“พ่อรู้ว่าลูกเก่ง พวกคนใหญ่คนโตถึงขั้นมาขอให้ช่วย”
เยี่ยตงผิงมองเยี่ยเทียน ส่ายหัวและพูดว่า
“แต่ลูกต้องเข้าใจว่า พระจันทร์จะกลับมาเต็มดวง เพื่อบ่งบอกว่าจะเกิดความเจริญสืบไป ไม่ใช่ตกต่ำ คนเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่ อย่าตึงแน่นเกินไป ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นสิ่งที่ต้องคอยรักษาไว้นะ!”
ตั้งแต่เยี่ยเทียนอายุสิบขวบ น้อยมากที่เยี่ยตงผิงจะพูดคุยกับลูกชายแบบนี้ แต่ในฐานะที่เป็นพ่อ ทุกฝีก้าวของลูกชายเขารู้เรื่องหมด และรู้ว่าหลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเยี่ยเทียนนั้น มันยากที่จะให้เขาเข้าใจ แล้วท่าทางมั่นใจมากเกินไปของเยี่ยเทียนในตอนนี้ ทำให้เยี่ยตงผิงรู้สึกเป็นห่วงมาก
“พ่อครับ ผมเข้าใจ คราวหลังผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก!”
เมื่อเห็นรอยย่นบนใบหน้าของพ่อ เยี่ยเทียนไม่ได้โต้กลับทันที แต่พยักหน้าตอบรับแทน ที่จริงเขาเข้าใจเหตุผลนี้เป็นอย่างดี
ตอนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนทั่วไป เยี่ยเทียนไม่เคยทำตัวเย่อหยิ่งและก้าวร้าวแบบนี้มาก่อน เขาอยู่ตรอกนี้มานาน พบเห็นใครเดินผ่านก็ยิ้มให้ตลอด เรียกขานคุณลุงคุณป้าไม่เคยขาดตกบกพร่อง มารยาทอันดีงามเช่นนี้ ทำให้คนในตรอกต่างก็ชื่นชมเขาทุกคน
แต่เวลาพบปะกับพวกตาแก่กุมอำนาจพวกนั้น เยี่ยเทียนจำเป็นต้องใช้วิธีไม้กระบองฉาบด้วยพุทราหวาน ถ้าไม่ทำเช่นนั้นเขาคงโดนตาแก่พวกนั้นบดขยี้จนไม่เหลืออะไรแล้ว
คำพูดของพ่อในครั้งนี้ ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกตัว แม้ว่าในโลกมนุษย์เขาจะเป็นผู้ไร้เทียมทาน แต่หากอยู่ในแดนทวยเทพ เยี่ยเทียนก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป ฉะนั้นการถ่อมตัว ไม่ว่าจะอยู่โลกไหน ย่อมเป็นสิ่งที่พึงมี!
“เหล่าฉาง พวกนายรออยู่ด้านนอกเถอะ ในเรือนของผม ยังไม่ปลอดภัยอีกเหรอ”
ตอนเดินเข้ามาด้านใน เยี่ยเทียนหันกลับไปทักฉางเฮ่า และยังมีอีก 7-8 คนยืนเฝ้าประตูอยู่ตรงนั้น เยี่ยเทียนพบว่าคุณอาของเขา เวลาเดินยังต้องเดินอย่างเงียบๆ เยี่ยเทียนไม่ชอบให้เรื่องของตัวเองกระทบไปถึงคนอื่นแบบนี้เลย
“ครับคุณเยี่ย พวกเราจะไปรอด้านหน้าครับ!”
หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดแบบนั้น ฉางเฮ่าลังเลไปครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาทราบดีว่าสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดนั้นเป็นความจริง ถ้าหากเยี่ยเทียนยังจัดการอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นไม่ได้ งั้นพวกเขาก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วล่ะ
“เสี่ยวเยี่ย ขออภัยที่มารบกวน”
ท่านประธานเยวี่ยที่นั่งอยู่แล้ว พอได้ยินบทสนทนาด้านนอกเขาจึงลุกขึ้นและเดินออกไป กล่าวว่า
“พวกเขาทำตามหน้าที่ เธออย่าใส่ใจเลยนะ บางทีคำสั่งของฉัน พวกเขาก็ไม่ฟังหรอก”
ยังมีชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งเดินตามหลังท่านประธานเยวี่ย เขาไม่เคยพบเยี่ยเทียนมาก่อน พอได้โอกาสจึงมองเยี่ยเทียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส่วนสาเหตุที่ท่านประธานพาเขามาที่นี่ด้วย เพราะใจของคนคนนี้เต็มไปด้วยความสงสัย
“ไม่เป็นไรครับท่าน เชิญด้านในครับ!”
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้นำของประเทศ เยี่ยเทียนไม่กล้าละเลยต่อหน้าที่ เพราะตั้งแต่โบราณเคยมีคำกล่าวว่า กษัตริย์กริ้ว เลือดไหลเป็นพันลี้ ถึงแม้ตัวเขาจะปลอดพ้นจากพันธนาการทางโลกได้ แต่คนในครอบครับยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้
“ท่านนี้คือคุณฮานหรือเปล่าครับ”
เยี่ยเทียนหรี่ตามองเขาและพูดว่า
“คุณฮานกระดูกปูดโปนกระทั่งใบหน้าจรดศีรษะ ดวงตาเรียบยาวดุจแม่น้ำ ปากกว้างลึกดุจมหาสมุทร รูปลักษณ์แห่งดวงตะวัน อิริยาดุจมังกร ภายหลังจะได้ดี!”
เยี่ยเทียนตกตะลึงทีเดียวหลังจากเห็นคนคนนี้ เมื่อก่อนเขาเคยเห็นแค่ในทีวี แต่พอได้เจอตัวจริง เยี่ยเทียนพบว่าเขามีรูปลักษณ์ที่จักรพรรดิพึงมี ถ้าเขาดูไม่ผิด ในภายหลังคนคนนี้อาจรับตำแหน่งต่อจากท่านประธานเยวี่ย
“คุณเยี่ยชมเกินไป”
แม้ว่าฮานเจิ้งปังอายุยังไม่มาก แต่เขาเป็นคนใจเย็นมาก เขาเป็นคนของตระกูลสีแดง (ตระกูลการเมือง)อยู่แล้ว และเคยได้ยินเรื่องของเยี่ยเทียนมาก่อน แม้กระทั่งคลิปวิดีโอในฐานทัพใต้ดินเขาก็เพิ่งรับชมไปไม่นานนี้
แต่เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์มาก่อน ฉะนั้นเขาจึงไม่รู้จักเยี่ยเทียน จนท่านประธานพาเขามาด้วยในวันนี้ เขาถึงรู้ว่าเยี่ยเทียนมีความสำคัญแค่ไหน เพราะเขาสัมผัสได้ว่า ถ้าวันนี้เยี่ยเทียนพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเขา เส้นทางการไต่ขึ้นจูดสูงสุดของเขาจักต้องพบอุปสรรคเป็นแน่
พอคิดถึงตรงนี้ แผ่นหลังของฮานเจิ้งปังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขากล่าวว่า
“ได้ยินชื่อเสียงลือนามของคุณเยี่ยมานาน ได้พบวันนี้ ถือว่าเป็นเกียรติของผมมากครับ!”
“คุณฮานก็พูดเกินไป เราอย่าชมกันไป ชมกันมาอีกเลยครับ เชิญ เข้ามาชิมใบชาของผมก่อน”
เมื่อเชิญท่านประธานเยวี่ยนั่งเสร็จ เยี่ยเทียนเข้าไปหยิบใบชาออกจากในห้อง และกล่าวว่า
“ถ้าท่านทั้งสองไม่มา ผมก็ยังไม่กล้าหยิบชานี้ออกมา”
“เสี่ยวเยี่ย ใบชานี้มีอะไรพิเศษหรือ”
เยวี่ยเจิ้งตงกำลังอยู่จุดสูงสุดของชีวิต ยังมีชาชั้นดีอะไรอีกที่เขาไม่เคยเจอ พอเยี่ยเทียนพูดแบบนั้น เขาก็อดที่จะถามไม่ได้ ส่วนจุดประสงค์การมาที่นี่ในวันนี้ ไม่รีบร้อนที่จะพูดออกมา
“เดี๋ยวผมชงให้ท่านดื่มเสร็จ ท่านก็จะรู้เองครับ”
เยี่ยเทียนยิ้ม หยิบกาดินเผาสีแดงที่มีน้ำแร่บริสุทธ์เพิ่งต้มจนเดือดขึ้นมา ราดและชำระแก้วใสสามใบจนสะอาด จากนั้นหนีบใบชาออกมาใส่แก้วทั้งสามอย่างพิถีพิถัน
หลังจากเทน้ำร้อนเสร็จ กลิ่นหอมสดชื่นจากใบชาลอยขึ้นมาแตะจมูกทุกคนในทันใด และสิ่งที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจก็คือ ขอบแก้วใสนั้น มีหมอกสีขาวลอยขึ้นบางๆ เกาะกลุ่มไม่แตกตัว และห่อหุ้มแก้วใสเอาไว้ ราวกับชาอมตะ
“ทั้งสองท่าน ลองชิมดูครับ!”
เยี่ยเทียนยกแก้วของตัวเองขึ้น ปากแตะที่ขอบแก้ว จิบเบาเบา เขาไม่ได้กล่าวเท็จ ชานี้เขาเก็บมาจากเกาะ “เผิงไหลา” ในใบชามีปราณวิเศษสวรรค์ธรณีหล่อเลี้ยง มีส่วนช่วยให้จิตใจสะอาดปลอดโปร่งอายุยืน ช่วยขับไล่สิ่งปนเปื้อนในร่างกาย และช่วยเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ถึงแม้ใบชาชนิดนี้ เมื่ออยู่ในเกาะ “เผิงไหล” มันไม่ใช่สิ่งของหายาก ตอนนั้นเยี่ยเทียนเด็ดกลับมาจำนวนไม่น้อย แต่ตอนหนีออกจากเกาะ ใบชาที่เก็บไว้ในกระเป๋าของเหลยหู่หายไปเกือบหมด ส่วนที่เหลืออยู่ เคยโดนน้ำทะเลมาก่อน ทำให้ประโยชน์ของมันเทียบกับตอนนั้นไม่ได้เลย
“นี่มันคืองานศิลปะ ไม่กล้าดื่มเลย!”
หลังจากชงชาเสร็จ ท่านประธานเยวี่ยกับฮานเจิ้งปังแสดงสีหน้าหลงใหลออกมาพร้อมกัน เขาทั้งสองที่ยังไม่ทันลิ้มรส ความสดชื่นนั้นได้ซึมเข้าไปถึงปอดจนทำให้พวกเขารู้สึกร่างกายเบาหวิวขึ้นมาในทันทีทันใด
“ชาดี!”
ท่านประธานจิบเบาเบาตามเยี่ยเทียน ทันใดนั้นสีหน้าของท่านประธานเยวี่ยก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม หลังจากน้ำชาอึกนี้เข้าไปในปากแล้ว เขารู้สึกมีความร้อนกำลังแผ่ออกตามแขนและขา เขารู้สึกสบายมากจนเกือบครางเป็นเสียงออกมา
“นี่มันชาของเซียนเลยนะ!”
ใบหน้าของฮานเจิ้งปังก็ตกตะลึงออกมาด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสตระกูลเขา ก็เคยเป็นผู้นำระดับประเทศมาก่อน ของใช้ในบ้านมีแต่ของดีอยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยได้ดื่มชาที่ดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนเกิดใหม่แบบนี้มาก่อน
หลังจากทั้งสองคนดื่มน้ำชาจนหมด ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลิ้มรสสัมผัสร่างกายที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ ตอนนี้พวกเขารู้สึกแค่ว่าร่างกายได้รับการผ่อนคลายเป็นอย่างมากเหมือนแทบจะลอยขึ้นบนฟ้าปานนั้น
เวลาผ่านไป 7-8 นาทีเต็ม ท่านประธานเยวี่ยลืมตาขึ้น ส่ายหัวและพูดว่า
“เยี่ยเทียน ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงดื่มดำในธรรมชาติ ถ้าฉันได้ดื่มชานี้ทุกวัน ฉันก็คงไม่อยากยุ่งเรื่องวุ่นวายบนโลกนี้แล้วเหมือนกัน”
“ท่านประธานเยวี่ย ผมว่าท่านกลับไปโลกมนุษย์เถอะครับ”
หลังจากได้ยินท่านประธานพูดแบบนั้น เยี่ยเทียนพูดทีเล่นทีจริงว่า
“ชานี้ ขนาดพ่อผมยังไม่ได้ดื่มเลย เพราะกลัวว่าพวกท่านได้ดื่มแล้วจะลืมไม่ลง ผมไม่มีที่ให้ไปเก็บแล้วนะครับ”
ที่จริงด้วยพลังวิชาของเยี่ยเทียนตอนนี้ เขาสามารถตั้งค่ายกลไว้ในหุบเขากลางป่าสักแห่งหนึ่ง จากนั้นป้อนปราณวิเศษเข้าไปยังใบชาและผลไม้ แม้ว่าผลผลิตที่ได้อาจไม่เหมือนกับในเกาะ “เผิงไหล” แต่ในสายตาของท่านประธานเยวี่ย ก็ถือว่าเป็นผลผลิตชั้นยอดเลยล่ะ
แต่นิสัยเกียจคร้านของเยี่ยเทียน เขาไม่ยอมไปทำเรื่องนั้นแน่นอน เขาให้คนไปเก็บใบชามาให้ แล้วทำการคั่วเอง ระหว่างที่คั่ว เขาเพิ่มปราณวิเศษเข้าไปด้วย แม้ว่าผลประโยชน์อาจไม่เท่าใบชาแบบนี้ แต่ก็พอดื่มได้
“ฉันไม่ได้จะขอเธอหรอกน่า เธอไม่ต้องพูดขนาดนั้นก็ได้”
พอได้ยินว่าใบชานี้หมดแล้ว สีหน้าของท่านประธานเยวี่ยไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขายิ้มและกล่าวว่า
“ที่ฉันมาในวันนี้ อันดับแรก ฉันอยากแนะนำเสี่ยวฮานให้เธอรู้จัก เขาเพิ่งจะได้รับเข้าเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง พวกเธอสองคนรู้จักกันไว้นะ”
เยี่ยเทียนมองไม่ผิดจริงๆ ฮานเจิ้งปังถูกฝึกให้เป็นผู้นำคนต่อไป และดูเหมือนทุกอย่างจะถูกกำหนดไว้แล้ว ถ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาคงไม่สามารถมาหาเยี่ยเทียนได้ เพราะระดับความลับในตัวของเยี่ยเทียน สูงพอกับท่านประธานเยวี่ยเลยทีเดียว นอกจากคนไม่กี่คนแล้ว ไม่มีใครสามารถค้นหาข้อมูลของเขาได้
“ยินดีด้วยครับคุณฮาน”
เยี่ยเทียนพยักหน้าให้กับฮานเจิ้งปัง เขาเข้าใจความหมายของท่านประธานเยวี่ยดี การที่แนะนำฮานเจิ้งปังให้กับเขา นั่นแสดงถึงว่า ประเทศให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างมาก และไม่ว่าใครดำรงตำแหน่งอยู่ เขาคนนั้นก็จะไม่ยุ่งกับตนแน่นอน
บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง ท่านประธานเยวี่ยพูดต่อ
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ฉันมีเรื่องสำคัญมากจะมาขอความช่วยเหลือ หวังว่าเธอจะยอมช่วย เพราะมันเกี่ยวพันถึงศักดิ์ศรีของประเทศ!”
“ท่านประธานเยวี่ย ท่านอย่าโยนปัญหาให้ผมเลยนะครับ ไหล่ของผมนั้นอ่อนแอมาก แบกรับหน้าที่อันหนักอึ้งนี้ไม่ไหวหรอกครับ”
เยี่ยเทียนปัดมือปฏิเสธคำพูดของท่านประธาน เขาพูดต่อว่า
“เรื่องที่ยุโรปใช่ไหมครับ ที่จริงให้พวกเขาทะเลาะกันเองก็ได้นะครับ ถ้ามาถึงเขตประเทศจีนจริงๆ ถึงผมจะไม่ออกหน้า ก็ต้องมีคนไม่ยอมแน่นอน”
เยี่ยเทียนรู้สึกถึงบางอย่าง หลังจากฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้ว่าปราณวิเศษดินแทนทวยเทพจะเจือจาง แต่ยังมีผู้ฝึกพลังวิชาระดับเซียนเทียนอาศัยอยู่ ก็เหมือนกับยอดฝีมือที่หลบซ่อนอยู่ในเทือกเขาชิงเฉิง ที่ซึ่งหนานไหวจิ๋นเคยเล่าให้ฟัง เขาน่าจะยังอยู่ที่นั่นไม่เคยจากไปไหน
ตั้งแต่เข้าสู่ยุคสมัยปัจจุบัน ประเทศจีนต้องประสบความยากลำบากมากมาย แต่พอมาถึงวันนี้ นิกายต่างประเทศบางนิกายไม่สามารถอยู่ประเทศจีนต่อไปได้ หากเป็นไปตามที่เยี่ยเทียนทำนาย เรื่องนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นเป็นแน่
พอได้ยินคำตอบของเยี่ยเทียน ท่านประธานเผยสีหน้ายิ้มอย่างขมขื่น ส่ายหัวและกล่าวว่า
“เยี่ยเทียน หิวตายเรื่องเล็ก เสียศักดิ์ศรีนั้นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญ พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้!”
………………………..