“เหล่าถัง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณ คุณมาก ตอนนี้ผมอยู่ที่เคปทาวน์”
ค่ายกลวิเศษที่เยี่ยเทียนได้วางไว้ในฮ่องกงแทบจะถูกพวกศิษย์พี่ทั้งหลายของเขายึดไปแล้ว แม้แต่ถังเหวินหย่วนเองก็ได้ประโยชน์ไปไม่น้อย ดังนั้นสำหรับถังเหวินหย่วน เยี่ยเทียนจึงไม่ได้รู้สึกเกรงอกเกรงใจเขาแม้แต่น้อย
“เยี่ยเทียน วางใจเถอะ หลังจากนี้สองวันเครื่องบินส่วนตัวจะไปจอดรอที่สนามบินนานาชาติเคปทาวน์ เธออยากจะออกมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ก็ได้”
ถังเหวินหย่วน ตบอกตัวเองรับประกัน เขาพักที่คฤหาสถ์ของเยี่ยเทียนกว่าครึ่งปี ตัวเขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กระบนใบหน้าจางหายไปหมด ร่างกายก็คล่องแคล่วกระปรี้กระเปร่ากว่าเดิมมาก ดูภายนอกเหมือนคนอายุเพิ่งห้าสิบกว่าๆ
ถังเหวินหย่วนอายุเกือบแปดรอบแล้ว อยู่มาจนถึงปูนนี้ จึงมองเงินทองเป็นของนอกกาย มีแต่ความเป็นความตายเท่านั้นที่เขาให้ความสำคัญ อย่าว่าแต่ให้เยี่ยเทียนยืมเครื่องบินเลย หากเยี่ยเทียนต้องการทรัพย์สินทั้งหมดของเขา เขาก็คงทำบัญชีแล้วยกให้แต่โดยดี
เยี่ยเทียนรู้เรื่องนี้ดี เขายิ้มแล้วตอบว่า “เหล่าถัง เรื่องนี้อย่าบอกพวกศิษย์พี่ของผมนะ รอจนผมกลับไปแล้วมีเรื่องจะทำให้ประหลาดใจ!”
หลายวันก่อนเยี่ยเทียนผูกดวงทำนาย ถึงคำนายจะไม่ชัดเจน เขากลัวว่าโก่วซินเจียจะรู้ถึงที่ลี้ภัยของตนแล้วจะตามเขามาถึงเคปทาวน์นี่ ถ้าเป็นอย่างนั้นหากเกิดอะไรขึ้น เยี่ยเทียนจะไม่สามารถดูแลพวกเขาได้อย่างทั่วถึง
ถังเหวินหย่วนได้ยินแล้วก็หัวเราะ “ฉันรู้น่า ความจริงอาจารย์โก่วน่ะทำนายออกมาได้แล้วว่าเธอปลอดภัยดี เป็นฉันเองที่ร้อนใจอยู่หลายวัน”
หลังจากเหตุการณ์ในรัสเซียเกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ ถังเหวินหย่วนเดือดเนื้อร้อนใจจนนั่งไม่ติด โก่วซินเจียผูกดวงทำนายแล้วเห็นว่าเยี่ยเทียนเป็นคนมีวาสนาดี ยังอยู่รอดปลอดภัย ถังเหวินหย่วนถึงได้วางใจ
“อ้อ ฝีมือการผูกดวงทำนายของศิษย์พี่ใหญ่พัฒนาขึ้นอีกแล้ว?” ได้ยินดังนั้นแล้วเยี่ยเทียนรู้สึกละอายใจ
สำนักเสื้อป่านของเขาสืบทอดวิชาผูกกว้าทำนายดวงชะตา แต่เจ้าสำนักอย่างเยี่ยเทียนกลับไม่ตั้งใจทำงานหลัก แม้ว่าการฝึกวิชาของเขาจะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ในโลกของระดับเซียนเทียนที่ขาดพลังธรรมชาติจากฟ้าดิน หลายปีมานี้เขาไม่ค่อยทำงานด้านการทำนายมากนัก
แต่ผิดกับโก่วซินเจีย หลังจากได้รับถ่ายทอดวิชาทำนายของอาจารย์จากเยี่ยเทียน ไม่ว่าจะเรื่องค่ายกลหรือเรื่องการผูกกว้าทำนายล้วนใช้เวลาศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง เขาไม่มีลางสังหรณ์เตือนภัยอันตรายที่แม่นเท่าเยี่ยเทียน แต่เรื่องการทำนายลิขิตฟ้านั้นพัฒนานำเยี่ยเทียนไปหลายขุม
“ศิษย์พี่โก่วของเธอตอนนี้ดังจะตาย ในหมู่คนมีเงินในเกาะฮ่องกงต่างอยากจะมาหาศิษย์พี่ของเธอเพื่อทำนายดวงชะตาสักครั้ง หลายวันก่อนหลี่เซิงยังมาหาฉัน ให้ฉันเชิญศิษย์พี่โก่วของเธอทำนายชะตาให้เขาอยู่เลย”
ถังเหวินหย่วนให้ความเคารพโก่วซินเจียอย่างจริงใจ ด้วยฐานะของเขาในเกาะฮ่องกงถึงจะด้อยกว่าพวกหลี่เชา เหริน แต่ทุกคนรู้ว่าเขามีสัมพันธ์อันดีกับจั่วเจียจวิ้นและอาจารย์โก่ว ทำให้เขาดูมีภาษีขึ้นมา ไม่ว่าพบใครก็ต้องให้ความเกรงอกเกรงใจ
“ดีสิ กลับไปผมจะต้องไปขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่”
ได้ยินดังนั้นเยี่ยเทียนยิ้มแหย สำนักของเขาดูจะไม่ผ่านเกณฑ์ เขาตามหาพวกศิษย์พี่เจอมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ได้วางแผนอนาคตของสำนักไว้เลย จนวันนี้เขาได้รับโจวเซี่ยวเทียนเป็นลูกศิษย์ การเผยแพร่ชื่อเสียงของสำนักยังต้องให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนออกโรงเอง
หลังจากปรึกษารายละเอียดกับถังเหวินหย่วนแล้วเยี่ยเทียนก็วางสาย รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนในหน้า
อีกสามวันพาสปอร์ตของเยี่ยเทียนจะได้กลับคืนมา เขาคิดว่าก่อนจะจากที่นี่ไปต้องจัดการเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงเขามาหลายปี คนที่ชอบแทงข้างหลังถ้าถูกเอาคืนบ้างคงจะทรมานน่าดู
………………
“คุณคือคุณจ้าวใช่ไหมครับ? ผมชื่อหวาจวิน เป็นไกด์นำทางพาคุณไปท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ในครั้งนี้!”
เช้าวันรุ่งขึ้น เยี่ยเทียนได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เปิดประตูออก ตรงหน้าเป็นชายเชื้อสายจีนอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ดูท่าทางไม่ต่างจากเขามาก
“คุณจ้าว? อ๋อ คุณมาหาผม”
เยี่ยเทียนรู้สึกไม่ชินกับชื่อปลอมของตัวเอง เขาหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วพูดต่อว่า “ไม่ใช่ว่าแปดโมงเช้าไปเจอกันที่ล็อบบี้หรือ? ตอนนี้แต่เจ็ดโมงสี่สิบนาทีเอง ยังไม่ถึงเวลานัดเลย?”
หวาจวินยิ้มตอบ “คุณจ้าว ลูกทัวร์ที่จะไปเส้นทางนี้มีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ผมคิดว่ามีบางเรื่องที่ต้องบอกคุณล่วงหน้าก่อน”
“มีผมคนเดียว? ทริปท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ไม่น่าเงียบเหงาขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนอึ้งไป เขากับอวี๋ชิงหย่าเคยไปร่วมเดินทางกับคณะทัวร์ รู้ว่าในแต่ละการเดินทางจะต้องมีลูกทัวร์อย่างน้อยสิบกว่าคน การที่มีเขาเพียงคนเดียว หัวหน้าทัวร์ไม่ต้องติดตามเขาไปทุกที่เลยเหรอ?
“คุณจ้าวครับ คนที่จะไปเที่ยวแอฟริกาใต้นั้นมีไม่น้อย”
หวาจวินยิ้มแหย “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของแอฟริกาใต้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไปทะเลเพื่อพักร้อนกัน ไม่มีใครอยากไปเที่ยวเหมืองทองกันหรอกครับ…..”
พูดกันตามจริง หวาจวินเองก็สงสัยในตัวเยี่ยเทียนมาก เดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมของแอฟริกาใต้นั้นอากาศร้อนระอุอย่างกับอยู่ในตู้อบ ยิ่งลึกลงไปในเหมืองทองใต้ดินหลายร้อยเมตร อากาศยิ่งอบอ้าว อย่าว่าแต่ลงไปเลย แค่ไปถึงที่นั่นก็ร้อนจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว
บางครั้งมีพวกนักธรณีวิทยามาสำรวจ ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐคอยดูแลอำนวยความสะดวกและไปในเหมืองทองแค่ไม่กี่แห่ง เยี่ยเทียนเลือกเส้นทางที่เรียงรายด้วยเหมืองทอง มีเขาคนเดียวที่เลือกแบบนี้ จะหาใครร่วมเดินทางไปกับเขานั้นไม่มี
ตอนแรกหวาจวินไม่อยากรับงานนี้ แต่ตอนที่เขากำลังจะปฏิเสธนั้น มีคนมาหาเขาถึงบ้าน ให้ราคาที่สูงเกินกว่าที่เขาจะปฏิเสธได้ เงินจำนวนนั้นสูงกว่าการที่เขารับทัวร์จำนวนร้อยคนหลายเท่าตัว
“เชิญเข้ามาก่อน มีเรื่องอะไรที่คุณจะบอกให้ผมเตรียมตัว?”
เยี่ยเทียนกวาดตามองหวาจวินแล้วสัมผัสได้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้อายุน้อยกว่าเขาและไม่มีความประสงค์ร้ายใดๆ แต่ผิวคล้ำแดดแสดงว่าเขามักทำงานนำทัวร์ท่องเที่ยวอยู่กลางแจ้งเป็นประจำ
“คืออย่างนี้ครับ คุณจ้าว การเดินทางของพวกเราไปเหมืองทองครั้งนี้ นอกจากเหมืองร้างที่เป็นจุดท่องเที่ยวหลายแห่งในโยฮันน์เนสเบิร์กแล้ว เหมืองทองอื่นๆยังเปิดทำการอยู่ พวกเขามีกฎที่เข้มงวดอยู่มาก ผมหวังว่าคุณจ้าวจะเคารพตามกฎของพวกเขานะครับ อย่าหาเรื่องให้เกิดปัญหาตามมา…”
หวาจวินเป็นเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวคนหนึ่งของจีน แต่เขาเกิดที่แอฟริกาใต้ จึงรู้จักคุ้นเคยกับสังคมและวัฒนธรรมของที่นี่เป็นอย่างดี เขาจึงแนะนำให้เยี่ยเทียนได้เข้าใจ
แอฟริกาใต้เหมือนกับอเมริกาที่การครอบครองปืนนั้นถูกกฎหมาย ทั้งยังไม่ค่อยเข้มงวด ตลาดมืดขายปืนมีอยู่เต็มเมือง ใช้เงินเล็กน้อยเท่าราคากระโปรงตัวหนึ่งก็สามารถซื้อปืนมาครอบครองได้แล้ว ในเขตที่อยู่ของคนดำ จะมีคดียิงกันตายเกิดขึ้นเกือบทุกวัน
ในเหมืองทอง เหมืองเพชรเป็นแหล่งผลิตทองคำและอัญมณีที่มีค่า การดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เกือบทุกเหมืองจะมีเจ้าหน้าที่ที่ติดอาวุธเดินตรวจตราความเรียบร้อย พวกเขามีสิทธิ์จะยิงใครก็ได้ที่ลุกล้ำเข้าไปในเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นหากคิดอยากจะทำธุรกิจเหมืองทองที่นี่ ถ้าไม่มีเส้นสายก็อย่าหวังเลย
หวาจวินพาเยี่ยเทียนเข้าไปดูในเหมืองเพียงไม่กี่แห่ง แม้จะเป็นเหมืองที่คนเชื้อสายจีนมาลงทุน จึงสามารถเจรจาได้ง่ายหน่อย แต่มีบางเขตที่ยังมีการขุดเพชรอยู่นั้น ยังไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเด็ดขาด หวาจวินบอกให้เยี่ยเทียนรับทราบถึงข้อนี้
ฟังจบแล้วเยี่ยเทียนก็เงียบไปพักใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นผมสามารถลงไปดูในเหมืองที่ขุดอยู่ได้ไหม?”
จากประสบการณ์ในไซบีเรีย เยี่ยเทียนพบว่าไม่ว่าในสายแร่ทองคำจะมีพลังธรรมชาติหรือไม่ ในเขตเหมืองนั้นมีการเปล่งอนุภาคบางอย่างออกมา อนุภาคบางชนิดทำร้ายร่างกายคน บางชนิดก็ไม่มีผลเสีย แต่มันล้วนสกัดกั้นไม่ให้เขาใช้ดวงจิตเข้าไปสอดส่องได้
ต่อให้การฝึกวิชาของเยี่ยเทียนเข้าสู่ขั้นกลางของระดับเซียนเทียนแล้ว แต่ในเหมืองแร่ ดวงจิตของเขาอย่างมากก็ส่งออกไปได้ไกลสุดไม่เกินสามสิบเมตร
กับสายแร่ทองคำในไซบีเรียที่ปรากฏออกมาเหนือพื้นดินนั้นเขาใช้พลังจิตได้เต็มที่ แต่ในแอฟริกาใต้นี้ เหมืองทองแห่งหนึ่งลึกตั้งหลายร้อยเมตร เยี่ยเทียนคิดอยากจะใช้ดวงจิตลงไปสอดส่องดูนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
“เอ่อ….คือ….”
หวาจวินทำหน้าลำบากใจ แต่คิดถึงคำสั่งของเจ้านายแล้วเอ่ยปากตอบไปว่า “เรื่องนี้ผมต้องคุยกับทางเหมืองอีกที ถ้าพวกเขายินยอม เราก็ลงไปได้”
ความต้องการของเยี่ยเทียนความจริงแล้วที่ผ่านมาพวกนักท่องเที่ยวต่างร้องขอกันอยู่บ่อยๆ พวกเขาไม่รู้ว่าเหมืองทองหน้าตาเป็นอย่างไร จึงอยากรู้อยากเห็น แต่น้อยมากที่ทางเหมืองจะยินยอมให้นักท่องเที่ยวลงไปดูถึงใต้เหมืองที่ขุดทอง
เหมืองที่ร่ำรวยบางแห่ง มักจะขุดพบสายแร่ทองบริสุทธิ์ได้บ่อยครั้ง ยิ่งทำให้ความปลอดภัยในการทำงานมีสูงมากขึ้น คนงานที่ขึ้นมาจากบ่อทองนั้นจะต้องถูกตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียดทุกครั้ง
ตามวิทยาการที่ก้าวหน้า ปัญหานี้ถูกทำให้หมดไป ถ้าพวกเขาพกทองคำติดตัวออกไปสักเศษเสี้ยว เครื่องตรวจจับโลหะก็จะตรวจจับได้ทันที
ดังนั้นเหมืองบางแห่งหรือแม้กระทั่งการขุดถ้ำเหมืองเพื่อให้นักท่องเที่ยวลงไปเที่ยวชมนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นถ้ำเหมืองที่ถูกขุดทองไปหมดแล้ว และอีกอย่างพวกเขาไม่ยอมให้พวกนักท่องเที่ยวไปขัดขวางเวลาทำงานของคนงานขุดทอง
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ในฤดูนี้ ภายในถ้ำเหมืองเป็นดั่งนรกดีๆ กลางวันร้อนจัด กลางคืนหนาวจัด อากาศขมุกขมัว คนธรรมดาถ้าได้ลงไปแล้ว จะไม่อยากไปเป็นครั้งที่สองอีก หวาจวินคิดว่าเยี่ยเทียนคงไม่ได้อยากลงข้างใต้เหมืองทุกเหมืองหรอก
“ได้ ผมเข้าใจแล้ว ถึงตอนนั้นผมหวังว่าคุณจะติดต่อดำเนินการให้ผมด้วย”
เยี่ยเทียนพยักหน้า สายแร่ทองคำปกติจะแผ่ขยายออกไปอย่างสมดุล ถ้ามีสายพลังธรรมชาติอยู่ละก็ แน่นอนว่าจะต้องอยู่ใต้สายแร่ เพียงแค่ได้เข้าไปด้านใน เยี่ยเทียนจะสามารถรู้ได้ว่ามีสายพลังธรรมชาติหรือไม่
มองดูเวลาแปดโมงกว่าแล้ว เยี่ยเทียนเก็บเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนติดตัวไปไม่กี่ชุด แล้วตามหวาจวินออกจากโรงแรมไป หน้าประตูโรงแรมมีรถตะลุยป่ากลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งจอดรออยู่
…………………………………….