ตอนที่ 710 ที่มาที่ไป
“น่าแปลก ทำไมฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเงินธนบัตรสามหยวนมาก่อนเลย?”
พลิกธนบัตรในมือไปมาอยู่นาน เยี่ยเทียนมองอย่างฉงน ยุคที่เขามีชีวิตอยู่นี้ยังหลงเหลือเงินธนบัตรของปี 50 อยู่อีก เขาเกิดมาเพิ่งเคยเห็นธนบัตรสามหยวนเป็นครั้งแรก
นอกจากธนบัตรสามหยวน สิ่งที่กระจายทั่วอยู่บนพื้นคือตั๋วแลกอาหาร ของสิ่งนี้เยี่ยเทียนยังพอรู้จัก เพราะตั้งแต่เขาเริ่มรู้ความตั๋วแลกอาหารแบบนี้ยังมีใช้กันอยู่ จนปี 1987 ถึงจะถูกยกเลิกไป
“เจ้านี่คงไม่ได้ออกจากเขามาหลายสิบปี?”
เยี่ยเทียนหยิบธนบัตรและตั๋วแลกอาหารมานับดู มีเงินทั้งหมดหกสิบกว่าหยวนกับตั๋วแลกข้าวสามสิบห้ากิโลกรัม เมื่อมองดูสิ่งของที่ตกยุคไปนานแล้วพวกนี้ เขาอดยิ้มฝืดไม่ได้
ถ้าคนที่เข้าใจการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องพกพาของเหล่านี้อีกแล้ว คนๆนี้จะต้องไม่ได้กลับมาสู่โลกภายนอกเป็นเวลาหลายสิบปีทีเดียว
“เดี๋ยวค่อยถามเหล่าหูดู ยังไงต้องทำลายศพนักพรตให้เรียบร้อยก่อน!” เยี่ยเทียนตัดสินใจ เก็บเอาธนบัตรและตั๋วแลกอาหารพวกนั้นเข้ากระเป๋า แล้วโยนศพลงไปในสระ
ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังโยนหัวกับร่างนั้นลงน้ำ น้ำในสระมังกรดำเกิดคลื่นใหญ่ซัดขึ้น มังกรดำผุดขึ้นมาจากน้ำ
“แว้ก แว้ก!” มันมองเห็นเยี่ยเทียนแล้วก็รีบว่ายเข้ามาทางขอบสระ ร้องเสียงดังอย่างดีใจ ร่างกายอันเทอะทะดีดส่ายไปมา ซุกหัวมหึมาลงในอ้อกอกของเยี่ยเทียน
“หายดีแล้วหรือ?”
เห็นเจ้ามังกรดำเข้ามาใกล้ เยี่ยเทียนก็ดีใจ ยื่นมือออกไปสัมผัสที่ศีรษะของมัน “แกกับนักพรตนั่นเกิดสู้กันขึ้นมาได้อย่างไร? ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าออกมาปรากฏตัว?”
“แว้ก!” เห็นร่างของนักพรตในมือเยี่ยเทียนแล้ว มังกกรดำตาลุกด้วยความโกรธ เอียงหัวเข้ามาคาบเอาหัวของนักพรตไป
“อย่า อย่ากินคนจนเป็นนิสัยสิ ไม่อย่างนั้นต่อไปเวลาแกสู้กับใครฉันจะไม่ช่วยแล้วนะ!”
สำหรับเยี่ยเทียนแล้วการช่วยมังกรดำจัดการกับนักพรต นั่นเป็นเพราะนักพรตจิตใจอำมหิต แต่ถ้ามันจะกินคนต่อหน้าเขา เยี่ยเทียนก็ทนดูไม่ได้เหมือนกัน
“แว้ก แว้ก!”
เยี่ยเทียนเอ่ยปากห้าม มันไม่ได้ตั้งใจจะกินคนแต่แรกอยู่แล้ว จึงสะบัดหางทีหนึ่งปัดเอาร่างนักพรตในมือของเยี่ยเทียนให้กระเด็นออกไปไกลเกือบสิบเมตร เป็นการแสดงความจงเกลียดจงชัง ไม่ต้องการให้เยี่ยเทียนโยนศพลงในสระน้ำของมัน
“คนตายแล้วเรื่องก็จบ อย่าใจแคบไปหน่อยเลย!” เยี่ยเทียนพูดต่อว่า “คนๆนี้มีที่มา ไม่แน่ว่ายังมีศิษย์ร่วมสำนักอีกหลายคน มีแต่โยนศพลงในสระน้ำเท่านั้นถึงจะทำลายศพได้”
สระน้ำแห่งนี้ลึกสุดบรรยาย สายน้ำเย็นจัด ทั้งยังอยู่ห่างจากความสนใจของมนุษย์ ต่อให้บนร่างของนักพรตมีร่องรอยผิดปกติบางอย่าง เยี่ยเทียนก็เชื่อว่าศิษย์ร่วมสำนักของเขาไม่อาจตามมาพบได้
“แว้ก!” ฟังที่เยี่ยเทียนพูดจบ เจ้ามังกรดำหันหัวไปทางร่างไร้วิญญาณนั้นแล้วพ่นของเหลวที่ทั้งเหม็นทั้งคาวออกมาจากปาก
ของเหลวสีเขียวเมื่อสัมผัสถูกศพ เกิดเสียง “ฉี่ ฉี่” ดังขึ้น ร่างของนักพรตชั่วเหม็นเน่าคละคลุ้ง เน่าเปื่อยลงกับที่อย่างรวดเร็ว
มังกรดำพ่นเอาน้ำย่อยออกมาจากกระเพาะอาหารของมันต่อเนื่อง จนศพนั้นถูกกัดกร่อนเร็ว หลังจากนั้นห้านาที บนพื้นหลงเหลือแต่กลิ่นเหม็นคาวของน้ำย่อย ส่วนร่างของนักพรตหายไปไม่เหลือสักชิ้นส่วน
“แกทำลายศพได้ดีนี่!”
เยี่ยเทียนตาค้างมองดูวิธีการของเจ้ามังกรดำ กรดในกระเพาะของมันรุนแรงกว่าน้ำกรดธรรมดาหลายเท่า แม้แต่กระดูกสักชิ้นยังไม่เหลือ ย่อยจนหมดราบคราบทีเดียว
“แว้ก แว้ก!” หลังจากย่อยสลายร่างนักพรตหมดแล้ว มันยังสำรอกออกมาหลายครั้ง แต่ไม่ใช่น้ำย่อยกรดอีกแล้ว มันแสดงท่าทีรังเกียจเหมือนคนถ่มน้ำลาย
“ใช่แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมแกถึงไปสู้กับเขาได้? เขามาพบตัวแกได้อย่างไร?”
เยี่ยเทียนถามเป็นชุดอย่างสงสัย เจ้ามังกรดำถึงมันจะเข้าใจภาษาคน แต่ไม่อาจใช้ภาษาคนตอบกลับได้ มันจึงส่ายหัวไปมาแล้วร้องเสียงดัง “แว้ก แว้ก”
“ลืมไปเลยว่าแกพูดไม่ได้!” เยี่ยเทียนหยุดคิดแล้วบอกว่า “ฉันสอนวิชาแกให้อย่างหนึ่ง แกลองดูว่าทำได้ไหม?”
จิตดั้งเดิมของเจ้าเหมาโถวยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ไม่อาจใช้ดวงจิตสื่อสารได้ แต่มังกรดำตัวนี้ฝึกวิชาได้ไม่ด้อยไปกว่าวานรขาวเลย คิดว่าจะต้องใช้วิชาที่ว่านี่เป็นแน่นอน เยี่ยเทียนสื่อสารถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้มังกรดำทางจิต
เมื่อถ่ายทอดจบแล้ว มังกรดำตกตะลึงนิ่งค้าง แล้วแสดงความดีอกดีใจออกมา
เยี่ยเทียนตบที่หัวของมันเบาๆ “ลองดูสิ แกลองคุยกับฉันได้ไหม?”
“นาย คือเยี่ยเทียน? ฉันคือมังกรดำ?” การสัญญาณทางจิตถูกถ่ายทอดเข้าสู่สมองของเยี่ยเทียน
“ฮ่าฮ่า ใช้ได้จริงด้วย!” เยี่ยเทียนดีใจไปกับมัน พยักหน้าหงึกหงัก “ไม่ผิดหรอก แกก็คือมังกรดำ ฉันคือเยี่ยเทียน!”
“คนเลวนั่น รังแกฉัน!” มังกรดำใช้ดวงจิตอธิบายให้เยี่ยเทียนเข้าใจ ดูคล้ายกับเด็กน้อยที่ถูกแกล้งแล้วมาฟ้องผู้ปกครอง
“มังกรดำ แกค่อยๆพูด” เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว “ที่นี่กลิ่นเหม็นตลบอบอวล ให้ฉันจัดการครู่หนึ่ง!”
กลิ่นเน่าเปื่อยของศพนักพรตเหม็นชวนอาเจียน ทั้งกลิ่นก็ไม่ยอมจางไปเสียที จนเยี่ยเทียนชักจะทนไม่ไหว
“จัดการ?”
เห็นเยี่ยเทียนเดินไปทางกองน้ำย่อยนั่น มังกรดำเข้าใจทันที จึงหันหัวกลับสูบเอาน้ำเย็นจัดในสระเข้าไปสู่ปากของมันคำใหญ่
แล้วงอตัวเกร็งท้องพ่นน้ำออกมาใส่บริเวณที่เคยมีศพอยู่เบื้องหน้าของเยี่ยเทียน หิมะแข็งตรงนั้นถูกชะล้างจนเกลี้ยง
“แว้ก แว้ก” ทำสำเร็จแล้ว มังกรดำลืมไปว่าตัวเองใช้ดวงจิตสื่อสารกับเยี่ยเทียนได้แล้ว เผลอร้องออกมา
“ดีมาก แกเก่งมาก!”
เห็นท่าทางมังกรดำเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง เยี่ยเทียนยิ้มอย่างเอ็นดู ครั้งก่อนที่ได้รู้จักกับมันเป็นเวลาเพียงชั่วครู่ เยี่ยเทียนทั้งเกรงทั้งกลัวมังกรดำมาก มาตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นหายไปหมด
“มา บอกหน่อยซิว่านักพรตนั่นมาหาเรื่องอะไรแก? แล้วก็ แกรู้ที่มาของเขาไหม?”
แม้จะจัดการศพไปหมดแล้ว เยี่ยเทียนยังกังวลอยู่ เขาไม่คุ้นเคยกับโลกของนักพรตเต๋าเลย ไม่รู้จักใคร แล้วคนพวกนั้นใช้วิธีการแบบไหนบ้าง สามารถทำนายออกถึงการตายของนักพรตคนนี้ได้ไหม?
มังกรดำเอียงศีรษะคิดเล็กน้อย แล้วสื่อสารบอกทางจิตกับเยี่ยเทียนว่า “ฉัน ฝึกเน่ยตัน คนๆนั้น จะเอาเน่ยตันของฉัน ให้ฉันเฝ้าประตู ฉันไม่ยอม เลยสู้กัน….”
“ถ้าแกถูกริบเอาเน่ยตันไป แกจะตายไหม?” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วตะลึง
“ไม่หรอก แต่ไม่มีทางเป็นมังกรได้ ความสามารถ หายไปหมด…” มังกรดำส่ายหน้า ค่อยๆถ่ายทอดถ้อยคำที่ไหลลื่นขึ้น
คนกับมังกรถามตอบกันไปมา แม้เวลามังกรตอบไม่ตรงกับคำถาม แต่เยี่ยเทียนได้เข้าใจถึงเหตุการณ์ต่างๆชัดเจนขึ้น
ตั้งแต่ที่มังกรดำได้รับคำเตือนจากเยี่ยเทียน มันก็ไม่ค่อยสลายควันพิษในหุบเขาเพื่อฝึกเน่ยตันอีก แต่หลายวันก่อนหิมะตกหนักปิดทางขึ้นเขา มันรู้สึกปลอดภัยจึงเริ่มทำการดูดซับพลังสุริยันจันทรา
บังเอิญว่านักพรตคนนั้นผ่านมาทางด้านบนของหุบเขา มองเห็นมังกรดำกำลังฝึกวิชาเน่ยตันอยู่พอดี จึงเป็นต้นเหตุให้เกิดการต่อสู้ตามมา
จะว่าไปนักพรตนั่นคงมีเคราะห์กรรมหนัก สิ่งมีชีวิตอย่างมังกรดำนี้ ในดินแดนที่เขาอยู่อาศัยอาจจะมีไม่มาก แต่ไม่ถึงกับเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ ด้วยความโลภเขาจึงต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่
ฟังมังกรดำเล่าจบ เยี่ยเทียนนิ่งเงียบไปแล้วถามต่อว่า “เขามีที่มาอย่างไร มาจากไหน กำลังจะไปที่ใด แกพอจะรู้ไหม?”
“ไม่รู้ เขาไม่ได้บอก แต่ฉันเคยพบคนพวกนี้มาก่อน….”
มังกรดำบอกไม่ได้ว่านักพรตมีที่มาอย่างไร แต่ชีวิตของมันอายุยืนยาว ยังพอจำเรื่องราวในวัยเด็กของตนได้ ในเขาแห่งนี้มักจะมีคนบินไปบินมา แต่ตอนนั้นมันยังเด็กนัก ทำได้แต่เพียงหลบซ่อนตัวไม่กล้าออกไปปรากฏตัวให้ใครเห็น
ร้อยปีที่ผ่านมาฟ้าดินเกิดเปลี่ยนแปลงพลิกผัน คนเหล่านั้นหายไปหมด มังกรดำถึงกล้าออกมาอยู่ในเขาฉางไป๋ซานแห่งนี้ ตั้งตนเป็นราชาแห่งหุบเขา
เยี่ยเทียนรู้ว่ามังกรดำเดิมทีเป็นเพียงมังกรที่อาศัยอยู่บนเขาฉางไป๋ซาน มันอยู่ที่นี่มาช้านาน ได้รับผลของพลังธรรมชาติ ทำให้ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น และเพราะมันนี่เองที่ทำให้เกิดตำนานบึงน้ำมังกรดำขึ้น
“ใช่ละ มังกรดำ ครั้งก่อนก้อนหินที่แกให้ฉันน่ะ ในบึงน้ำยังมีอีกไหม?”
พอพูดถึงบึงน้ำมังกรดำ เยี่ยเทียนนึกถึงจุดประสงค์เดิมที่ทำให้เขาดั้นด้นมาถึงที่นี่ การต่อสู่ที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่ ทำให้เขาเกือบลืมไปเลยว่าเขาต้องการจะมาตามหาหยกอ่อนสีดำ
“มี แต่มีไม่มากแล้ว เหลือแค่สามก้อนเท่านั้น!” มังกรดำอ้าปาก คาบแขนเสื้อของเยี่ยเทียนไว้แล้วทำท่าจะลากเขาลงน้ำให้ได้
“อย่านะ น้ำในบึงเย็นจะตาย ฉันไม่ลงไปหรอก!”
เยี่ยเทียนรีบดึงแขนเสื้อออก ล้ออะไรกันเล่นแบบนี้ ตอนนั้นเขายังมีพลังปราณแท้คุ้มครองกายอยู่ยังไม่กล้าลงบึงน้ำเลย ขืนลงไปตอนนี้คงได้แข็งตายอยู่ในบึงน้ำนั่นเอง
“เดี๋ยวก่อน!” มังกรดำรู้ภาษา มันพลิกตัวกลับลงไปในน้ำ ดำลงไปข้างใต้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นประมาณห้านาที คลื่นน้ำซัดขึ้นมาจากในบึง ร่างอันใหญ่ของมันผุดขึ้นเหนือน้ำอีกครั้ง เข้ามาที่ข้างกายของเยี่ยเทียน อ้าปากคายเอาของสองสิ่งออกมา
“หยกอ่อนสีดำ?!”
เห็นหินหยกที่คุ้นเคยแล้วเขาก็รู้สึกดีใจ หยกชิ้นที่มังกรดำนำมาให้คราวนี้ขนาดเท่ากำปั้นเด็กทีเดียว เยี่ยเทียนเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เขาฝึกจิตดั้งเดิมจนสำเร็จ
“ก้อนนี่เป็นก้อนที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ในบึงยังมีอีกสองก้อนเล็ก!”
แววตาของมังกรดำฉายแววเสียดายออกมา มันฝึกวิชามาจนถึงขนาดนี้ ก็เพราะอาศัยอานุภาพของหยกอ่อนสีดำ แต่มันก็ยังอ้าปากมอบหยกให้เยี่ยเทียน
“เอ๋ นี่เป็นเชือกที่รัดแกไว้ไม่ใช่หรือ?” เยี่ยเทียนมองวัตถุอีกสิ่งที่มันนำมาด้วย
บ่วงเชือกสีเหลืองอ่อนเป็นเชือกที่เมื่อครู่รัดตัวมังกรดำเอาไว้แน่น เพียงแต่ตอนนี้มันพันกระจุกกันเป็นก้อน มองดูเหมือนเชือกเด็กที่ใช้กระโดดเล่นมากกว่า
ตอนที่ 710 ที่มาที่ไป
“น่าแปลก ทำไมฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเงินธนบัตรสามหยวนมาก่อนเลย?”
พลิกธนบัตรในมือไปมาอยู่นาน เยี่ยเทียนมองอย่างฉงน ยุคที่เขามีชีวิตอยู่นี้ยังหลงเหลือเงินธนบัตรของปี 50 อยู่อีก เขาเกิดมาเพิ่งเคยเห็นธนบัตรสามหยวนเป็นครั้งแรก
นอกจากธนบัตรสามหยวน สิ่งที่กระจายทั่วอยู่บนพื้นคือตั๋วแลกอาหาร ของสิ่งนี้เยี่ยเทียนยังพอรู้จัก เพราะตั้งแต่เขาเริ่มรู้ความตั๋วแลกอาหารแบบนี้ยังมีใช้กันอยู่ จนปี 1987 ถึงจะถูกยกเลิกไป
“เจ้านี่คงไม่ได้ออกจากเขามาหลายสิบปี?”
เยี่ยเทียนหยิบธนบัตรและตั๋วแลกอาหารมานับดู มีเงินทั้งหมดหกสิบกว่าหยวนกับตั๋วแลกข้าวสามสิบห้ากิโลกรัม เมื่อมองดูสิ่งของที่ตกยุคไปนานแล้วพวกนี้ เขาอดยิ้มฝืดไม่ได้
ถ้าคนที่เข้าใจการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องพกพาของเหล่านี้อีกแล้ว คนๆนี้จะต้องไม่ได้กลับมาสู่โลกภายนอกเป็นเวลาหลายสิบปีทีเดียว
“เดี๋ยวค่อยถามเหล่าหูดู ยังไงต้องทำลายศพนักพรตให้เรียบร้อยก่อน!” เยี่ยเทียนตัดสินใจ เก็บเอาธนบัตรและตั๋วแลกอาหารพวกนั้นเข้ากระเป๋า แล้วโยนศพลงไปในสระ
ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังโยนหัวกับร่างนั้นลงน้ำ น้ำในสระมังกรดำเกิดคลื่นใหญ่ซัดขึ้น มังกรดำผุดขึ้นมาจากน้ำ
“แว้ก แว้ก!” มันมองเห็นเยี่ยเทียนแล้วก็รีบว่ายเข้ามาทางขอบสระ ร้องเสียงดังอย่างดีใจ ร่างกายอันเทอะทะดีดส่ายไปมา ซุกหัวมหึมาลงในอ้อกอกของเยี่ยเทียน
“หายดีแล้วหรือ?”
เห็นเจ้ามังกรดำเข้ามาใกล้ เยี่ยเทียนก็ดีใจ ยื่นมือออกไปสัมผัสที่ศีรษะของมัน “แกกับนักพรตนั่นเกิดสู้กันขึ้นมาได้อย่างไร? ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าออกมาปรากฏตัว?”
“แว้ก!” เห็นร่างของนักพรตในมือเยี่ยเทียนแล้ว มังกกรดำตาลุกด้วยความโกรธ เอียงหัวเข้ามาคาบเอาหัวของนักพรตไป
“อย่า อย่ากินคนจนเป็นนิสัยสิ ไม่อย่างนั้นต่อไปเวลาแกสู้กับใครฉันจะไม่ช่วยแล้วนะ!”
สำหรับเยี่ยเทียนแล้วการช่วยมังกรดำจัดการกับนักพรต นั่นเป็นเพราะนักพรตจิตใจอำมหิต แต่ถ้ามันจะกินคนต่อหน้าเขา เยี่ยเทียนก็ทนดูไม่ได้เหมือนกัน
“แว้ก แว้ก!”
เยี่ยเทียนเอ่ยปากห้าม มันไม่ได้ตั้งใจจะกินคนแต่แรกอยู่แล้ว จึงสะบัดหางทีหนึ่งปัดเอาร่างนักพรตในมือของเยี่ยเทียนให้กระเด็นออกไปไกลเกือบสิบเมตร เป็นการแสดงความจงเกลียดจงชัง ไม่ต้องการให้เยี่ยเทียนโยนศพลงในสระน้ำของมัน
“คนตายแล้วเรื่องก็จบ อย่าใจแคบไปหน่อยเลย!” เยี่ยเทียนพูดต่อว่า “คนๆนี้มีที่มา ไม่แน่ว่ายังมีศิษย์ร่วมสำนักอีกหลายคน มีแต่โยนศพลงในสระน้ำเท่านั้นถึงจะทำลายศพได้”
สระน้ำแห่งนี้ลึกสุดบรรยาย สายน้ำเย็นจัด ทั้งยังอยู่ห่างจากความสนใจของมนุษย์ ต่อให้บนร่างของนักพรตมีร่องรอยผิดปกติบางอย่าง เยี่ยเทียนก็เชื่อว่าศิษย์ร่วมสำนักของเขาไม่อาจตามมาพบได้
“แว้ก!” ฟังที่เยี่ยเทียนพูดจบ เจ้ามังกรดำหันหัวไปทางร่างไร้วิญญาณนั้นแล้วพ่นของเหลวที่ทั้งเหม็นทั้งคาวออกมาจากปาก
ของเหลวสีเขียวเมื่อสัมผัสถูกศพ เกิดเสียง “ฉี่ ฉี่” ดังขึ้น ร่างของนักพรตชั่วเหม็นเน่าคละคลุ้ง เน่าเปื่อยลงกับที่อย่างรวดเร็ว
มังกรดำพ่นเอาน้ำย่อยออกมาจากกระเพาะอาหารของมันต่อเนื่อง จนศพนั้นถูกกัดกร่อนเร็ว หลังจากนั้นห้านาที บนพื้นหลงเหลือแต่กลิ่นเหม็นคาวของน้ำย่อย ส่วนร่างของนักพรตหายไปไม่เหลือสักชิ้นส่วน
“แกทำลายศพได้ดีนี่!”
เยี่ยเทียนตาค้างมองดูวิธีการของเจ้ามังกรดำ กรดในกระเพาะของมันรุนแรงกว่าน้ำกรดธรรมดาหลายเท่า แม้แต่กระดูกสักชิ้นยังไม่เหลือ ย่อยจนหมดราบคราบทีเดียว
“แว้ก แว้ก!” หลังจากย่อยสลายร่างนักพรตหมดแล้ว มันยังสำรอกออกมาหลายครั้ง แต่ไม่ใช่น้ำย่อยกรดอีกแล้ว มันแสดงท่าทีรังเกียจเหมือนคนถ่มน้ำลาย
“ใช่แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมแกถึงไปสู้กับเขาได้? เขามาพบตัวแกได้อย่างไร?”
เยี่ยเทียนถามเป็นชุดอย่างสงสัย เจ้ามังกรดำถึงมันจะเข้าใจภาษาคน แต่ไม่อาจใช้ภาษาคนตอบกลับได้ มันจึงส่ายหัวไปมาแล้วร้องเสียงดัง “แว้ก แว้ก”
“ลืมไปเลยว่าแกพูดไม่ได้!” เยี่ยเทียนหยุดคิดแล้วบอกว่า “ฉันสอนวิชาแกให้อย่างหนึ่ง แกลองดูว่าทำได้ไหม?”
จิตดั้งเดิมของเจ้าเหมาโถวยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ไม่อาจใช้ดวงจิตสื่อสารได้ แต่มังกรดำตัวนี้ฝึกวิชาได้ไม่ด้อยไปกว่าวานรขาวเลย คิดว่าจะต้องใช้วิชาที่ว่านี่เป็นแน่นอน เยี่ยเทียนสื่อสารถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้มังกรดำทางจิต
เมื่อถ่ายทอดจบแล้ว มังกรดำตกตะลึงนิ่งค้าง แล้วแสดงความดีอกดีใจออกมา
เยี่ยเทียนตบที่หัวของมันเบาๆ “ลองดูสิ แกลองคุยกับฉันได้ไหม?”
“นาย คือเยี่ยเทียน? ฉันคือมังกรดำ?” การสัญญาณทางจิตถูกถ่ายทอดเข้าสู่สมองของเยี่ยเทียน
“ฮ่าฮ่า ใช้ได้จริงด้วย!” เยี่ยเทียนดีใจไปกับมัน พยักหน้าหงึกหงัก “ไม่ผิดหรอก แกก็คือมังกรดำ ฉันคือเยี่ยเทียน!”
“คนเลวนั่น รังแกฉัน!” มังกรดำใช้ดวงจิตอธิบายให้เยี่ยเทียนเข้าใจ ดูคล้ายกับเด็กน้อยที่ถูกแกล้งแล้วมาฟ้องผู้ปกครอง
“มังกรดำ แกค่อยๆพูด” เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว “ที่นี่กลิ่นเหม็นตลบอบอวล ให้ฉันจัดการครู่หนึ่ง!”
กลิ่นเน่าเปื่อยของศพนักพรตเหม็นชวนอาเจียน ทั้งกลิ่นก็ไม่ยอมจางไปเสียที จนเยี่ยเทียนชักจะทนไม่ไหว
“จัดการ?”
เห็นเยี่ยเทียนเดินไปทางกองน้ำย่อยนั่น มังกรดำเข้าใจทันที จึงหันหัวกลับสูบเอาน้ำเย็นจัดในสระเข้าไปสู่ปากของมันคำใหญ่
แล้วงอตัวเกร็งท้องพ่นน้ำออกมาใส่บริเวณที่เคยมีศพอยู่เบื้องหน้าของเยี่ยเทียน หิมะแข็งตรงนั้นถูกชะล้างจนเกลี้ยง
“แว้ก แว้ก” ทำสำเร็จแล้ว มังกรดำลืมไปว่าตัวเองใช้ดวงจิตสื่อสารกับเยี่ยเทียนได้แล้ว เผลอร้องออกมา
“ดีมาก แกเก่งมาก!”
เห็นท่าทางมังกรดำเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง เยี่ยเทียนยิ้มอย่างเอ็นดู ครั้งก่อนที่ได้รู้จักกับมันเป็นเวลาเพียงชั่วครู่ เยี่ยเทียนทั้งเกรงทั้งกลัวมังกรดำมาก มาตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นหายไปหมด
“มา บอกหน่อยซิว่านักพรตนั่นมาหาเรื่องอะไรแก? แล้วก็ แกรู้ที่มาของเขาไหม?”
แม้จะจัดการศพไปหมดแล้ว เยี่ยเทียนยังกังวลอยู่ เขาไม่คุ้นเคยกับโลกของนักพรตเต๋าเลย ไม่รู้จักใคร แล้วคนพวกนั้นใช้วิธีการแบบไหนบ้าง สามารถทำนายออกถึงการตายของนักพรตคนนี้ได้ไหม?
มังกรดำเอียงศีรษะคิดเล็กน้อย แล้วสื่อสารบอกทางจิตกับเยี่ยเทียนว่า “ฉัน ฝึกเน่ยตัน คนๆนั้น จะเอาเน่ยตันของฉัน ให้ฉันเฝ้าประตู ฉันไม่ยอม เลยสู้กัน….”
“ถ้าแกถูกริบเอาเน่ยตันไป แกจะตายไหม?” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วตะลึง
“ไม่หรอก แต่ไม่มีทางเป็นมังกรได้ ความสามารถ หายไปหมด…” มังกรดำส่ายหน้า ค่อยๆถ่ายทอดถ้อยคำที่ไหลลื่นขึ้น
คนกับมังกรถามตอบกันไปมา แม้เวลามังกรตอบไม่ตรงกับคำถาม แต่เยี่ยเทียนได้เข้าใจถึงเหตุการณ์ต่างๆชัดเจนขึ้น
ตั้งแต่ที่มังกรดำได้รับคำเตือนจากเยี่ยเทียน มันก็ไม่ค่อยสลายควันพิษในหุบเขาเพื่อฝึกเน่ยตันอีก แต่หลายวันก่อนหิมะตกหนักปิดทางขึ้นเขา มันรู้สึกปลอดภัยจึงเริ่มทำการดูดซับพลังสุริยันจันทรา
บังเอิญว่านักพรตคนนั้นผ่านมาทางด้านบนของหุบเขา มองเห็นมังกรดำกำลังฝึกวิชาเน่ยตันอยู่พอดี จึงเป็นต้นเหตุให้เกิดการต่อสู้ตามมา
จะว่าไปนักพรตนั่นคงมีเคราะห์กรรมหนัก สิ่งมีชีวิตอย่างมังกรดำนี้ ในดินแดนที่เขาอยู่อาศัยอาจจะมีไม่มาก แต่ไม่ถึงกับเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ ด้วยความโลภเขาจึงต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่
ฟังมังกรดำเล่าจบ เยี่ยเทียนนิ่งเงียบไปแล้วถามต่อว่า “เขามีที่มาอย่างไร มาจากไหน กำลังจะไปที่ใด แกพอจะรู้ไหม?”
“ไม่รู้ เขาไม่ได้บอก แต่ฉันเคยพบคนพวกนี้มาก่อน….”
มังกรดำบอกไม่ได้ว่านักพรตมีที่มาอย่างไร แต่ชีวิตของมันอายุยืนยาว ยังพอจำเรื่องราวในวัยเด็กของตนได้ ในเขาแห่งนี้มักจะมีคนบินไปบินมา แต่ตอนนั้นมันยังเด็กนัก ทำได้แต่เพียงหลบซ่อนตัวไม่กล้าออกไปปรากฏตัวให้ใครเห็น
ร้อยปีที่ผ่านมาฟ้าดินเกิดเปลี่ยนแปลงพลิกผัน คนเหล่านั้นหายไปหมด มังกรดำถึงกล้าออกมาอยู่ในเขาฉางไป๋ซานแห่งนี้ ตั้งตนเป็นราชาแห่งหุบเขา
เยี่ยเทียนรู้ว่ามังกรดำเดิมทีเป็นเพียงมังกรที่อาศัยอยู่บนเขาฉางไป๋ซาน มันอยู่ที่นี่มาช้านาน ได้รับผลของพลังธรรมชาติ ทำให้ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น และเพราะมันนี่เองที่ทำให้เกิดตำนานบึงน้ำมังกรดำขึ้น
“ใช่ละ มังกรดำ ครั้งก่อนก้อนหินที่แกให้ฉันน่ะ ในบึงน้ำยังมีอีกไหม?”
พอพูดถึงบึงน้ำมังกรดำ เยี่ยเทียนนึกถึงจุดประสงค์เดิมที่ทำให้เขาดั้นด้นมาถึงที่นี่ การต่อสู่ที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่ ทำให้เขาเกือบลืมไปเลยว่าเขาต้องการจะมาตามหาหยกอ่อนสีดำ
“มี แต่มีไม่มากแล้ว เหลือแค่สามก้อนเท่านั้น!” มังกรดำอ้าปาก คาบแขนเสื้อของเยี่ยเทียนไว้แล้วทำท่าจะลากเขาลงน้ำให้ได้
“อย่านะ น้ำในบึงเย็นจะตาย ฉันไม่ลงไปหรอก!”
เยี่ยเทียนรีบดึงแขนเสื้อออก ล้ออะไรกันเล่นแบบนี้ ตอนนั้นเขายังมีพลังปราณแท้คุ้มครองกายอยู่ยังไม่กล้าลงบึงน้ำเลย ขืนลงไปตอนนี้คงได้แข็งตายอยู่ในบึงน้ำนั่นเอง
“เดี๋ยวก่อน!” มังกรดำรู้ภาษา มันพลิกตัวกลับลงไปในน้ำ ดำลงไปข้างใต้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นประมาณห้านาที คลื่นน้ำซัดขึ้นมาจากในบึง ร่างอันใหญ่ของมันผุดขึ้นเหนือน้ำอีกครั้ง เข้ามาที่ข้างกายของเยี่ยเทียน อ้าปากคายเอาของสองสิ่งออกมา
“หยกอ่อนสีดำ?!”
เห็นหินหยกที่คุ้นเคยแล้วเขาก็รู้สึกดีใจ หยกชิ้นที่มังกรดำนำมาให้คราวนี้ขนาดเท่ากำปั้นเด็กทีเดียว เยี่ยเทียนเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เขาฝึกจิตดั้งเดิมจนสำเร็จ
“ก้อนนี่เป็นก้อนที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ในบึงยังมีอีกสองก้อนเล็ก!”
แววตาของมังกรดำฉายแววเสียดายออกมา มันฝึกวิชามาจนถึงขนาดนี้ ก็เพราะอาศัยอานุภาพของหยกอ่อนสีดำ แต่มันก็ยังอ้าปากมอบหยกให้เยี่ยเทียน
“เอ๋ นี่เป็นเชือกที่รัดแกไว้ไม่ใช่หรือ?” เยี่ยเทียนมองวัตถุอีกสิ่งที่มันนำมาด้วย
บ่วงเชือกสีเหลืองอ่อนเป็นเชือกที่เมื่อครู่รัดตัวมังกรดำเอาไว้แน่น เพียงแต่ตอนนี้มันพันกระจุกกันเป็นก้อน มองดูเหมือนเชือกเด็กที่ใช้กระโดดเล่นมากกว่า