ตอนที่ 747 เพื่อนเก่า
ดินแดนซาไบคัลสกี เดือนมีนาคม ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
ถึงแม้อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจาก -40 องศาในเดือนมกราคม เป็น -10 กว่าองศาแล้วก็ตาม ตอนที่เดินลงจากเครื่องบิน ปราณแท้ภายในร่างกายของเยี่ยเทียนก็เริ่มทำงานอัตโนมัติ เพื่อต่อต้านความหนาวเย็นที่เย็นไปถึงกระดูก
สนามบินแห่งนี้ถูกสร้างใหม่โดยมีเค้าโครงเดิมเป็นสนามบินทหารโดยเฉพาะ เที่ยวบินค่อนข้างน้อย ในสนามบินที่ไม่ใหญ่มาก มีเพียงเครื่องบินส่วนตัวของเยี่ยเทียนจอดเอาไว้
เพิ่งลงจากเครื่องบิน ก็มีออฟโรดเต็มไปด้วยเขม่าควันรถแล่นมาจอดข้าง ๆ เยี่ยเทียน มาลาไกย์ ลงมาจากรถและพูดว่า “บอสส์ครับ ผมหารถได้แค่แบบนี้เองครับ”
โบราณเคยกล่าวไว้ว่างูมีทางของงู หนูมีทางของหนู มาลาไกย์มาถึงที่นี่ตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน เขายังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่มอสโควบ้าง
“ใช้ได้ก็พอ ไปกันเถอะ ! ” เยี่ยเทียนส่ายหัว และขึ้นไปนั่งข้างคนขับ พูดอีกว่า “สถานที่กักกันต่งต้าจ้วงยังไม่เปลี่ยนใช่มั้ย ? เราไปที่นั่นกัน ”
มาลาไกย์ยิ้มอย่างขมขื่นหลังจากได้ยินเยี่ยเทียนถามแบบนั้นตอบว่า “บอสส์ครับ วันนี้คงไม่ได้แล้วครับ เพื่อนของผมบอกว่า ต่งต้าจ้วงถูกย้ายไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ได้ข่าวว่าถูกส่งไปค่ายไซบีเรียครับ”
จะมีคนกลุ่มหนึ่งประทังชีวิตด้วยการหาเงินจากการขายข้อมูล และข้อมูลกักขังตัวต่งต้าจ้วงครั้งก่อน มาลาไกย์ก็ได้ข้อมูลมาจากคนกลุ่มนี้เหมือนกัน
—————————————
“งั้นไปค่ายไซบีเรียเลยก็แล้วกัน ขอไปดูสักหน่อย ! ”
เยี่ยเทียนพูดออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ขอแค่ต่งต้าจ้วงไม่ได้ถูกขังไว้ในค่ายทหารที่มีการป้องกันอย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม สำหรับเยี่ยเทียนแล้วมันไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่เลย
“บอสส์ครับ ปัญหาคือผมไม่รู้ว่าค่ายที่ต่งต้าจ้วงอยู่มันคือค่ายไหนครับ”
มาลาไกย์มีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกออกมาและพยายามอธิบายไปว่า “ในไซบีเรียมีค่ายฝึกอย่างน้อย 20 กว่าที่ ล้วนแต่กระจัดกระจายอยู่ในเขตต่าง ๆ ค่ายที่ไกลที่สุดห่างจากที่นี่อย่างน้อยก็หนึ่งวันการเดินทาง”
ด้วยความพิเศษของตำแหน่งที่ตั้งกับสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น ไซบีเรียเป็นที่ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่แต่คนน้อยมาโดยตลอด
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ทะเลสาบซาไบคัลสกีตะวันออกเฉียงใต้เป็นของประเทศจีนทั้งหมด เพราะในตอนนั้นฮ่องเต้คิดว่าที่ตรงนั้นเป็นแค่ดินแดนแห้งแล้ง จึงได้แบ่งให้รัสเซียไป
เยี่ยเทียนปิดตาลงและเริ่มพยากรณ์ สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่ตำแหน่งที่ต่งต้าจ้วงอยู่ เยี่ยเทียนเริ่มขมวดคิ้ว มองมาลาไกย์และพูดว่า “เมื่อไหร่จะได้ข้อมูลที่อยู่ของต่งต้าจ้วง ? ”
มาลาไกย์คิดไปครู่หนึ่งและตอบว่า “เร็วที่สุดสองวันครับบอสส์ ที่นี่คนน้อยมาก เวลารวบรวมข้อมูลอะไรจะค่อนข้างลำบาก”
“สองวันเลยเหรอ ? ผมรอไม่ไหวหรอก” เยี่ยเทียนนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หมู่บ้านคารอนเบลรู้จักมั้ย ? ห่างจากตรงนี้เท่าไหร่ ? ”
“รู้จักครับ ห่างจากที่นี่ประมาณสามชั่วโมงครับ” มาลาไกย์มองเยี่ยเทียนแปลก ๆ และพูดว่า “บอสส์ครับ ต่งต้าจ้วงไม่น่าจะถูกขังไว้ที่นั่นนะครับ”
มาลาไกย์ไม่เข้าใจว่าเยี่ยเทียนรู้จักชื่อหมู่บ้านนี้ได้อย่างไร แต่เขารู้ว่า ที่นั่นใกล้ทะเลสาบซาไบคัลสกี คนที่อยู่อาศัยตรงนั้นล้วนแต่เป็นชาวประมงที่สืบทอดต่อกันมาหลายรุ่น
ชาวประมงเหล่านี้ยึดมั่นในหลักประเพณีของตน และค่อนข้างสันโดษ นอกจากค้าขายปลาที่จับได้แล้ว น้อยมากที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอก
เมื่อก่อนผู้อำนวยการฝ่ายการท่องเที่ยงของเมือง อยากจะพัฒนาที่ตรงนั้นให้เป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว สุดท้ายกลับต้องเปลี่ยนใจเพราะถูกชาวบ้านเอาปืนจ่อหัว
ถ้าจะบอกว่าคนที่คุมต่งต้าจ้วงพาเขาไปซ่อนไว้ที่นั่น มาลาไกย์ไม่มีทางเชื่อแน่ ๆ เพราะแม้แต่ทหารที่แต่งตัวเต็มยศ ก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้
“ผมรู้ว่าต่งต้าจ้วงไม่ได้อยู่ที่นั่น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ผมจะไปหมู่บ้านคารอนเบล ? ” เยี่ยเทียนมองมาลาไกย์ และพูดเบา ๆ ว่า “ออกรถเถอะ ! ”
“ครับ บอสส์”
มาลาไกย์เป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย แต่สายตาอันเย็นชาที่มาจากข้างในของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ ทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาเหยียบคันเร่งและขับรถออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว
เส้นทางถนนจากสนามบินไปหมู่บ้านคารอนเบลค่อนข้างดีทีเดียว แต่สองข้างทางเปล่าเปลี่ยวไปหน่อย ด้วยอุณหภูมิที่ติดลบตลอดปี ทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ค่อนข้างลำบาก
หิมะข้างทางยังไม่ละลาย ต้นไม้ใหญ่แทบจะไม่มี สิ่งที่มองเห็นก็มีแต่ดินแข็งที่ถูกหิมะหุ้มไว้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้เยี่ยเทียนเข้าใจทันทีว่าเหตุใดเฉินสี่ฉวนถึงต้องการเงินหมุนมากขนาดนั้น
การขุดเหมืองแร่ในพื้นที่แบบนี้ จะต้องใช้กำลังคนและเงินทุนที่มากกว่าพื้นที่ทั่วไปหลายเท่าหรือมากกว่าสิบเท่า แน่นอน ถ้าเริ่มขุดแล้วดินแข็งที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งไว้ผืนนั้น จะตอบแทนด้วยเงินมหาศาลเช่นกัน
เยี่ยเทียนเดินทางมาถึงไซบีเรียตอนกลางคืน ตอนที่ลงจากเครื่องบิน เป็นช่วงเวลาตีสองกว่า เมื่อรถแล่นมาถึงหมู่บ้านคารอนเบล ตรงสุดขอบฟ้าก็เริ่มมีแสงแดดส่อง
ช่วงเวลาเช้า ๆ ของหมู่บ้านค่อนข้างเงียบสงบ เสียงเครื่องยนต์ที่กำลังทำงานทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ สุนัขลากเลื่อนก็เริ่มเห่าหอนเป็นเสียงยาว
“ไปทางนี้ เลี้ยวขวา จอดตรงนี้แหละ ! ”
มาลาไกย์ขับรถออฟโรดมาจอดหน้าตึกสองชั้นตามคำสั่งของเยี่ยเทียน ดูออกเลยว่าตึกนี้ผ่านการทาสีใหม่ไม่นานมานี้ เพราะสีของมันค่อนข้างต่างจากตึกอื่น ๆ เล็กน้อย
ขณะเดียวกันกับที่มีเสียงเบรกรถดังขึ้น ประตูของตึกนั้นถูกคนด้านในเปิดออก ร่างกำยำของคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู เพราะแสงแดดที่ส่องทำให้เห็นใบหน้าของคน ๆ นั้นไม่ชัดเจน
“เฮ้ เพื่อน ต้องมารบกวนคุณแล้ว ! ”
เยี่ยเทียนยิ้มออกมาหลังจากเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเขาหมดหนทางในไซบีเรีย คนที่จะช่วยเขาได้ก็คงมีแต่อันเดรวิชแล้ว
“เฮ้ เพื่อนรัก ยินดีต้อนรับ ! ”
อันเดรวิชดีใจมาก เมื่อเห็นคนที่ลงจากรถคือเยี่ยเทียน เขาโผเข้ากอดเยี่ยเทียนทันที
“บอสส์ ไม่น่าเชื่อว่าบอสส์จะมีเพื่อนอยู่ที่นี่ด้วย ? ”
หลังจากจอดรถเสร็จ มาลาไกย์เห็นภาพที่อันเดรวิชกับเยี่ยเทียนโอบกอดกัน เขารู้สึกแปลกใจมาก คนคารอนเบลไม่ได้เข้าหาได้ง่าย ๆ
“คุณเยี่ย คนนี้คือ ? ”
อันเดรวิชแสดงความระมัดระวังออกมาหลังจากที่เห็นมาลาไกย์ เพราะเขาได้กลิ่นดินปืนจากชายคนนี้
“มาลาไกย์ คนอเมริกา ทหารรับจ้างระหว่างประเทศ ตอนนี้เป็นทหารรับจ้างของผมเอง ! ”
เยี่ยเทียนแนะนำมาลาไกย์สั้น ๆ เขาตบไหล่อันเดรวิชและพูดต่อว่า “ทำไม ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งด้านในหน่อยเหรอ ? ”
“ได้สิ คุณเป็นเพื่อนที่ผมไว้ใจที่สุด ! ”
อันเดรวิชเปิดทางทันทีและพูดว่า “ผมมีวอดก้าต้นตำรับ แล้วก็มีปลาสด ๆ ที่ผมไปตกมาจากทะเลสาบบารอนเบลเองเลยนะ ! ”
เตาผิงไฟในห้องนั่งเล่น มีไฟกำลังลุกอยู่ ตรงกลางของบ้าน จะมีช่องระบายเพื่อให้ความร้อนกระจายได้ทั่วถึง ซึ่งคล้ายกับเตียงอิฐของตะวันออกเฉียงเหนือ
เยี่ยเทียนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีที่เดินเข้ามาด้านใน เมื่อเห็นอันเดรวิชไปหยิบวอดก้าออกมาจากตู้สองขวด ก็อดขำไม่ได้ ใครเขาดื่มเหล้ากันแต่เช้า ?
“ที่รัก ใครมาเหรอคะ ? ” อันเดรวิชที่กำลังเตรียมแล่ปลาสด ๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้นจากชั้นสอง
“เลเยฟน่า เพื่อนของผมมาจากประเทศจีน”
หลังจากได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้น ใบหน้าอันแข็งทื่อของอันเดรวิช มีความอบอุ่นออกมา ซึ่งเห็นได้ยากมาก เขาลุกขึ้นยืนและพูดต่อว่า “เขาชื่อเยี่ยเทียน เป็นเพื่อนที่ดีสุดของผม เยี่ยเทียน คนนี้คือเลเยฟน่า ภรรยาของผม ! ”
“โอ้ ผมต้องขอโทษด้วยที่มากระทันหันแบบนี้ ไม่ได้เตรียมของขวัญมาเลย ! ”
เยี่ยเทียนถูมือไปมา รู้สึกเกรงใจมาก เขารู้ว่าการมาเป็นแขกในบ้านของชาวต่างชาติ จะต้องเตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย แต่ตอนนี้นอกจากกระดิ่งซานซิงแล้ว ก็มีแต่พวกเข็มกับด้าย
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เชิญนั่ง ๆ เดี๋ยวฉันจะไปทำสลัดเพิ่ม ! ”
เลเยฟน่ายิ้ม เธอทักทายเยี่ยเทียนกับมาลาไกย์เสร็จ ก็เดินตรงไปยังห้องครัว เวลานี้เป็นเวลาตื่นนอนของหมู่บ้านแห่งนี้ เช้า ๆ ก็จะมีเสียงเด็ก ๆ เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นด้านนอก
“เลเยฟน่าไม่เลวเลยนะเพื่อน โชคดีจริง ๆ ”
พอเลเยฟน่าเดินไป เยี่ยเทียนยกนิ้วโป้งให้กับอันเดรวิช แม้ว่าหน้าตาของหญิงสาวคนนี้จะธรรมดา แต่โหงวเฮ้งของเธอดีมาก เป็นใบหน้าของคนที่เป็นภรรยาที่ดี และแม่ที่ดีของลูก
“เลเยฟน่าเป็นด็อกเตอร์ด้านเศรษฐศาสตร์ การที่เธอตามผมมาอยู่ที่นี่ เธอต้องยอมเสียสละหลายอย่าง”
เมื่อพูดถึงภรรยา ใบหน้าของอันเดรวิชเต็มไปด้วยความนุ่มนวล การที่มนุษย์เหล็กอย่างเขายอมทิ้งทุกอย่างและใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป ล้วนแต่เป็นผลงานของผู้หญิงคนนี้
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? ใช้ชีวิตในเมืองสะดวกกว่าไม่ใช่เหรอ ? ” เยี่ยเทียนถามออกไปด้วยความสงสัย ถ้าเป็นอย่างที่ต่งเซิงไห่เคยพูดไว้ เงินที่อันเดรวิชได้รับจากเรือสำราญควีนอลิซาเบธ มันมากพอที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย
“ที่นี่เป็นบ้านเกิดของผม บั้นปลายชีวิตผมอยากจะอยู่ที่นี่ ผมจะออกไปตกปลาทุกวัน ส่วนเลเยฟน่าสามารถดูหุ้นผ่านคอมพิวเตอร์ ชีวิตแบบนี้ก็ดีนะ ! ”
อันเดรวิชได้ยินคำถามของเยี่ยเทียน เขาหัวเราะ ดูออกเลยว่าเขาพึงพอใจกับชีวิตตอนนี้มาก ที่สำคัญภรรยาของเขาตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เขากำลังจะเป็นคุณพ่อในเร็ว ๆ นี้
“ว่าแต่เยี่ยเทียน คุณมาครั้งนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ? ”
การที่สามารถเป็นครูฝึกในหน่วยรบพิเศษของอดีตสหภาพโซเวียตได้ อันเดรวิชก็ไม่ใช่คนที่ไม่สนใจโลกภายนอก หลังจากพูดคุยกันไปไม่กี่ประโยค เขาหันไปถามจุดประสงค์การมาของเยี่ยเทียนทันที
“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่อยากมาเยี่ยมเพื่อนก็เท่านั้น ! ”
เยี่ยเทียนส่ายหัว ตอนที่เขาเห็นเลเยฟน่า ความคิดที่จะดึงอันเดรวิชเข้ามาช่วยเรื่องปวดหัวนั้นหายไปทันที เขามีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบต่อไป
“เยี่ยเทียน อย่าโกหกผม ผมรู้ว่าต่งเกิดเรื่องแล้ว และค่อนข้างยุ่งยาก ! ”
อันเดรวิชเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดต่อว่า “ถ้าต่งมาหาผม ผมจะไม่ออกไปหาเขาอีก แต่คุณไม่เหมือนเขา การที่ผมมีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะคุณ !”