นใหญ่เป็นโตในปักกิ่งแน่นอน ตามที่โบราณท่านว่าของยิ่งมีน้อยยิ่งมีราคามาก ราคาที่ซื้อประมูลมานั้นบ่งบอกว่ายาวิเศษเหลือเพียงไม่กี่เม็ดแล้ว สามร้อยล้านดอลลาร์แลกมากับยาหนึ่งเม็ด แต่เขาจ่ายไปตั้งพันล้านน้ำใจครั้งนี้เพียงพอแล้ว
“เฮนรี่ คุณอยู่บนเวทีชมวิวอยู่หรือไง? ประมูลต่อสิ?”
หลังจากพูดคุยกับหลี่เชาเหรินไม่กี่ประโยคแล้ว เยี่ยเทียนหันไปเรียกสติคนที่อยู่บนเวที ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบหยอกเย้าพิธีกรคนนี้เหลือเกิน แต่งานครั้งนี้เฮนรี่ยิ่งเจ้าเล่ห์ยิ่งดี เพราะจะยิ่งได้เงินบริจาคให้ผู้ประสบภัยมากขึ้น
“หะ? คุณเยี่ยพูดถูกแล้ว”
เฮนรี่ยังไม่หายตะลึงกับจำนวนเงินสามร้อยล้านดอลลาร์นั้น ตั้งแต่เขาทำงานประมูลมามียอดประมูลสูงๆที่บันทึกไว้ นี่ก็แค่สามร้อยล้านดอลลาร์เท่านั้น ยังไม่นับรูปภาพของแวนโก๊ะหลายรูปกับงานศิลปะอันล้ำค่าของยุโรป
แต่จำนวนเงินที่ได้รับจากการประมูลครั้งนี้เกินกว่าสี่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีงานประมูลระดับนานาชาติน้อยครั้งมากที่จะได้เงินจำนวนมากขนาดนี้ เฮนรี่คิดไม่ถึงเลยว่า งานประมูลที่คนน้อยขนาดนี้ กลับได้ทำสถิติที่ถูกบันทึกครั้งใหม่ว่ามีเงินประมูลมากที่สุด
“สามร้อยล้านดอลลาร์ คุณหลี่ให้สามร้อยล้านดอลลาร์ ขอถามทุกท่านอีกครั้งครับ ยังมีใครให้ราคาสูงกว่านี้อีกไหมครับ?”
ครั้งนี้เฮนรี่ไม่รีบเคาะประมูล แล้วยังส่งสายตามาให้เยี่ยเทียน เขาเสียใจอยู่บ้างที่มีเยี่ยเทียนอยู่ในงานครั้งนี้ที่ทำให้เชาว์ปัญญาและไหวพริบของเขาเกือบจะกลายเป็นศูนย์ สภาพการณ์หลายอย่างราวกับถูกเยี่ยเทียนควบคุมไว้
เยี่ยเทียนมองเฮนรี่แล้วสั่นหัว เรื่องอะไรที่คิดกังวลมากเกินไปนั้นไม่ดี เงินสามร้อยล้านดอลลาร์สำหรับบรรดาเศรษฐีในที่นี้เป็นเงินมหาศาล นอกจากหลี่เชาเหรินแล้วยังจะมีแต่ถังเหวินหย่วนและเจิ้งเจวี๋ยซื่อเท่านั้นที่จ่ายไหว ผู้เป็นเจ้าของงานอย่างท่านเซอร์เฮ่อ ยังไม่มีพื้นเพได้ขนาดนี้
“สามร้อยล้านดอลลาร์ครั้งที่หนึ่ง สามร้อยล้านดอลลาร์ครั้งที่สอง ขอแสดงความยินกับคุณหลี่ คุณได้รับของประมูลชิ้นนี้ของคุณเยี่ยเทียนไปเลยครับ!”
หลังจากถามไปสองครั้งแล้ว ตอนจบเฮนรี่เคาะประมูลแล้วประกาศมูลค่าการประมูลที่สูงที่สุดตั้งแต่เขาเคยทำอาชีพนี้มา เฮนรี่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น กลับรู้สึกอับอายเสียต่างหาก เพราะการประมูลครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาดำเนินการ
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
หลี่เชาเหรินเขียนเช็คเงินสดแล้วนำไปหย่อนใส่กล่องรับบริจาค เยี่ยเทียนลุกขึ้น เชื่อว่าหากเหตุการณ์ในคืนนี้เผยแพร่ออกไป สำนักเสื้อป่านจะต้องถูกคนทั้งเกาะฮ่องกงวิจารณ์ยกใหญ่ อย่างน้อยสังคมฮ่องกงก็ไม่มีใครกล้าดูถูก สำนักเสื้อป่าน
“คุณเยี่ย ผมขอไปด้วย”
หลังจากได้ขวดหยกมาแล้วหลี่เชาเหรินเดินเข้าไปหาเยี่ยเทียน เขายอมจ่ายสามร้อยล้านดอลลาร์แล้วต้องรู้ให้ได้ด้วยว่ายาที่อยู่ในขวดนี้กินอย่างไร? หากเกิดเหตุสุดวิสัยกินยาไม่ถูกวิธีแล้วทำให้ยาไม่ออกฤทธิ์ หลี่เชาเหรินคงเสียใจน่าดู
“ได้ กำลังอยากจะคุยกับคุณหลี่อยู่พอดี”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เมื่อเดินมาถึงจวงรุ่ย เยี่ยเทียนหยุดลงแล้วเอ่ยถามว่า
“คุณจวงครับ พรุ่งนี้พบกันได้ไหมครับ?”
แม้ความสามารถพิเศษของเขาคนนี้จะไม่เกี่ยวกับการดูดวงทำนายอะไรเลย แต่เยี่ยเทียนยังอยากศึกษาความสามารถพิเศษแบบอื่นเพิ่มเติม เพราะหลังจากนี้ไม่กี่วันเขาต้องไปร่วมงานประชันความสามารถพิเศษที่จัดขึ้นที่ยุโรป
“คุณเยี่ย พรุ่งนี้ผมจะออกจากฮ่องกงไป ไม่มีเวลาแล้วครับ…..”
จวงรุ่ยส่ายหัว เขารู้สึกแปลกใจกับเยี่ยเทียนแต่ด้วยความสามารถพิเศษที่ตัวเองมี จวงรุ่ยรู้สึกหวาดเกรงมัน ยิ่งกว่านั้นแม้แต่แม่แท้ๆของเขายังไม่เคยได้รับรู้
จวงรุ่ยมีความรู้สึกบางอย่าง ว่าถ้าเขายังผูกสานสัมพันธ์กับฝ่ายตรงข้ามต่อไป ความลับของตัวเองจะปิดเอาไว้ไม่มิด เพราะว่าเยี่ยเทียนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเขา แววตาของเยี่ยเทียนฉายแววความหมายรู้ที่มองทะลุเข้าไปในใจของเขาได้
“งั้นก็ได้ วันหลังถ้ามีโอกาสเราจะได้พบกัน!”
เยี่ยเทียนฟังออกว่าจวงรุ่ยที่ไม่อยากผูกมิตรกับเขา ดังนั้นแล้วจึงหัวเราะ
“คุณจวง พอพ้นวันเกิดไปแล้วจะได้ทำงานใหญ่ แต่ต้องระวังคนที่ความคิดไม่ดีกลั่นแกล้ง”
บนโลกนี้มีคนเป็นแสนล้านคน คนที่มีความสามารถพิเศษนั้นมีสัดส่วนที่น้อยมาก แต่ก็ไม่ได้น้อยเกินไป ในเมื่อจวงรุ่ยไม่ยอมคบหากับตน เยี่ยเทียนก็ไม่อยากบังคับ เขายิ้มให้แล้วเดินไปหาท่านเซอร์เฮ่อบอกว่า
“คุณเฮ่อครับ วันนี้ผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณ คุณเยี่ยเทียนมากครับที่บริจาคเงินจำนวนมหาศาล ไว้วันหลังผมจะไปขอบคุณที่บ้านนะครับ!”
ได้ยินเยี่ยเทียนบอกลา ท่านเซอร์เฮ่อรีบลุกขึ้นยืน เขาไม่คิดว่างานประมูลการกุศลที่จัดขึ้นในวันนี้ จะได้เงินบริจาคมากมาย แค่จากเยี่ยเทียนกับหลี่เชาเหรินก็ได้ตั้งสองพันกว่าล้านเหรียญฮ่องกง มากเกินกว่าเงินบริจาคครั้งไหนในฮ่องกง
“ท่านเซอร์เฮ่อเกรงใจเกินไปแล้ว!”
เยี่ยเทียนยิ้มให้ หันไปพยักหน้าให้ถังเหวินหย่วนและเฉินจิ้งหลัน แล้วเดินออกไปจากห้องโถงพร้อมกับหลี่เชาเหริน
……………………