“อะไรนะ? แม่ไปที่ทำงาน?”
เยี่ยเทียนตาโต คว้ามือไปจับแขนของแอนนาเอาไว้ และถามอย่างกังวลว่า “ไปเมื่อไหร่? ไปนานแค่ไหนแล้ว?”
“นาย……นายน้อย คุณทำฉันเจ็บ”
แขนของแอนนาที่ถูกเยี่ยเทียนจับเอาไว้ มีเสียงข้อกระดูกดังขึ้น “แครก” กระดูกน่าจะหลุดเพราะแรงดึงของเยี่ยเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะแอนนาเคยอยู่ที่ค่ายไซบีเรียมาก่อน คงจะร้องขึ้นมาแล้ว
“อย่าไร้สาระนะ รีบ ๆ พูด!” เยี่ยเทียนสายตาเย็นชา มือขวาจับแขนของแอนนาและกดขึ้นไป ทำให้ข้อไหล่ของเธอต่อเข้าไปอีกครั้ง
มองดูสีหน้าเป็นกังวลของเยี่ยเทียน แอนนาอดทนกับความเจ็บปวดและตอบว่า “นายหญิงออกไปประมาณ 20 นาทีแล้ว? นายน้อย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ให้ตายเถอะ ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าสองสามวันนี้อย่าออกจากบ้าน?!”
เยี่ยเทียนคลายมือออก และตบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง ทันใดนั้นโต๊ะกินข้าวที่ผลิตจากไม้เอล์มก็หักออกเป็นสี่ห้าส่วน อาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะตกกระจายไปกับพื้น
ตั้งแต่รู้จักเยี่ยเทียน แอนนาไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน จึงพูดด้วยความระมัดระวังว่า “นายน้อย นายหญิงอยากบอกคุณเหมือนกัน แต่คุณบอกว่าห้ามรบกวน ก็เลย…….”
“บัดซบเอ้ย พระเจ้าล้อผมเล่นเหรอไง? ”
เยี่ยเทียนกระทืบเท้ากับพื้นอย่างแรง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพง เวลานี้เป็นเวลา 8:05 น. เยี่ยเทียนเข้าไปดึงแอนนาเอาไว้ หันหลังปุ๊ปก็พุ่งออกไปทันที
“แอนนา ดึงแม่ผมไว้ได้หรือเปล่า ไม่ว่ายังไงก็ห้ามไปที่นั่นตอนนี้!”
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของวิกฤตที่เกิดขึ้นในใจหรือการทำนายที่ได้เมื่อเช้า ไม่มีสิ่งไหนไม่บ่งบอกว่าภัยพิบัติจะไม่เกิดขึ้นในวันนี้ แล้วถ้าเยี่ยเทียนทำนายไม่ผิด เวลานี้เป็นเวลานับถอยหลังแล้ว
“นายน้อย ประตูบ้านยังไม่ทันปิดเลย”
เดินถึงในลิฟต์แล้ว แอนนาเพิ่งนึกขึ้นได้ “เป็นไปไม่ได้ จากที่นี่ไปถึงอาคารเวิลด์เทรดใช้เวลาแค่ 20 นาที นายหญิงน่าจะถึงที่นั่นแล้วนะ ฉันยังไม่ได้หยิบกุญแจรถเลย!”
“ยังจะเอากุญแจอะไรอีกล่ะ ไปเรียกรถ!” เยี่ยเทียนรู้สึกใจร้อนเหมือนไฟกำลังเผา เขาอยากจะมีปีกเลยด้วยซ้ำ อยากจะบินไปอยู่ข้าง ๆ แม่
“ไปไกล ๆ ลิฟต์นี้ไม่รับคน!”
ลิฟต์เพิ่งลงได้สองชั้น ก็ถูกคนกดหยุด ไฟที่อยู่ข้างในใจของเยี่ยเทียนยิ่งพุ่งสูง ความคิดที่จะฆ่าคนก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว สายตามืดมัวน่าตกใจจนคนในลิฟต์ถึงกับถอยหลัง
เมื่อมองเห็นท่าทีของเยี่ยเทียน แอนนาปลอบใจเบา ๆ พูดว่า “นายน้อย อย่าทำแบบนี้เลยนะ นายหญิงไม่เป็นอะไรหรอก”
“ขอให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นอะไรขึ้น ผมฆ่ากลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้แน่!”
แม้ว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนกันยายนที่ร้อนที่สุดแห่งปี แต่ความเยือกเย็นที่กระจายออกมาจากตัวของเยี่ยเทียน ทำให้อุณหภูมิในลิฟต์ถึงกับลดลงมาหลายองศา คำพูดที่กัดฟันพูดออกมาเหล่านั้น ทำให้แอนนายังอดไม่ได้ที่จะกลัวจนตัวสั่น
เยี่ยเทียนไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าเวลาจะผ่านไปช้าขนาดนี้ เขารู้สึกผิดที่ลงไปข้างล่างด้วยลิฟต์ หลังจากสองนาทีผ่านไป ลิฟต์จอดที่ชั้นหนึ่ง เยี่ยเทียนดึงแอนนาและออกวิ่งไปทันที
“รีบขึ้นรถ!”
ตอนนี้เพิ่งแปดโมงเช้า คนมากมายกำลังเดินทางไปทำงาน บริเวณที่รอรถมีคนต่อแถวกันยาวเหยียด เยี่ยเทียนไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น เขาเบียดเข้าไปด้านหน้าสุด เปิดประตูรถคันนึงออก
“เห้ ไอ้หนุ่ม มีมารยาทหน่อย……” ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจะก้มตัวลงขึ้นรถ เขาถูกคนอื่นจับไหล่เอาไว้
พอหันกลับไปดู เป็นชายผิวขาวที่อ้วนใหญ่กว่าเยี่ยเทียนสองคน ส่วนสูงเกือบ 1.9 เมตร สายตาจ้องมาที่ตัวเองอย่างไม่เป็นมิตร
“ไป!”
เยี่ยเทียนไม่มีเวลาไร้สาระกับเขาหรอก เยี่ยเทียนดันคนนั้นอย่างแรงบริเวณหน้าอกของชายคนนั้น ชายผิวขาวที่ข่มขู่เยี่ยเทียนยังพูดไม่ทันจบ ตัวเขาก็ลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว
“พระเจ้า บินขึ้นได้ยังไง?”
“โห คุณ รีบมาดูซุปเปอร์แมนสิ!”
“โอ้มายก๊อด กังฟูของจีน ”
การปะทะของเยี่ยเทียนกับชายผิวขาวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณรอรถยังไม่ทันรู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ มีแค่ไม่กี่คนที่เห็นการกระทำของเยี่ยเทียน
ชายผิวขาวน้ำหนักกว่า 150 กิโล ลอยข้ามราวกั้นไปแล้ว และตกลงไปที่ถังขยะข้างถนน จากนั้นก็มีเสียงดังโครมเกิดขึ้น ทำให้บริเวณแถวนั้นยุ่งเยิงไปหมด
“ออกรถ ไม่งั้นคุณจะเป็นเหมือนคนนั้น!” หลังจากมุดเข้าไปในรถ เยี่ยเทียนใช้สายตาอันเย็นชามองไปที่คนขับรถผิวดำ
“โอเค ผมไม่ใช่ตำรวจ การกระทำของคุณเมื่อครู่ไม่เกี่ยวกับผม!”
คนผิวดำที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านกระจกหลังถึงกับยักไหล่ และรีบเหยียบคันเร่ง “เมื่อกี้คุณใช้กังฟูของจีนเหรอ? คุณเท่ห์มาก หลีเสี่ยวหลงก็ทำไม่ได้หรอกมั้ง?”
คนผิวดำเป็นคนพูดมาก เขาไม่ทันสังเกตสายตาแห่งความอาฆาตของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ แต่ตอนที่เขากำลังจะพูดต่อ เงินสดหนึ่งฟ่อนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
“สิบนาที ไปให้ถึงตึกเวิลด์เทรด 5000 ดอลล่าร์นี่จะเป็นของคุณ”
แอนนายื่นมือออกไป ยังดีที่กระเป๋าของเธอวางไว้แถวประตู และหยิบได้ทันก่อนจะออกมา ไม่งั้นเยี่ยเทียนคงจะได้นั่งรถแบบอันธพาลแล้วล่ะ
“คุณคนสวยล้อผมเล่นรึเปล่า? ผมเป็นประชาชนที่ทำตามกฎหมายนะ!”
คำพูดของคนผิวดำเกือบทำให้เยี่ยเทียนบีบคอจนตาย เยี่ยเทียนยังไม่ยื่นมือออกไป คนขับรถพูดขึ้นในทันทีว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า แล้วคนที่ขอเป็นคุณผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ ผมว่า……ผมสามารถทำตามคำขอคุณได้นะ”
คนผิวดำผิวปากไปหนึ่งที และหยิบเงินฟ่อนนั้นมาไว้ในมือ จากนั้นก็เปิดวิทยุในรถ ทันใดนั้นก็มีเสียงเพลงแร็ปสไตล์คนดำดังสนั่นออกจากลำโพง
เยี่ยเทียนรู้สึกแค่ตัวของเขาถูกดันไปข้างหลัง ส่วนคันเร่งก็ถูกคนขับเหยียบจนมิด รถที่จอดอยู่ตรงสี่แยก พุ่งตัวออกไปเหมือนธนู
“มันส์สุด ๆ ไปเลยเว้ย!”
พอเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังสี่แยกวุ่นวายไปหมด คนขับรถผิวดำก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มี 5000 ดอลล่าร์ไว้ใช้จ่าย เขาสามารถขับรถแบบรถแข่งได้
เยี่ยเทียนยื่นมือไปปิดวิทยุทิ้ง และตะโกนกับแอนนาว่า “โทรหาแม่ผม ไม่ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ บอกให้แม่ออกจากตึกนั้นเดี๋ยวนี้!”
ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เยี่ยเทียนที่เป็นคนมีสติตลอดก็สูญเสียสติไปแล้วตอนนี้ เขาลืมโทรศัพท์ที่เป็นสิ่งของในยุคปัจจุบันไปได้ยังไง ขึ้นรถแล้วถึงนึกขึ้นได้
“ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้เลย!” พอแอนนาได้สติ ก็รีบหาโทรศัพท์ในกระเป๋าและทำการโทรออกไป ส่วนแท็กซี่ก็ยังคงซิ่งอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของแอนนาถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอยู่อย่างนั้น
“นายน้อย ไม่มีคนรับสาย ไม่รู้ว่านายหญิงทำอะไรอยู่?” แอนนาโทรออกไปถึงสามครั้ง และวางมือถือลงอย่างหดหู่ใจ โทรศัพท์ในห้องผู้บริหารกับแผนกต้อนรับก็ไม่มีคนรับ
“ให้ตายเถอะ ไปพักร้อนกันหมดแล้ว!” เยี่ยเทียนในเวลานี้ อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับแท็กซี่คันนี้ “พี่ชาย เร็วอีก ผมให้คุณอีก 5000”
“ได้ นั่งกันให้ดีล่ะ!”
แม้ว่าหนุ่มผิวดำจะไม่ค่อยพอใจที่เยี่ยเทียนปิดวิทยุเขา แต่พอได้ยินว่าจะได้เงินอีก 5000 ดอลล่าร์ ตาก็ลุกวาวทันที “ในตอนนั้น ถ้าฉันไปแข่งรถ ก็คงเร็วกว่าเซนนากับชูมัคเคอร์แน่ ๆ !”
เยี่ยเทียนไม่เคยดูการแข่งรถของเซนนา แต่เขายอมรับว่าหนุ่มผิวดำคนนี้มันบ้าจริง ๆ
ระยะทางที่ต้องใช้เวลา 20 นาที คนขับรถผิวดำใช้เวลาเพียง 6 นาทีเท่านั้น ตอนที่ลงรถ สองขาของเยี่ยเทียนยังรู้สึกอ่อนตาม เพราะเมื่อครู่มีหลายครั้งมาก ที่เกือบจบชีวิตบนรถก่อนภัยพิบัติจะมาถึง
8:10 น. ตอนที่ลงรถ เยี่ยเทียนมองดูนาฬิกา
“เห้ คุณยังไม่ได้ให้เงินผมเลย?”
ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจะวิ่งไปที่ประตู คนขับรถผิวดำลดกระจกฝั่งคนนั่งลงและยื่นหัวออกมา
เยี่ยเทียนหยุดเดิน มองดูรอบ ๆ ไปครู่หนึ่งและพูดว่า “แอนนา เอาเงินให้เขา จากนั้นเธอไปหาที่หลบไกล ๆ หน่อยนะ ออกจากบริเวณนี้ไปเลย !”
ตึกนี้ไม่เหมือนกับหลายวันก่อน ตอนนี้ประตูของตึกเวิลด์เทรดถูกครอบคลุมไปด้วยพลังพิฆาต บริเวณรัศมีภายใน 10 เมตร น่าจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้
“นายน้อย ฉันจะไปกับคุณ !” แอนนาจ่ายเงินเสร็จก็รีบตามมา
“ฉันไม่มีเวลามาดูแลเธอหรอกนะ ไปไกล ๆ ผม!” เยี่ยเทียนหันไปถลึงตาใส่ ดวงตาที่แดงเป็นเลือดน่ากลัวจนแอนนาถึงกับหยุดเดิน
หลังจากสะบัดแอนนาออกไปได้ เยี่ยเทียนพุ่งเข้าไปที่ตึกทันที แต่ตอนนี้เป็นเวลาเร่งด่วน ลิฟต์ทุกตัวเต็มไปด้วยผู้คน
บ้างก็ใส่สูทรองเท้าหนัง บ้างก็ใส่กระโปรงมืออาชีพ ไม่มีใครสัมผัสได้เลยว่าภัยพิบัติกำลังจะมาถึง ใบหน้าของพวกเขามีแต่ความสำเร็จที่สามารถหาได้จากตึกนี้
“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าคุณต้องการประกันมั้ย? ผมมาจากบริษัทประกัน AIG ผมมีบริการประกันจะแนะนำให้คุณนะ” ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังใจร้อนเป็นไฟ เสียงผู้ชายดังขึ้นข้างหู
“บ้าเอ้ย ประกันมีแต่คนตายเท่านั้นถึงจะได้ใช้!”
ในใจของเยี่ยเทียนอยากจะบีบคอคนนี้ให้ตายคามือทีเดียว แต่พอดูลิฟต์ที่ไม่ลงมาสักที เยี่ยเทียนก็อดกลั้นเอาไว้ และพูดว่า “ผมสามารถซื้อประกัน 1 ล้านดอลล่าร์ได้ แต่คุณต้องบอกผมก่อนว่า ทางหนีไฟอยู่ตรงไหน?”
เยี่ยเทียนเข้าใจแล้วว่า การรอลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้นที่ 18 คงต้องใช้เวลากว่า 20 นาที แต่เขาไม่มีเวลาอีกแล้ว เพราะความอันตรายนั้นกำลังกดทับไว้ที่หัวของเขาราวกับเมฆดำ
“ทางหนีไฟอยู่ทางนั้น คุณจะซื้อจริงหรือเปล่า?” เซลส์คนนั้นเพิ่งพูดออกมา เยี่ยเทียนก็หายไปจากตรงนั้นเหมือนลมพัด
“คุณไปรอผมที่ร้านกาแฟตรงนั้น ผมจะไปซื้อประกันกับคุณ!”
เสียงของเยี่ยเทียนดังมากจากระยะไกล สุภาษิตเคยกล่าวไว้ช่วยคนหนึ่งคนยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ถือว่าเขาทำบุญละกัน!
…………………………………………………..