ความจริงแล้ว การโจมตีของแอนโทนี มาร์คัสเป็นวิธีการธรรมดา ใช้แค่ขาทั้งสองเตะด้านข้าง
จากการฝึกซ้อมมาเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ลูกเตะลูกถีบของเขาถือว่าขึ้นชั้นเซียนทีเดียว เพียงแค่การเตะด้านข้างธรรมดา ก็มีอย่างน้อยสามครั้งขึ้นไปที่เกือบทำให้เยี่ยเทียนเป็นอันตรายถึงชีวิต
หลังจากสู้กันได้เจ็ดแปดนาที แอนโทนี มาร์คัสบางครั้งก็ดูเหมือนเสือร้ายแห่งไซบีเรีย ต่อสู้ด้วยพละกำลังอย่างดุเดือด บางครั้งกลับดูเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่หลบหลีกการโจมตีที่ถึงชีวิตของเยี่ยเทียน
แม้ว่าแอนโทนีจะทำให้เกิดบาดแผลบ้าง แต่จนถึงตอนนี้เยี่ยเทียนยังหาโอกาสโจมตีถึงชีวิตไม่ได้เลย สภาพการณ์แบบนี้กลับทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
แอนโทนี มาร์คัสไม่เหมือนกับถังหลง โดยเฉพาะตอนที่ต่อสู้กับ โฮเกน เป็นเวลาสิบห้านาทีครั้งนั้น เขารู้ดีว่าพละกำลังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแข่งมวย
นอกจากจะต้องฝึกกระบวนท่าการโจมตีแล้ว แอนโทนียังให้ความสำคัญกับการฝึกความอดทน ตามการคาดเดาของเยี่ยเทียน แอนโทนีต่อสู้ในสิบนาที แรงไม่มีตกเลย
ด้วยสัญชาตญาณของเยี่ยเทียนที่แม่นยำไม่มีผิดเพี้ยนบอกว่าพละกำลังของฝ่ายตรงข้ามกำลังค่อยๆถดถอยลง ตรงท่อนขาของแอนโทนีที่เคยได้รับบาดเจ็บ กำลังเริ่มสั่นคลอนแล้ว
“หรือว่าจะเป็นการหลอก?” เยี่ยเทียนเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
เยี่ยเทียนเดาไม่ผิด ตอนนี้แอนโทนี มาร์คัสกำลังปิดบังอาการบาดเจ็บของตัวเองอยู่
วิธีการฝึกซ้อมมวยปล้ำนั้นถ้าเทียบกับการฝึกวิชานอกรีตต่างๆแล้วเป็นที่เอน็จอนาถกว่ามาก พวกเขาอาศัยแรงโจมตีจากภายนอกเพื่อฝึกความอดทนอดกลั้นของตัวเอง ดึงเอาศักยภาพของร่างกายที่ซ่อนอยู่ออกมา
ศักยภาพของร่างกายมนุษย์นั้นไม่มีประมาณ ยกตัวอย่างเช่น มารดาที่ร่างกายบอบบางสามารถใช้มือยกรถทั้งคันที่กำลังทับตัวบุตรของเธออยู่ขึ้นได้
แต่ศักยภาพแบบนี้หาได้น้อยนัก เช่นเดียวกับการกระตุ้นสมองของมนุษย์ ปกติแล้วสมองของคนเราจะใช้ความสามารถที่แท้จริงอยู่เพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ต่อให้เป็นอัจฉริยะอย่างไอน์สไตน์ยังใช้ความสามารถของสมองได้ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เลย
ส่วนนักมวยใต้ดินเหล่านี้เคยผ่านการฝึกซ้อมตามหลักวิทยาศาสตร์ สามารถกระตุ้นศักยภาพของตัวเองออกมา กดดันให้เซลล์ในร่างกายแตกสลาย เพื่อให้กล้ามเนื้อสร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ทั้งยั้งทนทานต่อแรงกระทำภายนอกได้นานขึ้นด้วย
แต่สภาพร่างกายที่ถูกกระตุ้นด้วยวิธีนี้มีอันตรายมาก ในขณะที่ใช้แรงจากภายนอกกระตุ้นนั้น ร่างกายมนุษย์จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนักมวยอย่าง คิงวิลเลียมและคนอื่น ๆ จึงถอนตัวออกจากสังเวียนด้วยสถิติไร้พ่ายในประวัติศาสตร์ของกีฬามวย แต่มีชีวิตอยู่ถึงแค่อายุหกสิบต้น ๆ เท่านั้น ส่วนผู้ที่ฝึกวิชากำลังภายในจนถึงขั้นสูงต่างอายุยืนอย่างน้อยถึงหนึ่งร้อยปี ซึ่งนี่คือความแตกต่างของนักสู้ทั้งสองคน
แอนโทนี มาร์คัส สามารถป้องกันแชมป์ได้ถึงสิบปีถือเป็นจุดสูงสุดในชีวิตของเขาแล้ว ในสิบปีนี้เขาอยู่ในวงการมวยปล้ำอย่างคงกระพัน มีชื่อเสียงเลื่องลือ แต่สิ่งที่ป้องกันไม่ได้คือ ตอนนี้เขากำลังเสื่อมลง
โดยเฉพาะเมื่อเยี่ยเทียนโจมตีโดยใช้ความอ่อนในความแข็ง ทุกครั้งที่โจมตีโดนคู่ต่อสู้ เป็นแรงกระทบที่เข้าไปทำลายอวัยวะภายในของแอนโทนี
แรงกระทบแบบนี้ถ้าโดนแค่ครั้งสองครั้งไม่เป็นไร แต่ถ้าโดนมากๆเข้า ก็จะทำให้อาการบาดเจ็บของแอนโทนีกำเริบขึ้นมา
แอนโทนีเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเกิดความผิดปกติบางอย่าง สองขาที่เขาใช้โจมตีกำราบคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วน ตอนนี้กลับเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
หมัดเหล็กทั้งสองข้างก็ดูจะอ่อนแรงลงเช่นกัน แม้แต่ความเจ็บปวดตามร่างกายยังเริ่มทวีคูณขึ้น ความเจ็บปวดเหล่านี้ทำให้แอนโทนีกัดฟันทนเอาไว้
มองดูเยี่ยเทียนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ได้ยินเสียงโห่ร้องตะโกนมาจากผู้ชม แอนโทนีเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาว่าดูท่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายในชีวิตของเขาแล้ว
แอนโทนี มาร์คัสไม่ถึงขนาดสูญเสียความมั่นใจไปเสียทีเดียว ตอนนี้ในใจของเขาไม่สนเรื่องการแพ้ชนะอีกแล้ว เพราะในการต่อสู้ มีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา ตำแหน่งแชมป์จะอยู่หรือไม่ก็ไม่สำคัญ
แอนโทนีมองเห็นภาพในอดีตอย่างชัดเจน ชีวิตที่อัตคัดในวัยเด็ก สิบกว่าปีในสังเวียนมวยปล้ำที่มีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทำให้ไม่เกรงกลัวความตาย ชีวิตนี้เขาต่อสู้ก็เพื่อการแข่งขัน!
เมื่อรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ แอนโทนีจ้องมองเยี่ยเทียนพูดว่า “ผมต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอด ผมยินดีมากที่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของผมได้พบกับคุณ!”
เยี่ยเทียนรับฟังน้ำเสียงทุ้มต่ำของแอนโทนีแล้วส่ายหัวตอบกลับว่า “คุณเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ายกย่อง ถ้าหากคุณอายุน้อยกว่านี้สักห้าปี ผมคงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของคุณได้!”
เยี่ยเทียนไม่ได้พูดหว่านล้อมและก็ไม่ได้ปลอบใจแอนโทนี เขาพูดตามความรู้สึกของตัวเอง
แม้ว่าสภาพร่างกายพละกำลังของเยี่ยเทียนจะแข็งแรงกว่าแอนโทนีเพียงเล็กน้อย แต่เรื่องการฆ่าคน เขาต่างจากแอนโทนีหลายขุม อันตรายที่เกิดขึ้นในหลายๆครั้งนี้เป็นเพราะเขาไม่มีประสบการณ์มากพอ
แอนโทนีเองเรื่องสัญชาตญาณเตือนภัยอันตรายแม้จะรวดเร็วกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัว แต่เขามีอาการบาดเจ็บที่หลบซ่อนอยู่ การแข่งขันครั้งนี้ใครจะเป็นผู้รอดชีวิตลงจากเวทีนั้นยังไม่อาจตัดสินได้
กับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อเช่นนี้ เยี่ยเทียนให้ความนับถือ แอนโทนีเป็นคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อมวยใต้ดิน ชีวิตและความเชื่อต่างยกให้กับมวยใต้ดินจนหมดสิ้นและแอนโทนี มาร์คัสก็ได้ขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว
“ผมจะสู้จนวาระสุดท้าย ถึงจะไม่มีกำลังแล้ว ผมยังคงเป็นเครื่องมือฆ่าคนในตำนาน!”
แอนโทนีไม่พอใจกับคำตอบของเยี่ยเทียน การแข่งขันยังไม่สิ้นสุด เขาไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ นี่ไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นความตาย แต่เพื่อชัยชนะ กับเกียรติศักดิ์ศรีแห่งเจ้าสังเวียน
“เข้ามาเลย!” เยี่ยเทียนผงกหัว พูดว่า “คุณจะต้องได้รับผลของการเป็นเจ้าแห่งสังเวียนมวย!”
“พวกคุณอยากตายก็รีบเข้า ให้ตายเถอะ เร็วๆหน่อย รีบๆจัดการปิดเกมส์ลงเสียที!”
บทสนทนาของเยี่ยเทียนกับแอนโทนีทำให้ผู้ชมทุกคนต่างจับจ้อง แต่บางคนรำคาญ อย่างเช่น โทนี่พ่อทูนหัวของแก๊งค์มาเฟียอิตาลีที่ก่นด่าอย่างรำคาญใจ
เสียงตะโกนอย่างห่านตัวผู้ของนายโทนี่ทำให้ผู้ชมแสบแก้วหู เยี่ยเทียนมองแอนโทนีด้วยสายตาที่เปลี่ยนเป็นเย็นชาลงทันที
ไม่ว่าเจ้าสังเวียนหลายสมัยอย่างแอนโทนี มาร์คัสหรือคนที่หยิ่งทระนงอย่างเยี่ยเทียนต่างไม่ชอบใจกับการสบประมาทแบบนี้ เยี่ยเทียนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เขาจะได้ตายก่อนคุณแน่นอน!”
“ใครๆก็ต้องตายทั้งนั้น!”
แอนโทนีไม่เข้าใจความหมายของเยี่ยเทียน แต่รู้สึกว่ากำลังของตนถดถอยลงไม่หยุด การถ่วงเวลาให้นานเข้าไม่เป็นผลดีกับตัวเองเลย
พร้อมกันนั้นแอนโทนีคำรามเสียงดังราวสัตว์ป่าแล้วพุ่งตัวเข้าหาเยี่ยเทียน ตอนนี้การเคลื่อนไหวของเขาไม่มีการป้องกันใดๆ แขนทั้งสองอ้ากว้าง เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้ใช้ท่อนขาโจมตี
สายตาของเยี่ยเทียนเฝ้าจับตาสังเกตการเคลื่อนไหวของแอนโทนี แล้วตาก็ลุกวาวขึ้นมา เขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังคิดอะไรอยู่ เขาอยากจะเป็นผู้ชนะที่สังหารคู่ต่อสู้แล้วได้เป็นเจ้าสังเวียน
ทำดีได้ดี หากคนๆหนึ่งได้ตายไปพร้อมกับหลักการและความปรารถนานั้น ก็ถือว่าบรรลุถึงความสุขของชีวิตแล้ว
เยี่ยเทียนไม่มีความลังเลใด เขาพุ่งตัวออกไปรวดเร็วดั่งลูกธนู
ในระยะห่างจากตัวแอนโทนีประมาณสามเมตร เยี่ยเทียนใช้เท้าซ้ายถีบยันกับพื้น ออกแรงจากเอวและท้อง ตีลังการ้อยแปดสิบองศา ใช้แรงถีบจากเท้าขวาซัดเข้าที่ยอดอกของแอนโทนีเต็มๆ
“ผลั่ก!”
เสียงดังหนักๆดังลั่น ลูกถีบของเยี่ยเทียนมีแรงมหาศาล จนทำให้หน้าอกของแอนโทนีเป็นรอยบุ๋มลงไป
แรงสะท้อนที่รุนแรงซัดเอาร่างของแอนโทนีกระเด็นลอยออกไปทางรั้วเหล็กขอบเวที
รั้วเหล็กก็ไม่อาจหยุดยั้งแรงกระแทกอย่างมหาศาลนั้นลงได้ “ปัง” เสียงร่างกายแอนโทนีกระแทกกับรั้วเหล็กท่อนหนาขนาดเท่าสองท่อนแขนให้หักเป็นสองท่อน ร่างของเขายังถลาไปด้านหลังอีกไกล
ระยะห่างระหว่างแถวที่นั่งคนดูแถวแรกห่างจากเวทีประมาณห้าหกเมตร เยี่ยเทียนถีบแอนโทนีให้ลอยไปไกลถึงแถวที่นั่งของผู้ชม จะว่าบังเอิญหรือตั้งใจ ร่างของแอนโทนีลอยไปตกใกล้กับที่นั่งของนายโทนี่ที่พูดจาสบประมาทพวกเขาคนนั้น
ตอนที่ร่างของแอนโทนีลอยอยู่กลางอากาศ เขาได้กระอักเลือดสดๆออกมา อวัยวะภายในแหลกเหลว แต่ด้วยความเข้มแข็งซึ่งไม่ผิดจากที่เยี่ยเทียนคาดการณ์ไว้
“ขอบคุณมาก ผมอยากจะ เด็ดหัวเจ้านั่นมานานแล้ว!”
เรี่ยวแรงสุดท้ายของชีวิตกำลังเหือดหาย แต่สมองของแอนโทนีกลับรับรู้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าโทนี่นั่งอยู่ตรงหน้า แอนโทนีแสยะยิ้มออกมา
การเป็นนักมวยปล้ำมืออาชีพนั้น แอนโทนีเคยได้ยินเสียงตะโกนก่นด่าจากผู้ชมมามาก แต่คนเหล่านั้นเขาไม่สามารถทำความเดือดอะไรให้ได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกแล้ว
แอนโทนีรวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ยื่นมือซ้ายออกไป ค่อยๆบีบคอโทนี่ ผู้อาวุโสของแก๊งค์มาเฟียอิตาลีดูราวกับตกใจจนตัวแข็งค้าง ไม่กล้าขยับร่างกายหนีแม้แต่น้อย!
“แกร๊ก!” เสียงหักดังสะท้อนออกมา ลำคอของโทนี่อ่อนปวกเปียกลง ใบหน้ายังแสดงถึงความสับสนงุนงง ราวกับว่าประหลาดใจที่จู่ๆแอนโทนีมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตน
“ขอบคุณมาก!”
แอนโทนีกระจ่างในความหมายของเยี่ยเทียนแล้ว เมื่อหักคอโทนี่เสร็จ ใบหน้าของแอนโทนียิ้มแย้มอย่างอิ่มเอม เส้นทางบนสังเวียนมวยปล้ำของเขาเริ่มด้วยการฆ่าคน ไม่คิดว่าจะจบลงด้วยการฆ่าคนเช่นกัน แอนโทนีรู้สึกพึงพอใจแล้ว
“ลากเขาออกมา รีบลากเขาออกมา!” ถึงคลีเมตสันจะรับปากในคำขอของเยี่ยเทียน ให้คนในสนามแข่งทั้งหมดลงนามยอมรับความเป็นความตาย
แต่เหตุผลที่เลือกสถานที่นี้เป็นสนามแข่ง ก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตรงหน้า แต่ลูกถีบของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าอยู่นอกเหนือการควบคุมของคลีเมตสัน เขาจึงรีบตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาจัดการในสนามแข่ง
แต่ตอนที่พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใช้ไม้กระบองหนังทุบตีแยกมือของแอนโทนีออกจากลำคอของโทนี่นั้น เขาได้สิ้นลมไปแล้ว แอนโทนีก็จากไปอย่างสงบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นกัน
………………………………………………..