“ถ้าฉันถูกดูหมิ่นคนเดียวไม่เป็นไร แต่คนจีนทั้งประเทศจะถูกเหยียดหยามไม่ได้!”
จู้เหวยเฟิงตาแดงขึ้นมาแล้วพูดว่า “เยี่ยเทียน ถ้านายไม่ช่วยฉัน ฉันก็จะยอมลงสนามโดยเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!”
จู้เหวยเฟิงไม่ได้จะข่มขู่เยี่ยเทียน เขากำลังพูดความจริงจากใจ
จู้เหวยเฟิงได้ฟังเรื่องราวมากมายตั้งแต่เรื่องของเหล่าบรรพชนผู้ต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศจากคนญี่ปุ่น และเกลียดคนญี่ปุ่นเข้ากระดูกดำ เขาจึงอยากจะสู้ตายบ้าง
“ประธานจู้ อย่าเพิ่งวู่วาม วางใจเถอะ คนญี่ปุ่นน่ะผมจัดการมามากแล้ว ไม่รังเกียจถ้าจะเพิ่มอีกคนสองคน”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเยี่ยเทียนช่างดูเยือกเย็นผิดปกติ เขาได้รับการปลูกฝังมาจากอาจารย์หลี่ซั่นหยวน จึงไม่ถูกชะตากับคนญี่ปุ่นนัก ไม่อย่างนั้นตอนที่อยู่พม่าคงไม่ฆ่าคนญี่ปุ่นทิ้งไปมากมาย
ปลอบโยนจู้เหวยเฟิงแล้ว เยี่ยเทียนก้าวออกไปด้านหน้า พูดว่า “ฮิราโนะ อิจิโร่ ผมอยากจะรับคำท้าของคุณ แต่คุณฟรุสจากอินเดียก็ยื่นคำท้าต่อพวกผมเหมือนกัน ทำให้ผมเลือกอย่างลำบากใจ!”
“เอ๋? ดีนี่ ทำไมฉันคิดไม่ได้นะ?”
ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังพูดอยู่นั้น จู้เหวยเฟิงก็คิดออก แอบตำหนิตัวเองในใจ ในเมื่อทั้งสองต้องการจะประลองกับเขา ทำไมไม่ให้พวกเขาสู้กันเองก่อน!
“คุณเป็นใคร?”
ฮิราโนะ อิจิโร่มองดูเยี่ยเทียน เมื่อครู่เขายั่วยุจู้เหวยเฟิงให้โมโหได้แล้ว กลับมีชายหนุ่มอีกคนออกมาพลิกสถานการณ์เสียได้
เยี่ยเทียนตอบว่า “ผมแซ่เยี่ย เรียกผมว่าเยี่ยเทียนก็ได้ คำว่าเยี่ยที่แปลว่าใบไม้ เทียนที่แปลว่าท้องฟ้า คุณเคยได้ยินชื่อของผมไหม?”
“คุณคือเยี่ยเทียน!”
ฮิราโนะได้ยินก็ตกตะลึง เพื่อการประลองครั้งนี้เขาเตรียมตัวมาอย่างดี แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินชื่อของเยี่ยเทียนมาก่อน
แม้ว่าครั้งก่อนที่เยี่ยเทียนประลองกับคาโต้ ทาคุมินั้นข่าวไม่ได้แพร่กระจายออกไป แต่ฮิราโนะสืบมา ได้ความว่าคนที่ตัดแขนขาของคาโต้คือเจ้าหนุ่มที่ชื่อเยี่ยเทียน
“คุณสามารถลงเป็นตัวแทนกลุ่มมวยปล้ำแห่งประเทศจีนได้หรือ?”
ความจริงแล้วฮิราโนะมีความหวาดระแวงในตัวเยี่ยเทียนอยู่มาก เพราะเรื่องคาโต้ครั้งนั้นถึง คาโต้ ทาคุมิจะไม่ใช่นักมวยชั้นสูงของญี่ปุ่น แต่วิชาดาบของเขาไม่มีอาวุธของผู้ใดเทียบเท่าได้
เทพแห่งนักดาบอย่างเขากลับถูกเยี่ยเทียนตัดแขนตัดขา แสดงถึงความเก่งกาจของเยี่ยเทียน อย่างน้อยก็วิชาดาบของเยี่ยเทียนคาโต้ ทาคุมิสู้ไม่ได้
“คุณเยี่ยแน่นอนว่าจะต้องลงเป็นตัวแทนกลุ่มนักมวยแห่งชาติจีน เขามีหุ้นอยู่ในวงการมวยใต้ดินจีนอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์!”
จู้เหวยเฟิงก้าวออกมาตอบกลับฮิราโนะ เพื่อให้เยี่ยเทียนต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี เขาถึงกับเอ่ยปากมอบหุ้นของตัวเองให้กับเยี่ยเทียน
เยี่ยเทียนมองดูจู้เหวยเฟิงแล้วส่ายหัวเล็กน้อย “คุณฮิราโนะ ในเมื่อคุณกับฟรุสสนใจในค่ายมวยใต้ดินของจีน ผมคิดว่า พวกเราควรจะเซ็นสัญญาไตรภาคีเลยดีไหม?”
“สัญญาไตรภาคี เซ็นยังไง?”
ข้อเสนอของเยี่ยเทียนทำให้ทั้งฮิราโนะและฟรุสงงงัน ไม่เข้าใจความหมายของเยี่ยเทียน
“ง่ายมาก คุณฮิราโนะสามารถสู้กับคุณฟรุสก่อน ฝ่ายที่ชนะค่อยมาเซ็นสัญญากับผม อีกทั้งของเดิมพันในครั้งแรกทั้งหมดจะมีผลในการแข่งขันครั้งที่สองด้วย!”
สีหน้าของเยี่ยเทียนแม้จะมีรอยยิ้ม แต่ในใจกำลังโกรธอยู่ ตอนนี้เป็นยุคศตวรรษที่ 21เข้าไปแล้ว คนต่างชาติยังกล้ามองประเทศจีนเป็นชิ้นเนื้อที่อยากจะแย่งรุมทิ้งกันอยู่
ไม่ต้องพูดถึงคนญี่ปุ่นซึ่งมีความหยิ่งผยองมาโดยตลอด แม้แต่คนอินเดียยังกล้าที่จะท้าทายกับคนจีน เยี่ยเทียนพยายามที่จะทำลายความตั้งใจของพวกเขา
“เราจะสู้กันก่อนแล้วค่อยสู้กับคุณ?”
ฟรุสเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเยี่ยเทียนหมายถึงอะไรและส่ายหัวไปมาตอบว่า “ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมเกินไป เดิมพันที่เราได้รับหลังจากการต่อสู้นั้นมากกว่ามูลค่าของมวยใต้ดินของจีนเสียอีก!”
ฟรุสเป็นนักธุรกิจและเขาสามารถยอมรับการแข่งขันกับคนญี่ปุ่นก่อน แต่ถ้าเขาชนะก็ไม่คุ้มที่จะใช้มวยใต้ดินของญี่ปุ่นและไทยไปกับการเดิมพันกับของจีน
“ คุณฮิราโนะ คุณว่าอย่างไร?” เยี่ยเทียนไม่ตอบคำถามของฟรุส แต่มองไปที่ฮิราโนะอิจิโร่
เห็นได้ชัดว่าฮิราโนะ อิจิโร่ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับฟรุสจึงส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “คุณฟรุสพูดถูก มันไม่ยุติธรรมเลย!”
นักมวยใต้ดินของไทยนั้นขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจในระดับสากล แม้ว่าฮิราโนะ อิจิโร่จะเชื่อมั่นในนักสู้ของเขามาก แต่เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะฟรุสได้
“การแข่งขันไม่สมน้ำสมเนื้อ?”
เยี่ยเทียนหัวเราะลอยๆแล้วพูดว่า “ผมเข้าใจว่าถ้าเดิมพันเท่ากันคุณจะยอมรับสัญญาไตรภาคีนี้ใช่ไหม?”
ฟรุสแตะมือบนกรอบแว่นสีทองพร้อมกับนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ตอบกลับว่า “แน่นอนว่ามวยใต้ดินต้องการการส่งเสริมที่มากขึ้น ตราบใดที่คุณสามารถเดิมพันได้ ผมคิดว่ายังมีอีกหลายคนจะเต็มใจที่จะเดิมพันกับคุณ!”
“แล้วคุณล่ะ? คุณฮิราโนะ คุณไม่ต้องการใช้การประลองครั้งนี้เพื่อชี้แพ้ชนะระหว่างจีนกับญี่ปุ่นหรือ” เยี่ยเทียนมองไปที่ ฮิราโนะอิจิโร่แล้วเริ่มเอ่ยคำยั่วยุคืนฝ่ายตรงข้าม
สายตาทุกคู่จดจ้องไปที่เขาฮิราโนะ อิจิโร่ เขาจึงกัดฟันพูด “ผมเห็นด้วยเหมือนกัน แต่นักมวยในการต่อสู้สามารถต่อสู้ด้วยมือเปล่าเท่านั้น ห้ามใช้อาวุธใดๆ!”
ประสบการณ์อันน่าสังเวชของคาโต้ ทาคุมิทำให้ฮิราโนะ อิจิโร่ระวังเยี่ยเทียนเป็นอย่างมาก เงื่อนไขที่เขาเสนอนั้นมุ่งเป้าไปที่เยี่ยเทียนผู้เดียว
ไม่ว่าจะเป็นวิชาเคนโด้หรือวิชาดาบต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบหรือยี่สิบปีในการฝึกฝนอย่างหนักถึงจะได้ถึงระดับคาโต้ ทาคุมิ
ต่อให้เยี่ยเทียนเทียนเป็นอัจฉริยะ แต่ฮิราโนะ อิจิโร่คิดว่าฝีมือหมัดมวยของเยี่ยเทียนคงไม่ดีเท่าวิชาดาบ ในสายตาของฮิราโนะ อิจิโร่เยี่ยเทียนที่ไม่มีอาวุธก็เหมือนกับเสือที่ไม่มีเขี้ยวเล็บ
“ ใช้อาวุธไม่ได้หรือ?” เยี่ยเทียนตะลึงเล็กน้อยเขาไม่คาดคิดว่าฮิราโนะ อิจิโร่จะตั้งคำถามนี้ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้อาวุธในการต่อสู้อยู่แล้ว
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนลังเล ฮิราโนะคิดว่าเขาจี้ถูกจุดสำคัญของอีกฝ่าย จึงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว คุณไม่สามารถใช้อาวุธต่อสู้ได้ ถ้าคุณเห็นด้วยผมจะตกลงที่จะเซ็นสัญญาไตรภาคี!”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องใช้อาวุธ”
เยี่ยเทียนพูดอย่างเฉยเมย ทำให้ฮิราโนะ อิจิโร่งุนงงเล็กน้อย “แล้ว … เดิมพันของคุณเล่า เดิมพันของคุณไม่เทียบเท่ากับเราเลย!”
ฮิราโนะ อิจิโร่ไม่กลัวนักมวยใต้ดินของจีน แต่เขามีความรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฟรุส เขาไม่อยากยอมรับเงื่อนไขของสัญญาไตรภาคี ถึงได้เรียกร้องตามคำขอ แต่คิดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะรับปากอย่างว่าง่าย
“ประธานจู้ ผมลงแรงเพื่อคุณ ส่วนเรื่องเงินต้องอาศัยคุณแล้วล่ะ?”
เยี่ยเทียนหันหน้าไปมองจู้เหวยเฟิง หลังจากเสร็จสิ้นการตกแต่งบ้านพักฮวงจุ้ยในฮ่องกงแล้ว เยี่ยเทียนไม่เหลือเงินในมือมากนัก รู้หรือไม่ว่าการเดิมพัน 30-50 ล้านดอลลาร์ถือเป็นเรื่องตลกที่นี่
“ไม่มีปัญหา เยี่ยเทียน เงินนี่…ฉันออกเอง!”
จู้เหวยเฟิงพยักหน้า หลังจากคำนวณในใจแล้วพูดว่า “นอกจากเวทีมวยใต้ดินของจีนแล้ว ผมวางเดิมพันเพิ่มอีก 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่ทราบว่าพวกคุณสองคนพอใจหรือไม่?”
ประเทศไทยและญี่ปุ่นต่างเป็นสถานที่ที่มวยปล้ำได้รับความนิยมมากที่สุดในเอเชีย กำไรสุทธิในแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จู้เหวยเฟิงจ่ายเงินเพิ่ม 800 ล้านนั้นเทียบเท่ากับรายได้ของทั้งสองแห่งเป็นเวลาสองปี นี่เป็นมาตรฐานทั่วไปสำหรับการประเมินมูลค่าในโลกมวยใต้ดิน
ในความเป็นจริงจู้เหวยเฟิงไม่มีเงินมากขนาดนั้น แต่เขามีรากฐานที่มั่นคงในประเทศและเขายังสามารถจัดหาเงินได้ด้วยความสัมพันธ์บางอย่าง แต่เพื่อศักดิ์ศรีแล้วจู้เหวยเฟิงยอมสละได้แม้แต่ชีวิตของเขา
“800 ล้านดอลล่าร์หรือ?” ฟรุสหยุดคิดครู่หนึ่งพยักหน้าตอบ “ผมเห็นด้วย ผมต่อสู้กับญี่ปุ่นก่อนแล้วผู้ชนะจึงจะสามารถท้าทายจีนได้!”
ในฐานะเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังวงการมวยปล้ำในประเทศไทยและอินเดีย ฟรุสมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่านักมวยสามในสิบอันดับแรกของวงการนักมวยใต้ดินล้วนอยู่ในสังกัดของเขา
ดังนั้นฟรุสจึงมั่นใจมากพอที่จะต่อสู้ในทั้งสองนัด แม้ว่านักสู้คนแรกจะพ่ายแพ้ ตราบใดที่เขาสามารถชนะได้เขาก็ยังสามารถส่งนักสู้อีกคนไปแข่งขันกับนักสู้จีนได้
“ แล้วคุณล่ะ? คุณฮิราโนะ อิจิโร่ คุณไม่กล้าหรือ? ถ้าคุณกลัวละก็ คุณแค่บอกว่านักสู้ของญี่ปุ่นนั้นด้อยกว่านักสู้ของจีนเพื่อที่ผมจะได้รับคำท้าของคุณฟรุสได้โดยตรง”
เยี่ยเทียนส่งสายตาเย้ยหยันไปให้ฮิราโนะ คนๆนี้เมื่อครู่ตั้งใจเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นจนทุกคนหันมามอง เยี่ยเทียนจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่
“เจ้าโง่ ! ญี่ปุ่นมีนักมวยที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก!”
ต่อหน้าเจ้าแห่งวงการโลกมวยปล้ำระดับโลก หากฮิราโนะ อิจิโร่แสดงความอ่อนแอ การท้าทายของเขาในวันนี้จะกลายเป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันกรอดและจำใจยอมรับมัน
“งั้นก็ดี เรามาเซ็นสัญญากันเถอะ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า ไม่ให้โอกาสฮิราโนะ อิจิโร่เปลี่ยนใจ เขาหันไปประกาศต่อฝูงชนว่า “คุณคลีเมตสัน คุณยืนดูอยู่นานแล้ว ไม่ทราบว่าสัญญาไตรภาคีฉบับนี้จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหรือไม่?”
ตามหลักแล้ว กลุ่มอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมการแข่งขันมวยปล้ำสามารถต่อสู้ได้ปีละครั้งเท่านั้น แต่สัญญาไตรภาคีอยู่นอกเหนือขอบเขต ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงต้องขอความเห็นจากคลีเมตสัน
“การจัดงานของเรานั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีกฎตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตราบใดที่คุณทั้งสามฝ่ายเห็นด้วยผมก็ไม่ขัดข้อง!”
คลีเมตสันยิ้มเหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ สำหรับเขายิ่งการต่อสู้ที่ร้อนแรงจะยิ่งดึงดูดค่าตัวของผู้เล่นให้สูงมากขึ้น การต่อสู้ของทั้งสามฝ่ายนี้เชื่อว่าจะทำให้เหล่าบรรดาอภิมหาเศรษฐีลงเดิมพันกันอย่างล้นหลาม
“งั้นดีเลย เชิญคุณคลีเมตสันทำสัญญาได้!” เยี่ยเทียนไม่ยอมให้ฮิราโนะ อิจิโร่มีคำถามใดอีก รีบตัดบทในเรื่องนี้ทันที
แม้ว่าจะไม่มีต้นแบบสำหรับการต่อสู้ด้วยสัญญาไตรภาคี แต่ก็มีการระบุสิ่งเดิมพันตามเงื่อนไขการกำหนดสัญญานั้นอย่างชัดเจน ในเวลาเพียงห้านาทีได้มีพนักงานส่งสัญญาฉบับแก้ไขใหม่มาให้ถึงที่
……………………………………………………