หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 638 แบ่งผลประโยชน์ (2)

สีหน้าของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความสงสัย ตอนที่เห็นขอบตาดำเหมือนหมีแพนด้าของจู้เหวยเฟิง

“ไม่ได้นอนทั้งคืนใช่มั้ย?”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรมาก กลับห้องนายกัน!”

จู้เหวยเฟิงมองซ้ายมองขวาเหมือนโจรและลากเยี่ยเทียนกลับไปห้องของเขา สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงคือต่งเซิงไห่รออยู่ในนั้นแล้วด้วย สีหน้าของเขาพอๆกับจู้เหวยเฟิงเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่มีความตื่นเต้นแฝงอยู่

“มีอะไรก็พูดได้แล้วมั้ง!”

เยี่ยเทียนเปิดประตูห้องและพาสองคนนั้นเข้าไป “คืนนี้มีแข่งอีก ไม่มีเวลามาพูดไร้สาระกับพวกคุณหรอกนะ พูดให้กระชับ พูดเสร็จก็ไปได้แล้ว!”

อย่ามองว่าเยี่ยเทียนดูใจเย็น แต่การแข่งขันในค่ำคืนนี้เขาก็รู้สึกกดดันเหมือนกัน

การแข่งขันหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เห็นเต็มตาเกี่ยวกับความโหดเหี้ยมและการนองเลือดของมวยใต้ดิน อัตราการตายของทุก ๆ รอบการแข่งขันอยู่ที่ 100% เต็ม ๆ แม้ใจของเยี่ยเทียนจะนิ่งก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเขาสามารถลงจากเวทีได้โดยไม่เป็นอะไรเลย

“เห้ เราสองคนเอาเงินมาให้นาย นายไม่รับน้ำใจกันหน่อยหรอ?”

จู้เหวยเฟิงได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนทั้งโกรธทั้งขำ พวกเขาเพิ่งพูดคุยกับฟรุสเสร็จ ยังไม่ทันเข้านอนก็รีบมาหาเยี่ยเทียน และไม่คิดว่าจะเจอสีหน้าเย็นชาของเขา

“ว่ามาเลย ฟรุสทำข้อตกลงกับพวกคุณยังไงบ้าง?” เยี่ยเทียนพูดด้วยความขี้เกียจ “อย่างอื่นผมไม่สน แต่อย่าลากผมเข้าไปในข้อแลกเปลี่ยนก็พอ ไม่เช่นนั้นอย่าหาผมไม่เตือน!”

พอพูดถึงตรงนี้ สองตาเยี่ยเทียนไม่จ้องแต่กลับหรี่ตาลง ตาที่หรี่ลงทำให้จู้เหวยเฟิงกับต่งเซิงไห่ยิ่งรู้สึกเย็นไปทั้งตัว เหมือนกับถูกสัตว์ป่าจ้องไว้ปานนั้น

เยี่ยเทียนเริ่มสะสมพลังจิตสังหารตั้งแต่เริ่มดูการแข่งขันมวยใต้ดิน จนถึงวันนี้พลังจิตสังหารมันพุ่งถึงจุดสูงสุดแล้ว แม้จะระบายออกมาแล้วเล็กน้อย แต่ก็ใช่ว่าจู้กับต่งสองคนนั้นจะรับได้

“พวกเรากล้าทำที่ไหนกัน เรื่องมันเป็นแบบนี้…..”

จู้เหวยเฟิงขนลุก และเล่าผลการเจรจาของพวกเขากับฟรุสทั้งหมด โดยเฉพาะตอนที่พูดถึงรายละเอียดเขาต้องหันกลับไปถามต่งเซิงไห่ เพราะกลัวว่าจะเล่าไม่ครบ

หลังจากฟรุสเชิญจู้เหวยเฟิงพบปะหน้า ประโยคแรกที่เสนอออกมา เขายอมมอบสนามมวยใต้ดินของประเทศไทยให้กับจู้เหวยเฟิง ซึ่งรวมถึงรายชื่อแขกพิเศษที่ชื่นชอบการดูมวยใต้ดินอีกด้วย

ฟรุสยังพูดถึงปัญหาของสนามมวยในประเทศไทยอีกว่า มวยใต้ดินของประเทศไทยเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่มีประชาชนร่วมพนันด้วย ฉะนั้นผลประโยชน์มหาศาลที่เกิดขึ้น 80% มาจากประชาชนทั่วไป เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่มีเพียงพวกมหาเศรษฐีแล้ว ไม่มีความหมายอะไรเลย

และแทบจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าจู้เหวยเฟิงอยากจัดการแข่งขันในประเทศไทยเหมือนกับฟรุส

จู้เหวยเฟิงไม่เพียงแต่ไม่มีเครือข่ายในประเทศไทยเหมือนกับฟรุส แม้แต่การจัดตั้งมวยใต้ดินที่ต้องใช้กำลังคน จะพึ่งพาแค่สนามมวยใต้ดินที่ไม่สมบูรณ์ของประเทศจีนก็ไม่สามารถดึงคนมาช่วยได้

หลังจากสอบถามต่งเซิงไห่เกี่ยวกับข้อเท็จจริง และทราบว่าสิ่งที่ฟรุสพูดเป็นความจริง จู้เหวยเฟิงก็อึ้งไปทีเดียว

แม้ว่าการรับสนามมวยของญี่ปุ่นมาดูแลจะง่ายกว่า แต่จู้เหวยเฟิงยังขาดคนดูแลจำนวนมาก ถ้าไม่มีบุคลากรระดับล่างที่มีประสบการณ์ ไม่ว่าเขาอยากจะรับสนามมวยแห่งไหนมาดูแลก็คงเป็นได้แค่การฝันกลางวัน

ต่งเซิงไห่มีประสบการณ์มวยใต้ดินมาหลายปี และมีบุคลากรที่มีประสบกาณ์มากมาย แต่ถ้าอยากจะรับช่วงต่อสนามมวยทั้งสองแห่ง เขามีใจช่วยแต่ว่ากำลังแรงมีไม่พอ และถ้าเยี่ยเทียนชนะแอนโทนี มาร์คัสอีกเขาก็ต้องส่งคนไปรับช่วงต่อเหมือนกัน ฉะนั้นเขาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือกับจู้เหวยเฟิงได้จริง ๆ

ในสถานการณ์เช่นนี้ ฟรุสได้ชี้แจงเงื่อนไขของเขา นั่นก็คือเขาจะส่งมอบสนามมวยใต้ดินของประเทศไทยให้กับจู้เหวยเฟิงก่อน เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ผู้รับรองฝั่งเรือควีนอลิซาเบธรับทราบ และเป็นขั้นตอนที่ต้องทำตามอยู่แล้ว

หลังจากส่งมอบเสร็จสิ้น ฟรุสจะใช้เงิน 1000 ล้านซื้อหุ้นส่วน 80% ของสนามมวยประเทศไทยจากจู้เหวยเฟิง หุ้นส่วนอีก 20% เหลือไว้ให้จู้เหวยเฟิง แต่อำนาจการบริหารของสนามมวยใต้ดินต้องให้ฟรุสเป็นคนจัดการทั้งหมด

หลังจากพิจารณาข้อแลกเปลี่ยนเสร็จ จู้เหวยเฟิงเป็นอันว่าตกลงตามเงื่อนไขนั้น ถึงแม้ตลาดของไทยจะดีแต่สิ่งที่เขามีนั้นยังไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการ หากขายหุ้นได้พันล้านดอลล่าร์ แล้วยังมีหุ้นเหลืออีก 20% จู้เหวยเฟิงรู้สึกพึงพอใจแล้ว

หลังจากทำข้อตกลงสนามมวยของประเทศไทยเสร็จ ฟรุสได้เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปที่สนามมวยญี่ปุ่น เขายื่นข้อเสนอ 600ล้านดอลล่าร์เงินสดซื้อหุ่นส่วน 40% ขณะเดียวกันเขาจะส่งผู้ช่วยที่เก่งที่สุดให้กับจู้เหวยเฟิงเพื่อดูแลจัดการเกี่ยวกับองค์กรสนามมวยใต้ดินในประเทศญี่ปุ่นให้

ตลาดมวยใต้ดินในญี่ปุ่นไม่ได้รับความนิยมเท่าประเทศไทย แต่ญี่ปุ่นมีคนรวยระดับสูงจำนวนมากมีส่วนแบ่งมหาศาลในแต่ละปีเมื่อเทียบกับประเทศไทย เมื่อเจอจู้เหวยเฟิงที่เป็นมือใหม่ ฟรุสจึงสนใจตลาดญี่ปุ่นมากเป็นพิเศษ

หลังจากได้ยินแผนการซื้อควบของฟรุสเสร็จ ต่งเซิงไห่ก็อดใจไม่ไหว ถ้าจะบอกว่าประเทศไทยมีฟรุสเป็นเจ้าถิ่น มันยากเกินกว่าที่เขาจะแทรกเข้าไป แต่เนื้อก้อนใหญ่อย่างญี่ปุ่น ยังไงแล้วต่งเซิงไห่ก็อยากจะขอมีส่วนร่วมด้วย

เขาจึงเสนอเงิน 600ล้าน เพื่อซื้อหุ้นส่วน 40%เหมือนกัน ส่วนบุคลากรชั้นดูแลจัดการ เขาส่งคนไปได้เช่นกัน

ท่าทีของสองคนนั้นทำให้จู้เหวยเฟิงทำอะไรไม่ถูก ของประเทศไทยเขาสามารถปล่อยไปได้ แต่ถ้าเป็นญี่ปุ่น จู้เหวยเฟิงคิดว่ายังไงก็ต้องอยู่ในกำมือของเขา เพราะไม่มีสิ่งไหนสามารถบรรเทาความเกลียดคนญี่ปุ่นได้นอกจากการหากำไรจากพวกนั้นแล้ว

หลังปรึกษาหารือกันเสร็จ จู้เหวยเฟิงยอมให้ฟรุสและต่งเซิงไห่เอาเงินออกมาคนละ 400ล้านดอลล่าร์ ถือหุ้นส่วนของสนามมวยญี่ปุ่นคนละ 24% และคนดูแลจะมีทั้งคนของต่งเซิงไห่ และ ฟรุส

ส่วนจู้เหวยเฟิงไม่ต้องออกเงินเลย หลังจากที่ขายหุ้นไปได้ 48% เขายังมีหุ้นส่วนในสนามมวยญี่ปุ่นอีก 52% ถือว่ามีสิทธิ์ตัดสินเด็ดขาดในสนามมวยใต้ดินญี่ปุ่น

หลังจากตกลงรายละเอียดต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย สุดท้ายจู้เหวยเฟิง ฟรุสและต่งเซิงไห่ก็ลงนามพร้อมกันในเอกสารสัญญาฉบับร่าง เห็นได้ว่าเป็นเป็นการกระจายผลประโยชน์โดยที่ทั้งสามฝ่ายเป็นผู้ชนะ

แม้ว่าฟรุสจะจ่ายเงิน 1400 ล้านดอลล่าร์ออกไป แต่เขาได้สนามมวยใต้ดินของประเทศไทยกลับมา นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นส่วนในองค์กรสนามมวยใต้ดินของญี่ปุ่นด้วย พันกว่าล้านที่เสียไปเขาใช้เวลาเพียงสองปีก็เอากลับมาได้แล้ว ซึ่งคุ้มค่ากว่าการมอบสนามมวยของไทยให้กับจู้เหวยเฟิง

สำหรับต่งเซิงไห่เป็นแค่ผลพลอยได้ เขาใช้เงิน 400ล้าน ซื้อสนามมวยที่มีชื่อเสียงมากในเอเชียอย่างญี่ปุ่นมาได้ ไม่ต้องคิดเลยว่ามันคุ้มค่าแค่ไหน

ถ้าเยี่ยเทียนชนะแอนโทนี มาร์คัสอีก ต่งเซิงไห่ยังสามารถรวบรวมองค์กรมวยใต้ดินประเทศมาลาเซียกับอินโดนีเซียมาได้อีก และเขาจะกลายเป็นผู้บริหารมวยใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในแถบเอเชีย ถึงแม้จะเทียบกับฟรุสไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ดูด้อยกว่า

จู้เหวยเฟิงต่างหากที่เป็นผู้ชนะที่ใหญ่ที่สุดในครั้งนี้ ยังไม่รวม 1800 ล้านที่กำลังจะจ่ายโดยฟรุสกับต่งเซิงไห่ เท่ากับว่าเขาใช้วิธีแบ่งหุ้นส่วนของมวยใต้ดินในประเทศไทยออกมา เพื่อให้องค์กรมวยใต้ดินญี่ปุ่นอยู่ในกำมือ

จะรู้ว่าชาวจีนรู้มีวิธีการสร้างสมดุลที่ดีที่สุด ส่วนญี่ปุ่นเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์โดยบุคคลที่สาม ฉะนั้นต่งเซิงไห่และ ฟรุสไม่ต้องคิดเลยว่าจะมีสิทธิมีเสียงในองค์กรมวยใต้ดินญี่ปุ่น ถึงเวลานั้นจู้เหวยเฟิงในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะทำได้โดยธรรมชาติ

และยังสามารถใช้องค์กรมวยใต้ดินในประเทศไทยและญี่ปุ่นขับเคลื่อนสนามมวยใต้ดินที่ด้อยพัฒนาในประเทศจีนอีก ตราบใดที่มีเวลาในการพัฒนาสี่ถึงห้าปี จู้เหวยเฟิงเชื่อว่าเขาจะทำให้มวยใต้ดินของจีนมีตำแหน่งในองค์กรมวยใต้ดินของโลกได้อย่างแน่นอน

“ตกลงกันเรียบร้อยก็ดีแล้ว แล้วมาหาผมทำไม เอาเถอะ จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ!”

เยี่ยเทียนไม่สนใจการแบ่งผลประโยชน์ของจู้เหวยเฟิงและคนอื่น ๆ เท่าไหร่ ตอนนี้เขามุ่งมั่นอย่างเต็มที่กับการแข่งขันที่จะจัดขึ้นในคืนนี้ สำหรับเยี่ยเทียนหากเขาสามารถเข้าใจการต่อสู้แห่งความเป็นและความตายจากการแข่งขันครั้งนี้ได้ กำไรที่เขาได้มันมากกว่าผู้ชายสองคนที่มีแต่เรื่องเงินในสมอง

“อย่าทำแบบนี้สิเยี่ยเทียน ฉันรู้ว่านายไม่ชอบเรื่องพวกนี้ แต่อะไรที่เป็นของนาย มันก็ต้องเป็นของนาย!”

จู้เหวยเฟิงหยิบข้อตกลงฉบับร่างที่พวกเขาเซ็นด้วยกันเมื่อคืนจากกระเป๋าออกมา “เยี่ยเทียน ของพวกนี้เก็บไว้ที่นายเมื่อเงินของพวกเขาเข้าแล้วรวมถึงเงินสด 1800 ล้านดอลลาร์ที่ฉันได้รับทั้งหมดจะเป็นของนาย!”

“ตกลง งั้นก็เอาไว้ที่ผมเลย”

เยี่ยเทียนตอบอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้นสายตาของเขาก็นิ่งขึ้นและเขาก็เงยหน้าขึ้นและถามว่า “พูดว่าอะไรนะ เงินสดทั้งหมดในข้อตกลงของพวกคุณและเงินเดิมพันทั้งหมด ให้ผมหมดเลยงั้นเหรอ?“

เงินที่ได้จากการแลกเปลี่ยนสัญญาไตรภาคีของจู้เหวยเฟิงเพียงอย่างเดียวสูงถึง 1800 ล้านดอลลาร์และเดิมพันที่ได้รับจากเรือสำราญควีนอลิซาเบธอีก 1800 ล้านดอลลาร์ รวมกันแล้วเป็นเงินก้อนใหญ่ที่มากถึง 3600 ล้านดอลลาร์

และเงิน 50 ล้านดอลลาร์ที่เยี่ยเทียนเดิมพันกับอันเดรวิช กลายเป็น 900 ล้านในพริบตา ตามกฎของเรือสำราญควีน อลิซาเบธแล้ว เงินจำนวนนี้สามารถโอนเข้าบัญชีของเยี่ยเทียนตามที่กำหนดภายในเช้าวันนี้เลย

หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง ขณะนี้เยี่ยเทียนมีเงินมูลค่าสุทธิ 4500ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาล แม้ว่าจะอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกที่เป็นชาวจีนก็ตาม แต่ว่าคนอย่างถังเหวินหย่วนเองตอนนี้ก็ด้อยกว่าเยี่ยเทียนแล้ว

สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เมื่อก่อนเขาต้องเงยหน้าชื่นชมผู้ร่ำรวยบนเกาะฮ่องกง แต่ตอนนี้เขาก็มีความเท่าเทียมกับคนเหล่านั้นในด้านทรัพย์สินแล้ว

“เรื่องพวกนี้ รอผมแข่งเสร็จค่อยว่ากันอีกที ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเหมือนมีชีวิตหาเงินแต่ไม่มีชีวิตใช้เงิน!”

คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้จู้เหวยเฟิงอึ้งไปทีเดียว พวกเขาลืมไปได้ยังไงว่าเยี่ยเทียนมีการแข่งขันที่มีความเป็นความตายในค่ำคืนนี้!

……………………………………………………………

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset