“อาจารย์ ท่านไม่ได้บอกว่าจะกลับมาก่อนปีใหม่เหรอ? ที่บ้านไม่มีเรื่องอะไรรีบด่วนนิ?”
ช่วงเช้าเวลา 8:00 น. ตอนที่เครื่องบินไฟล์ทแรกของวัน บินจากฮ่องกงถึงปักกิ่งลดระดับสู่พื้น แลนด์โรเวอร์ที่ขับโดยโจวเซี่ยวเทียนก็ได้จอดอยู่ด้านสนามบินเพื่อรอรับแล้ว
โจวเซี่ยวเทียนกับหูหงเต๋อกลับถึงปักกิ่งก่อนเยี่ยเทียนเสียอีก เพียงแต่ว่าเยี่ยตงผิงปิดข่าวได้ดีมาก เรื่องที่ภรรยากลับมาประเทศจีนมีเพียงพี่สาวน้องสาวไม่กี่คนที่รู้เท่านั้น
“เอาเถอะ ขับรถเถอะ”
เยี่ยเทียนนวดตรงหัวคิ้วในระหว่างที่นั่งพิงเบาะนั่ง การที่เขาไม่ได้หลับทั้งคืนก็ไม่น่าเป็นถึงขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเยี่ยเทียนจึงรู้สึกตื่นเต้น แม้แต่สุขภาพจิตของเขาก็ยังดูเหนื่อย
พักผ่อนไปสักพักนึง เยี่ยเทียนเปิดตาและถามว่า “ว่าแต่ พวกอู่เฉิน นายจัดการเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?”
ตอนนี้เยี่ยเทียนรู้แล้วว่าทางญี่ปุ่นกำลังตรวจสอบเรื่องที่คิตะฮิเดโอะและคนอื่นๆหายตัวไป แต่เขามั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ที่เทือกเขาปีศาจ แม้คนญี่ปุ่นจะพบนายพลปอกาง ก็ทำได้แค่สงสัยว่าตนเป็นคนทำเท่านั้น แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ
สิ่งเดียวที่อาจทำให้เรื่องนี้หลุดออกไปก็คือพวกอู่เฉิน ถ้าหากฝั่งพม่ายอมให้ข้อมูลการเข้าเขตแดนของตอนนั้นไป มีความเป็นไปได้ที่จะหาพวกอู่เฉินเจอ
ดังนั้นเยี่ยเทียนเคยสั่งโจวเซี่ยวเทียนกับหูหงเต๋อเอาไว้ หลังจากเกิดเรื่องก็โทรศัพท์ไปหาชิวเหวินตง ให้ส่งพวกนั้นออกจากปักกิ่งไปก่อน อย่างน้อยให้เรื่องนี้ซาลงแล้วค่อยว่ากันใหม่
“อาจารย์ วางใจได้ พวกเขายังไม่ได้กลับมาปักกิ่งเลย ตรงไปที่ชางโจวศิษย์พี่เฟิงเหิงยวี่ที่นั่นเลย คนญี่ปุ่นหาไม่เจอหรอก”
โจวเซี่ยวเทียนขับรถไปหัวเราะไป “เมื่อวานผมเพิ่งไปที่นั่นมา ให้ทองคำแท่งพวกเขาไปคนละ1แท่ง แต่ว่าอาจารย์ 1ล้านนั่นจะให้พวกเขาเมื่อไหร่เหรอ?”
พูดตามตรง พวกอู่เฉินได้ยินว่าห้ามกลับปักกิ่ง ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในเทือกเขาปีศาจ สภาพเหตุการณ์ค่อนข้างใหญ่ เหมือนสงครามด้วยซ้ำ
บวกกับทองคำมหาศาลพวกนี้ ยิ่งทำให้พวกเขากลัว กลัวว่าจะถูกเยี่ยเทียนปิดปากและฆ่าทิ้ง เมื่อวาน ถ้าไม่ใช่เพราะโจวเซี่ยวเทียนนำทองคำไปส่งให้ ไม่แน่ คนใจเสาะพวกนี้น่าจะแอบหนีไปแล้ว
หลังจากได้ยินคำพูดของโจวเซี่ยวเทียนแล้ว เยี่ยเทียนนิ่งไปครู่นึง พูดว่า “กลับไปเดี๋ยวฉันโอน10ล้านเขาบัญชีนาย วันนี้นายเอาไปให้พวกเขาเลยนะ ที่เกินออกมา 2 ล้าน นายเก็บไว้ใช้!”
เยี่ยเทียนรู้ว่า โจวเซี่ยวเทียนทำงานกับพ่อและอาเขยที่ร้านขายของเก่า ทำงานแบบรับเงินเดือนมาโดยตลอด ปกติประมาณ 1,000-2,000 หยวน แม้จะกินอิ่มอยู่สบาย แต่เงินก็ไม่ค่อยพอใช้
แม้โจวเซี่ยวเทียนจะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่เยี่ยเทียนก็ใจแคบไม่ได้ คนอื่นยังให้1ล้าน ถ้าเป็นลูกศิษย์ก็ต้องมากกว่านิดหน่อย
โจวเซี่ยวเทียนที่กำลังขับรถอยู่ หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด สองมือก็สั่นอย่างบังคับไม่ได้ จึงรีบจับพวงมาลัยให้แน่น พูดว่า “อาจารย์ ผม……ผมไม่เอา ผมไม่ได้ทำอะไรเลย แล้ว…..แล้วอีกอย่าง ผมจะเอาเงินมากมายเหล่านั้นไปทำอะไรล่ะ?”
ที่จริงเยี่ยตงผิงพูดไว้ตั้งนานแล้วว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้โจวเซี่ยวเทียน แต่คุณแม่โจวไม่เห็นด้วยมาตลอด ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงไม่ค่อยมีเงิน ตอนวันเกิดของแม่ก็ซื้อเพียงตุ้มหูทองที่ถูกที่สุดหนึ่งคู่
“ให้เงินนายเอาไว้ใช้ไง…….”
เยี่ยเทียนชะงักไปครู่นึง พูดว่า “เซี่ยวเทียน เมื่อก่อน มีคนในฉีเหมินเดินผิดเพราะเงินทอง สุดท้ายก็มีไม่กี่คนที่รอดอยู่ เพราะฉะนั้นถ้านายไม่มีเงิน นายมาขอกับอาจารย์ อย่าไปทำเรื่องไม่ดีพวกนั้นเด็ดขาด!”
คนในฉีเหมินก็ต้องกินต้องใช้ บวกกับความสามารถที่มีอยู่ในตัว คนที่ความคิดไม่แน่วแน่ มักจะหลงผิดไปทำเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรม
ก็เหมือนกับ “เยี่ยนจื่อหลี่ซัน”โจรมีชื่อเสียงสมัยก่อนเปิดประเทศ เขาเป็นคนในยุทธภพฉีเหมิน แต่คนๆนี้ชอบผู้หญิง ชอบสูบฝิ่นเป็นที่สุด สุดท้ายก็ถูกคร่าชีวิตด้วยของสองสิ่งนี้
ตอนนี้หลี่ซันขโมยของของคนตำแหน่งสูงในพรรค ถูกล้อมอยู่ในหอนางโลม เดิมทีสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่ตอนที่กระโดดเข้าห้อง อาการอยากสูบฝิ่นก็กำเริบ สุดท้ายจึงถูกจับ
ตอนแรกเยี่ยเทียนก็ไม่รู้เรื่องนี้ มารู้ตอนที่พูดคุยกับศิษย์พี่ใหญ่
ในปีนั้นโก่วซินเจียมีความคิดที่จะปล่อยหลี่ซันไป เพื่อให้เขามารับใช้ตน แต่คิดไม่ถึงว่านายคนนี้จะติดฝิ่นและกระอักตายในคุก ไม่ได้เป็นไปตามตำนานี่เขาลือกันว่าถูกยิงตาย
แม้เยี่ยเทียนจะสังเกตเห็นว่าโจวเซี่ยวเทียนเป็นคนซื่อตรง โจรกรรมสุสานในปีนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่ทำก็ไม่ได้ แต่สุภาษิตได้กล่าวไว้ว่า เงินทองทำให้วีรบุรุษพ่ายแพ้ เมื่อไม่บีบรัดมากนัก ยังไงก็ไม่ใช้วิธีทางลัดอย่างคนเลวเหล่านั้น
“อาจารย์ งั้นรอผมไม่มีเงินก่อนแล้วผมค่อยขอละกันครับ ตอนนี้ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรเลย”
โจวเซี่ยวเทียนส่ายหัว และไม่ตอบตกลงสักที เพราะเขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องเงินก้อนนี้กับแม่อย่างไร ถ้าถึงตอนนั้นอาจจะโดนด่าและยังต้องเอาเงินคืนกลับไปอีก
“ให้นายเอาไว้ ก็เอาไว้เถอะ นายอยากคบกับติ้งติ้งเด็กสาวคนนั้นไม่ใช่เหรอ? จะทำตัวไม่มีเงินได้ยังไ?” เยี่ยเทียนมองโจวเซี่ยวเทียนและพูดต่อว่า “แม่นาย เดี๋ยวฉันไปพูดให้เอง แกไม่ด่านายหรอก”
พอได้ยินเยี่ยเทียนพูดถึงหลิ่วติ้งติ้ง โจวเซี่ยนเทียนหน้าแดงทันที แต่ไม่กล้าปฏิเสธอีก ตั้งแต่กลับมาจากพม่า เขาอยู่กับหลิ่นติ้งติ้งตลอดเวลา นอกจากการสัมผัสร่างกายจากการฝึกซ้อมการต่อสู้แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจับมือได้บ้างแล้ว
แต่ก็เหมือนกับที่เยี่ยเทียนพูดเอาไว้ โจวเซี่ยวเทียนไม่ยอมไปเดินเที่ยวกับหลิ่วติ้งติ้ง เพราะทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวเด็กสาวคนนั้นจะซื้อเสื้อผ้าและสิ่งของมากมาย ในนั้นก็มีไม่น้อยที่เป็นของโจวเซี่ยวเทียนกับคุณแม่โจว
หลิ่วติ้งติ้งไม่เคยลำบากเรื่องเงินทองตั้งแต่เด็กๆ ซื้อเสื้ผ้าหนึ่งครั้งอย่างน้อยก็10,000ขึ้น ฉะนั้นทุกคนที่จ่ายเงิน โจวเซี่ยวเทียนจะรู้สึกไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน สายตาของพนักงานบริการเหล่านั้นที่เหมือนดั่งเข็มทิ่มแทงยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่
“ไป ฉันไปโอนเงินให้นายที่ธนาคาร” เห็นธนาคาร Bank of Chinaอยู่ข้างถนน เยี่ยเทียนให้หูหงเต๋อจอดรถ
แม้ว่าตอนนี้ภายในประเทศยังไม่มีมาตรการแขก VIP แต่ถ้าดูจากจำนวนเงินที่เยี่ยเทียนฝากไว้แล้ว ยังไงก็ไม่ต้องต่อแถว
จากการบริการจากผู้จัดการคนหนึ่ง บัตรATMทั้งหมด8ใบ ใบละ1ล้านก็ทำจนเสร็จ นอกจากนี้เยี่ยเทียนฝากเงินเข้าไปในบัญชีของโจวเซี่ยวเทียนเพิ่มอีก2ล้าน ตามที่เขาได้ให้คำสัญญาไว้
เดินจากธนาคารกลับไปถึงที่รถ เยี่ยเทียนมองดูโจวเซี่ยวเทียนที่ดีใจ พูดเตือนว่า “เงินที่ต้องใช้ ก็ใช้ซะ แต่ห้ามเล่นพนัน ห้ามเล่นยาเสพติดเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจารย์จะไม่เกรงใจนะ?”
“อาจารย์ วางใจได้ครับ ผมไม่ได้ชอบพวกนั้น!” โจวเซี่ยนเทียนเริ่มออกรถ พยักหน้าอย่างหนักแน่น และจำคำของเยี่ยเทียนไว้ในใจ
ทั้งคู่พูดคุยกันตลอดทาง ระยะทางห่างจากบ้านไม่ไกลมากแล้ว ตอนที่ผ่านทางถนนหนึ่งอัน โจวเซี่ยวเทียนชินกับการเลี้ยวไปทางขวา เยี่ยเทียนตะโกน “เห้ อย่าเลี้ยวขวา เลี้ยวซ้ายสิ!”
“อาจารย์ พวกเรากลับไปที่บ้านไม่ใช่เหรอ?” รถได้เลี้ยวเข้าไปแล้ว โจวเซี่ยวเทียนรีบมุนพวงมาลัยและจอดรถไว้ข้างทาง
“ฉัน……ฉันพูดเหรอว่ากลับบ้าน?”
เยี่ยเทียนเห็นว่าจะกลับรถก็ไม่ได้ สะบัดพูดว่า “กลับเถอะ กลับไปเอาของที่บ้านฉันก่อน บอกคุณป้าเขาว่าฉันจะกลับดึกหน่อย!”
แม้ว่าซ่งเวยหลันจะกลับมาถึงปักกิ่งแล้ว แต่เธอกลับไม่ไปอยู่กับพ่อ และไม่ได้พักที่บ้านของเยี่ยตงผิง แต่พักที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างเรือนสี่ประสานของพ่อกับเยี่ยตงผิง
ตอนแรกเยี่ยเทียนอยากตรงไปหาแม่ แต่พอโจวเซี่ยวเทียนไปผิดทางเขารู้สึกไม่กล้าขึ้นมาเล็กน้อย บวกกับสองมือที่ว่างเปล่า ดังนั้นจึงตัดสินใจกลับไปบ้านเก่าก่อน
“เยี่ยเทียน ทำไมกลับมาแล้วล่ะ?” พอเดินเข้าบ้าน ก็พบหูหงเต๋อที่กำลังฝึกลมปราณอยู่ในกลางเรือน
โก่วซินเจียถ่ายทอดพลังภายในให้กับหูหงเต๋อ ผสานกับพลังชี่ฟ้าดินที่หนาแน่นในเรือนแห่งนี้ ทำให้อาการป่วยที่ได้มาจากการฝึกกำลังเมื่อหลายปีก่อน เริ่มทุเลาลงไปได้7-8ส่วนแล้ว หูเสี่ยวเซียนเคยโทรศัพท์ตามคุณตากลับบ้านอยู่หลายครั้ง แต่หูหงเต๋อก็อดใจไม่ได้ที่จะจากที่นี่ไป
หลังจากเก็บมัดมวยเสร็จ หูหงเต๋อก็พูดกับเยี่ยเทียนตามหลังว่า “เยี่ยเทียน ฉันว่านายหน้าแดงเต็มหน้า หรือว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้น?”
“เหล่าหู ความสามารถแค่นี้ของนาย ยังกล้าโชว์ต่อหน้าฉันอีกเหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของหูหงเต๋อ ใบหน้าของเยี่ยเทียนจะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ หลายวันมานี้เขาพักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ แม้กระทั่งการฝึกช่วงเช้ายังหยุดไปถึงหนึ่งวัน จะหน้าแดงเต็มอิ่มได้ยังไงกัน?
“ตามฉันทำไม?”
เยี่ยเทียนจ้องหูหงเต๋อและพูดว่า “นายกับเซี่ยวเทียนขับรถไปชางโจวหน่อย ไปเตือนพวกนั้นให้อยู่ที่ชางโจวสักครึ่งปีอย่ากลับมาที่ปักกิ่ง!”
หูหงเต๋อพยักหน้า พูดว่า “สบายใจได้ ไอ้พวกนั้นไม่กล้าพูดอะไรออกไปหรอก ส่วนฝั่งชิวเหวินตงผมไปบอกไว้แล้ว”
“แล้วยังตามฉันอยู่ทำไม?” เยี่ยเทียนหันกลับไปจ้องอีกครั้ง มองจนหูหงเต๋อและโจวเซี่ยวเทียนออกไปจาเรือน
หลังจากกลับถึงห้องด้านข้างของด้านหลังเรือน เยี่ยเทียนขยับตู้หนังสือออก และหยิบของสิ่งนึงที่ห่อด้วยผ้าสีแดงจากตู้เซฟซึ่งวางอยู่ข้างหลังออกมา หลังจากเปิดออก ด้านในมีกำไลสีเขียวหยกหยดน้ำสวยงามสองอัน
นี่คือวัสดุหยกสีเขียวราชาชิ้นนั้นที่เยี่ยเทียนได้มาจากพนันหินที่ฮ่องกงและทำกำไลนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ หลังจากวางโชว์ไว้ที่ร้านกว่าครึ่งปี ก็ถูกเขาเอากลับมาไว้ที่บ้าน แม้แต่อวี๋ชิงหย่าก็ไม่เคยเห็น
ไม่ใช่ว่าเยี่ยเทียนใจแคบหรอก แต่เขาอยากเซอร์ไพร์สอวี๋ชิงหย่าตอนที่แต่งงาน แต่ตอนนี้แม่มาหา เยี่ยเทียนคิดว่าจะนำหยกหนึ่งข้างมอบให้แก่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเขา
ยังดีที่เครื่องประดับกำไลไม่เหมือนพวกตุ้มหู สามารถให้แค่ข้างเดียวได้ ยังมีกำไลหยกแดงที่จั่วเจียจวิ้นกำลังทำอยู่อีกหลายชิ้น ฉะนั้นของที่เยี่ยเทียนสามารถเอาออกมาได้มีอีกหลายชิ้น
หลังจากเก็บกำไลหยกสีเขียวราชาเสร็จ เยี่ยเทียนครุ่นคิดไปครู่นึง ก็หยิบสิ่งของรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ถูกห่อด้วยกระดาษดีบุกออกมาจากตู้เย็นในห้องนอน และนำมันใส่ในกระเป๋าออกจากเรือนไป โดยเรียกรถไปยังโรงแรม
……………….