“เยี่ยเทียน ไม่ไปได้มั้ย ? ”
เยี่ยเทียนหันหน้าไปตามเสียงเบาที่ดังขึ้นบนโต๊ะอาหาร พบว่าอวี๋ชิงหย่าวางตะเกียบลง มองเขาด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
ตั้งแต่สองคนนี้แต่งงานกัน พวกเขามีเวลาร่วมกันแค่ช่วงที่เยี่ยเทียนบาดเจ็บ อาการของสามียังไม่ทันหายดีก็จะออกไปอีก ใจของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“ชิงหย่า ฉันขอโทษ”
เยี่ยเทียนรู้สึกผิดทันทีที่ได้ยินคำพูดของภรรยา เขากล่าวด้วยความขมขื่นกลับไปว่า “เธอดูสภาพของฉันสิ ไม่ต่างจากคนไร้ประโยชน์เลย ครั้งนี้ที่ฉันไป ฉันแค่จะไปรักษาอาการป่วย ถ้ารักษาหายแล้วฉันจะรีบกลับมา!”
คำว่า “ตลาด” ใน คัมภีร์เต๋าไคหยวนวนเวียนอยู่ในหัวของเยี่ยเทียนตลอดเวลา เยี่ยเทียนไม่อาจขจัดความสงสัยนั้นได้เลย
“เอาละ ไม่เป็นแบบนี้กันนะ พรุ่งนี้เราจะกลับปักกิ่งพร้อมกัน ถ้าฉันกลับมา ฉันจะอยู่ที่ปักกิ่งกับเธอ”
เยี่ยเทียนโอบไหล่อวี๋ชิงหย่าและพูดต่อว่า “ไหนเธอบอกว่าจะเป็นผู้หญิงที่เข็งแกร่ง นี่ขาดงานมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย เธอทำงานไปเลย ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ !”
“ใครบอกนายว่าฉันจะเป็นผู้หญิงแกร่ง ฉันทำแบบแม่ไม่ไหวหรอก!” อวี๋ชิงหย่าหน้าแดงทันทีที่โดนเยี่ยเทียนโอบไหล่ต่อหน้าทุกคน เธอจึงไม่ได้คุยเรื่องที่เยี่ยเทียนจะออกไปอีก
โก่วซินเจียรู้ว่าเยี่ยเทียนเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด คนรอบข้างไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ จึงได้กล่าวออกไปว่า “ศิษย์น้องเล็ก ออกไปก็ได้ แต่สภาวะร่างกายของเธอตอนนี้ ห้ามปะทะกับใครอีกเด็ดขาด”
เยี่ยเทียนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้ม “ศิษย์พี่ใหญ่ครับ ผมทราบครับ ของที่มีน้ำหนักผมไม่ถือแน่นอน ไม่งั้นผมจะพาเซี่ยวเทียนไปด้วยทำไมละครับ ? ”
“อาจารย์ลุง สบายใจได้เลยครับ ผมจะดูแลอาจารย์เป็นอย่างดี!”
“อืม เวลาออกไปข้างนอก จะทำอะไรก็ต้องไตร่ตรองให้ดี!” โก่วซินเจียพยักหน้า และกำชับอีกว่า “ห้ามพาอาจารย์ของเธอไปเจอความเสี่ยง เพียงเพราะต้องการเอาชนะนะ”
ความจริงจังของโก่วซินเจีย ทำให้โจวเซี่ยวเทียนลุกขึ้นคำนับและตอบว่า “ครับ ผมทราบครับ!”
“การระมัดระวังไม่ใช่เรื่องที่ผิด จำเอาไว้ให้ดี…”
โก่วซินเจียกำชับโจวเซี่ยวเทียนเสร็จ หันไปเห็นสีหน้าที่เป็นห่วงของซ่งเวยหลันก็หลุดขำ “คุณหญิงซ่ง เยี่ยเทียนแค่ไปทำธุระ เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
โจวเซี่ยวเทียนกับเยี่ยเทียนเป็นคนหนุ่มที่ดูเป็นผู้ใหญ่ พลังของโจวเซี่ยวเทียนอยู่ระดับพลังแฝง จะหนุ่มไปตลอดก็ไม่แปลก อาจารย์รุ่นก่อนที่ชนะเขาได้ก็มีไม่เยอะ
ส่วนเยี่ยเทียนติดตามหลี่ซั่นหยวนตั้งแต่ 10 ขวบ สามารถใช้ชีวิตด้านนอกได้สบาย การเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีอันตรายเหมือนที่โก่วซินเจียบอก
“โก่วเหล่าพูดถูก เยี่ยเทียนเจ้าเด็กคนนี้มีความอดทนมากกว่าพวกเราอีก กินข้าวกัน”
ซ่งเวยหลันคิดไปคิดมาก็เห็นด้วย ตั้งแต่ได้เจอลูกชาย มีแต่เธอที่คอยพึ่งพาลูกชาย เยี่ยเทียนไม่เคยได้อะไรจากแม่คนนี้เลย แถมยังเป็นภาระ
……-
เช้าวันที่สอง สองสามีภรรยา โจวเซี่ยวเทียน และพ่อกับแม่ นั่งเครื่องบินส่วนตัวของซ่งเวยหลันกลับถึงปักกิ่ง
โก่วซินเจียกับพี่ ๆ อีกสามคนเลือกอยู่ต่อที่ฮ่องกง พวกเขาอายุเยอะแล้ว ถึงแม้ไม่สามารถทะลุไปถึงระดับหลอมจิตสู่ความว่าง แต่การใช้ชีวิตอยู่ในค่ายกลรวมปราณ มันดีต่อสุขภาพของพวกเขาหลายเท่า
เพราะสถานที่ที่ไป เป็นหุบเขาลึกแม่น้ำใหญ่ เยี่ยเทียนในเวลานี้ไม่มีพลังเลย การเดินทางครั้งนี้ไม่มีใครกล้าละเลย จึงตั้งใจเตรียมตัวกันมาก
หลายปีมานี้ชีวิตของคนเริ่มดีขึ้น กิจกรรมภายนอกเพิ่มมากขึ้น หลังลงจากเครื่องบิน เยี่ยเทียนไม่ได้เข้าบ้านทันที แต่กลับพาโจวเซี่ยวเทียนไปที่คลับแบ็คแพ็ค
“เยี่ยเทียน พรุ่งนี้ระวังตัวด้วยนะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว ใส่เสื้อผ้าหนาๆ!”
หลังจากวันหยุดสิ้นสุดอวี๋ชิงหย่ากลับไปรายงานตัวและเริ่มทำงาน ส่วนซ่งเวยหลันเป็นห่วงลูกชายมาก เมื่อเห็นเยี่ยเทียนกลับมา เธอย้ำกับเยี่ยเทียนเรื่องแล้วเรื่องเล่า
เยี่ยเทียนพยักหน้าตอบว่า “ครับแม่ ผมทราบแล้วครับ แม่สบายใจได้ เร็วที่สุดหนึ่งอาทิตย์ ช้าสุดก็ครึ่งเดือน ผมจะกลับมาแน่นอน!
” “จีจี…จีจี!”
เสียงของเยี่ยเทียนยังไม่ทันสิ้น เงาสีขาววิ่งขึ้นหัวไหล่ของเยี่ยเทียน อุ้งเท้าคู่หนึ่งข่วนที่หัวของเยี่ยเทียน ราวกับระบายความไม่พอใจออกมา
“เจ้าตัวน้อย โมโหอะไร?” เยี่ยเทียนยิ้มและจับเหมาโถวลงมา เขาพาเหมาโถวมาจากเทือกเขาฉางไป๋ซาน ที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้สนใจมันเลย
“จี! จีจี!” เหมาโถวส่งเสียงกับเยี่ยเทียน จากนั้นมันใช้อุ้งเท้าปิดตาเอาไว้ ท่าทางที่แสดงนั้นดูเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก
ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจะปลอบใจเหมาโถว จู่ ๆ เขาก็พบว่าปราณวิเศษในเรือนสี่ประสานที่มีอยู่ไม่มาก ซึมเข้าร่างกายของเหมาโถวแล้ว
สร้างความแปลกใจให้กับเยี่ยเทียนเล็กน้อย แม้เมื่อก่อนเขาพบว่าเหมาโถวสามารถดึงดูดปราณวิเศษได้ แต่ความเร็วค่อนข้างช้า แต่ตอนนี้แม้โจวเซี่ยวเทียนจะใช้พลังช่วยขับเคลื่อน แต่ก็ไม่เร็วเท่าเหมาโถวอยู่ดี
“อย่าขยับ ให้ฉันดูก่อน!” เยี่ยเทียนกดเหมาโถวที่กำลังจะกระโดด ส่งพลังจิดหนึ่งเส้นทะลุเข้าหนังของเหมาโถว
“จีจี!”
ตอนที่พลังจิตของเยี่ยเทียนทะลุเข้าร่างของเหมาโถว ขนของเหมาโถวตั้งขึ้น มันร้องเสียงแหลม และแสดงสายตาหวาดกลัวออกมา
“ไม่เป็นไรนะ ฉันเอง จะกลัวอะไรล่ะ” เยี่ยเทียนใช้มือซ้ายลูบที่หัวของเหมาโถวอย่างไม่พอใจ
เหมาโถวเหมือนคิดได้หลังจากที่เยี่ยเทียนพูดแบบนั้น มันจึงค่อย ๆ นิ่งลง เพราะเยี่ยเทียนเป็นคนที่มันสามารถเชื่อใจได้และไม่ต้องป้องกันตัว
“เห้ย นี่อะไรเนี่ย? ” หลังจากพลังจิตของเยี่ยเทียนทะลุเข้าไปภายในร่างกายของเหมาโถว เยี่ยเทียนตกใจมาก
เยี่ยเทียนพบว่า หลังจากปราณชีวิตแท้ซึมเข้าไป มันเลื่อนตรงไปที่ส่วนท้องของเหมาโถว แต่ส่วนท้องของเหมาโถว กลับมีบางสิ่งที่มีขนาดเท่าถั่วเหลือง ทำหน้าที่ดูดปราณวิเศษเข้าไป
ยังไม่พอ หลังจากของสิ่งนั้นดูดปราณพิเศษเข้าไปเสร็จ มันยังคายออกมาอีก และสิ่งที่คายออกมาก่อตัวขึ้นเป็นพลังใหม่ มันเคลื่อนไหวและหล่อเลี้ยงร่างของเหมาโถวไว้
“เห้ย อย่าบอกมันคือลมปราณ?” สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เยี่ยเทียนตะลึง ถ้าจิตดั้งเดิมของเขายังไม่ฟื้นตัว เขาก็จะไม่เห็นความผิดปกติภายในร่างกายของเหมาโถว
“เสี่ยวเทียน เกิดอะไรขึ้น?” ซ่งเวยหลันเห็นเยี่ยเทียนนิ่ง จึงถามออกไป
“แม่ครับ ไม่มีอะไรครับ ผมกลับห้องก่อนนะครับ!”
เยี่ยเทียนเก็บจิตการอ่านและส่ายหัว เขาเห็นโจวเซี่ยวเทียนที่กำลังย้ายของอยู่ จึงรีบพูดว่า “เซี่ยวเทียน ไม่ต้องย้ายแล้ว พวกเราอาจจะขับรถไป!”
“ขับรถไปเหรอ? อาจารย์ มันไม่ใกล้เลยนะครับ” โจวเซี่ยวเทียนอึ้ง การขับรถจากปักกิ่งไปหูเป่ย ต้องใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมงเลยมั้ง
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้เราไม่รีบ จอดพักระหว่างทางก็ได้” เยี่ยเทียนพูดจบก็หันหลังกลับ ตอนนี้ ความสนใจของเขาอยู่บนตัวของเหมาโถวทั้งหมด
“น่าแปลก หรือจะมีวิชาปีศาจจริง ๆ ”
หลังกลับเข้าห้อง เยี่ยเทียนวางเหมาโถวไว้บนโต๊ะ ส่วนเจ้าตัวน้อยก็รู้สึกถึงบางอย่าง ตาโตของมันจ้องไปที่เยี่ยเทียน และไม่กล้าซนอีก
เยี่ยเทียนจับขนเงาของเหมาโถวเบา ๆ และพูดกับมันว่า “เหมาโถว แกเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย?”
“จี…จี!” เหมาโถวพยักหน้า และส่งเสียงร้องออกมา
เยี่ยเทียนถามต่อ “ของที่อยู่ในตัวแกมาจากไหน ? มันดูดปราณวิเศษและฝึกพลังได้อย่างไร?”
จากการตรวจเมื่อครู่ พลังที่อยู่ในร่างของเหมาโถวไม่ได้ด้อยกว่าโจวเซี่ยเทียนเลย และถ้าเจ้าตัวน้อยตัวนี้กลับไปในป่า มันอาจกลายเป็นราชาแทนเสือโคร่งก็ได้
“จี จี!” เหมาโถวงุนงงกับสิ่งที่เยี่ยเทียนถาม
มันเอียงหัวและกระโดดขึ้นไปอยู่ตรงหน้าต่าง มันใช้นิ้วชี้ที่ฟ้า จากนั้นมันอ้าปากและเริ่มหายใจ ท่าทางของมันเหมือนมนุษย์มาก
“เจ้าดูดพลังจากดวงอาทิตย์ได้ด้วย ? ” หน้าของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ
เพราะพลังจากดวงอาทิตย์คือไฟ ส่วนย่อยของปราณวิเศษจะบ้าคลั่งผิดปกติ แม้แต่เยี่ยเทียนเอง ยังกล้าดูดแค่แสงแห่งตะวันออกในตอนเช้าเท่านั้น แสงระหว่างวันเขาไม่กล้า
“จี จี!” เหมาโถวส่ายหัว มันครุ่นคิดไปครู่นึง จากนั้นใช้อุ้งมือทำท่า ๆ หนึ่งออกมา
“พลังของดวงจันทร์งั้นเหรอ ? ทำฉันตกใจหมด” เมื่อเห็นเหมาโถววาดเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เจ้าตัวน้อยนี้แค่พูดไม่เป็น จริง ๆ มันเกือบจะเป็นเอลฟ์แล้ว
“จี จี!” เหมาโถวดูเหมือนรู้สึกกลัว มันเลยกระโดดใส่อ้อมอกของเยี่ยเทียน ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่เล่นผมของเยี่ยเทียน
“สบายใจเถอะ เจ้าตัวน้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่ทิ้งแกหรอก!” เยี่ยเทียนมองเหมาโถวที่ทำหน้าน่าสงสาร อดคิดถึงเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้
ตอนนั้นเขาหลงเข้าไปในภูเขาหิมะ คืนนั้นเจ้าตัวน้อยที่เพิ่งเกิดตัวนี้อยู่เป็นเพื่อนพึ่งพาอาศัยกัน เขารู้ว่า บางทีเหมาโถวอาจคิดว่าเขาเป็นพ่อแม่มันแล้วก็ได้
“จี จี…” เหมาโถวดีใจมากที่เยี่ยเทียนพูดแบบนั้น มันกระโดดขึ้นไปอยู่หัวไหล่ของเยี่ยเทียนเหมือนเช่นเคย และใช้เล็บของมันหวีผมให้เยี่ยเทียน
“พอแล้ว เราออกเดินทางกันพรุ่งนี้ ไม่งั้นไม่มีปลาให้กินนะ!”
เยี่ยเทียนส่งเหมาโถวออกไปจากหน้าต่าง เจ้าตัวนี้มีนิสัยคล้ายเด็กมาก ถ้าทำหน้าทำตาใส่มัน มันสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ทีเดียว
……
“อาจารย์ ที่แท้อาจารย์จะพาเหมาโถวไปด้วยนี่เอง ”
เช้าวันที่สอง ตอนที่โจวเซี่ยวเทียนเห็นเหมาโถวตามหลังเยี่ยเทียนและปีนเข้าไปในรถ เขาเข้าใจทันที และการขับรถไปเสินหนงเจี้ย ล้วนเป็นเพราะเจ้าตัวน้อยตัวนี้
“อืม ถ้าอยู่ในป่า มันมีประโยชน์มากกว่าพวกเราอีก ถ้าพาไปด้วยพวกเราไม่ต้องกลัวเรื่องหลงทางเลย”
เยี่ยเทียนพยักหน้า ที่จริงเยี่ยเทียนก็เพิ่งคิดได้เมื่อวาน และเยี่ยเทียนอยากเห็นว่าเหมาโถวสามารถหาสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับมันเจอหรือไม่
…………………………………………….