“สารเลว!”
เมื่อได้ฟังชายวัยกลางคนพูดจบ คนชราก็โมโหเดือดดาล ตบฝ่ามือออกไป กล่าวด่าทอเสียงดัง “ในฐานะนักรบ คาโต้ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป นายรู้มั๊ยว่า เขาทำให้ชื่อเสียงของตระกูลคิตะมิยะต้องแปดเปื้อน!”
“ไฮ!”
โดนคนชราตบไปฝ่ามือหนึ่งจนหมุนอยู่กับที่ แต่บุรุษวัยกลางคนก็ปักหลักยึดเท้าแน่น กล่าวเสียงดัง “ท่านเจ้าบ้านกล่าวได้ถูกต้อง คุณคาโต้สมควรจะสำเร็จโทษตัวเอง ใช้เลือดมาล้างคำสบประมาทดูถูก!”
ถึงแม้จะกล่าวออกไปแบบนั้น แต่ว่าในใจของบุรุษวัยกลางคนไม่ได้เป็นดังเช่นนั้น ว่ากันตามจริงแล้วตระกูลคิตะมิยะของพวกเขาเมื่อไรกันที่มีชื่อเสียงเกียรติยศและกล่าวถึงจิตวิญญาณนักรบ ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิเมจิจักรพรรดิมุสึฮิโต้เป็นต้นมา ตระกูลคิตะมิยะเป็นนักลงทุนเก็งกำไรภายในประเทศญี่ปุ่นมาโดยตลอด แน่นอนว่า เรื่องนี้พวกเขาจะต้องไม่ยอมรับแน่นอน
นอกจากนั้นในครานั้นชายชราที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ได้พาคนเก่งมีความสามารถในตระกูลไปยังประเทศพม่าเพื่อค้นหาทองคำที่ถูกฝังเอาไว้ แต่ใครจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วก็พ่ายแพ้กลับมา ไม่นับว่าเสียชีวิตไปสิบกว่าคนแม้แต่ตัวเขาเองก็กลายเป็นคนป่วย
ตอนนี้คาโต้ทาคุมิเพื่อครอบครัวแล้วกลับถูกคนตัดแขนตัดขา ท่าเข้าบ้านกลับมาพูดถึงจิตวิญญาณนักรบ นี่ไม่เท่ากับเป็นการกดดันให้ท่านคาโต้จบชีวิตลงหรือไร เพียงแต่ว่าบุรุษวัยกลางคนมีความสัมพันธ์อันดีกับคาโต้ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว จะตายหรือไม่นั่นก็ไม่แตกต่างกัน
“สารเลว คาโต้แม้แต่มือก็ไม่มี จะสำเร็จโทษตัวเองได้อย่างไรกัน!”
บุรุษวัยกลางคนเดิมทีก็จะตามน้ำไปกับความคิดของคนชราเพื่อจะได้ไม่ถูกตบอีก แต่คิดไม่ถึงว่าการประจบสอพลอนั้นได้ผลเกินคาด ก็ถูกฝ่ามือตบไปฉาดใหญ่อีกครั้ง บุรุษวัยกลางคนพลันรู้สึกว่าฟันของตัวเองโยกคลอน ในปากมีรสชาติเค็มปรากฏ
“ให้ผมไปตายเถอะ!” คาโต้ทาคุมิที่นอนอยู่บนเตียง พยายามขยับขึ้นมา มองไปทางคนชราและกล่าวว่า “ท่านเจ้าบ้าน กรุณาฝากบอกลูกสาวและหลานของท่านด้วยว่า สามีของเธอนั้นเสียชีวิตแล้วจากการสู้รบ!”
คาโต้ทาคุมิเข้าใจดี หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ตระกูลคิตะมิยะที่ควบคุมกองกำลังที่สี่ที่แท้จริงนั้น ได้ถูกกลุ่มขวาจัดมองว่าเป็นพวกไก่อ่อนมาโดยตลอด หากว่าข่าวที่ตัวเขาเองนั้นต่อสู้และพ่ายแพ้แพร่กระจายออกไป นั่นจะกลายเป็นเรื่องชวนหัวชั้นดีของตระกูลคิตะมิยะ ดังนั้นถึงแม้คาโต้ทาคุมิจะเป็นลูกเขยของตระกูลคิตะมิยะ เขา… ก็สมควรจะต้องตาย!
สีหน้าของคิตะมิยะ ฮิเดโอะปรากฏแววประหลาด พยักหน้ากล่าวว่า “ดี นายก็ทำใจให้สงบแล้วไปพบกับพระเจ้าเถิด ฉันจะดูแลภรรยาและลูกชายของนายเป็นอย่างดี!”
“ขอบพระคุณท่านเจ้าบ้าน ผมยังมีคำขอร้องอีกอย่างหนึ่ง ขอให้ฆ่าเยี่ยเทียน ให้เลือดของเขามาลบล้างมลทินของผม!” คาโต้ทาคุมิกล่าวด้วยเสียงโกรธแค้น สีหน้าปรากฏความหวังขึ้นมา
“ศัตรูของตระกูลคิตะมิยะ ล้วนต้องตาย!”
สายตาของคิตะมิยะ ฮิเดโอะปรากฏแววคมปราบ ตลอดทั้งร่างราวกับดาบที่ถูกชักออกจากฝัก พลันยื่นมือขึ้นมาผ่านหัวของคาโต้ทาคุมิไป คาโต้ทีเดิมทีอยากจะพูดอีกหลายคำก็พลันถลึงตา เพียงเท่านั้นแสงจากประสาทตาก็ดับมืดลงไป
คิตะมิยะ ฮิเดโอะมองดูร่างที่ไร้ชีวิตของคาโต้ทาคุมิอย่างเย็นชา กล่าวว่า “เอาเขาไปเผา และประกาศออกไปว่าคาโต้ทาคุมิเสียชีวิตที่ประเทศจีน!”
“ไฮ!” ขาของบุรุษวัยกลางคนหยุดลง กล่าวสองคำออกมาจากปาก ฝ่ามือสองครั้งเมื่อซักครู่ ได้สอนให้เขาได้รับรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความเงียบประดุจดั่งทองคำ
คิตะมิยะ ฮิเดโอะหมุนกายออกจากห้องไป ด้านหลังมีบุรุษชราวัยหกสิบโดยประมาณเดินตามออกไป ไม่ได้กล่าวคำใดตั้งแต่เริ่มจนจบ แสดงให้เห็นว่าเข้าใจอุปนิสัยของคิตะมิยะ ฮิเดโอะเป็นอย่างดี
หลังจากเดินมาถึงบริเวณกลางลานแล้ว คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็หมุนกายกับมาหาบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังกล่าวขึ้นว่า “ฮิโคโตชิ ข้อมูลของคนจีนคนนั้นสืบเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“กระจ่างแจ้งแล้ว เขาชื่อเยี่ยเทียน ปีนี้อายุยี่สิบสองปี ลาออกจากมหาวิทยาลัยหวาชิงเมื่อไม่กี่ปีก่อน เป็นหลานชายของซ่งฮ่าวเทียนที่เพิ่งลงจากตำแหน่งไป สำหรับสำนักวิชาของเขานั้น พวกเรายังสืบไม่ได้ชัดเจน!”
ฮิโคโตชินำรูปภาพที่มีข้อมูลที่พับไว้ส่งให้กับคิตะมิยะ ฮิเดโอะ กล่าวต่อว่า “ท่านเจ้าบ้าน คนคนนี้เคียดแค้นพวกเราเป็นอย่างมาก หากว่าตระกูลอยากจะเปิดตลาดที่ประเทศจีน จะต้องกำจัดเขาไปซะ!”
“เหลวไหล พวกเราเป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักฆ่า!”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะมองไปที่บุคคลที่ตนเองวางแผนไว้เงียบๆ ว่าจะให้รับช่วงต่อกิจการภายในของตระกูล กล่าวสั่งสอนว่า “หากว่าซ่งเฮ่าเทียนที่นายกลาวถึงรู้เข้าว่าเยี่ยเทียนถูกฆ่าโดยพวกเรา อย่างนั้นแล้วพวกเราจะทำการค้าในตลาดของประเทศจีน ก็จะถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต!”
“ไฮ!”
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิไม่กล้าขัดคำของท่านเจ้าบ้านที่ปกติไร้อารมณ์ทุกข์สุขใดใด ในตอนนั้นเองก็กล่าวเปลี่ยนเรื่อง “ท่านเจ้าบ้าน พวกเราลงทุนที่สำนักดาบในประเทศเกาหลีและสิงคโปร์หนึ่งร้อยยี่สิบสำนักได้เลือกที่อยู่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังต้องการเงินลงทุนอีกสองพันล้านเยน ท่านคิดว่าอย่างไร”
ในสงครามโลกครั้งที่สองตระกูลคิตะมิยะ เคยได้รับทรัพย์สินเงินทองร่ำรวย แต่ทว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลง ภายใต้แรงกดดันของรัฐบาลญี่ปุ่นและกองทหาร วันเวลาของตระกูลคิตะมิยะก็ได้ผ่านไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะในปีแปดศูนย์เงินเยนเสื่อมราคาลง พวกเขาเรียกได้ว่าได้รับผลกระทบอย่างหนัก เงินกว่ทรัพย์สินกว่าพันล้านกลายเป็นภาพมายา
ตอนนี้ไม่มีสงครามแล้ว ชื่อเสียงของตระกูลคิตะมิยะในประเทศก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็มองไปทางตลาดนอกประเทศ ก็ประสบความสำเร็จอยู่บ้าง แต่ทว่าการลงทุนในสำนักดาบนั้นใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ ภายใต้การรีบร้อนขยายสาขา ทรัพย์สินของตระกูลคิตะมิยะก็ตามไม่ทันแล้ว
“การสำรวจที่พม่าเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อกล่าวถึงเงิน คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เปลี่ยนบทสนทนาไปยังเรื่องที่เขาสถานที่ที่เขายังจำได้ไม่เคยลืม
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิกล่าวว่า “ท่าเจ้าบ้าน พวกเราได้เบาะแสมาอย่างหนึ่ง ณ สถานที่นั้นในปีนั้น มีชายชราชาวบ้านอายุเจ็ดสิบกว่าบอกว่า เคยมีกลุ่มคนจ้างวานใช้งานม้าที่บ้านของเขา ดังนั้นผมสงสัยว่า สถานที่แอบซ่อนทองคำ จะต้องห่างจากหมู่บ้านนั้นไม่ไกล…”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะเงียบไปซักพักหนึ่งอย่างใช้ความคิด และกล่าวว่า “นายไปจัดการหน่อย พรุ่งนี้พวกเราไปที่พม่ากัน สถานที่นั้นฉันคุ้นเคย หวังว่าจะเจอเบาะแสบ้าง ทองคำนี้เดิมทีก็เป็นของตระกูลคิตะมิยะ ครั้งนี้จะต้องหาให้เจอ นายจะต้องส่งคนที่เป็นหัวกระทิของตระกูลเราออกไป!”
“ไฮ ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
ที่ตระกูลคิตะมิยะ คิตะมิยะ ฮิเดโอะนั้นสูงส่งราวกับเทพก็ไม่ปาน ต่อให้เป็นคิตะมิยะ ฮิโคโตชิว่าที่เจ้าบ้านคนถัดไปก็ไม่กล้าขัด หลังจากรับคำแล้ว กีรีบไปจัดการ
ยืนอยู่ที่เดิมได้ซักครู่ คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็หมุนกายเดินไปทางตึกเล็ก หลังจากเคาะประตูแล้ว หญิงวัยกลางคนอายุสามสิบกว่าปีก็เปิดประตูออก
“มิชิโกะ สามีของเธอเสียชีวิตแล้ว!” คิตะมิยะ ฮิเดโอะเดินเข้ามาในห้องและปิดประตูตามหลัง
“ท่านพ่อ ฉันเดาได้แล้ว พ่อไม่ได้อยากให้เขาตายตั้งนานแล้วเหรอ” หลังจากมิชิโกะได้ฟังแล้ว สีหน้าไม่มีอาการตกใจใดใดออกมา เหมือนกับว่ารู้เหตุการณ์ก่อนล่วงหน้าแล้ว
“เหลวไหล ถอดเสื้ออก!”
สายตาของคิตะมิยะ ฮิเดโอะพลันก็เปล่งประกายคมปราบราวสัตว์ร้ายออกมา ยื่นมือออกไปตรงหน้าอกของมิชิโกะแล้วออกแรงดึง. ทั้งตัวและเสื้อผ้าก็ตกลงไปกองอยู่กับพื้น ร่างกายที่เปลือยเปล่าและขาวราวหิมะก็ปรากฏต่อหน้าของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ
เดือนธันวาคมที่โอซาก้าก็เข้าสู่หน้าหนาวเหน็บแล้ว ผิวที่ปราศจากการห่อหุ้มก็สั่นสะท้านเล็กน้อย คิตะมิยะ ฮิเดโอะส่งเสียงร้องควรญครางราวกับเจ็บปวด พลันพุ่งเข้าไปยังห้องด้านข้าง ในตอนที่ออกมานั้น ในมือถือแส้สีดำสนิท
เสียงแส้ฟาดและเสียงร้องควรญครางของผู้หญิง ดังออกมาจากห้องไม่ขาดสาย หลังจากผ่านพ้นไปครึ่งชั่วยาม ผิวขาวราวหิมะของมิชิโกะก็ปรากฏรอยแส้ฟาดเป็นสายเต็มทั่วตัว คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็พลันสงบลง โยนแส้หนังทิ้งไปและเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
“คุณโก่วซินเจีย ผมไปที่พม่าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!” เมื่อมาถึงห้องชั้นสอง คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ขังตัวเองอยู่ในความมืด ส่งเสียงครางเหมือนสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บ
ในตอนนั้นโก่วซินเจียถูกคิตะมิยะ ฮิเดโอะลอบทำร้ายตัดแขนขาดไป และคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ถูกเขาซัดเข้าหมัดหนึ่ง หากว่ามองจากด้านบน คิตะมิยะ ฮิเดโอะนั้นเป็นผ่ายเอาเปรียบแล้ว
แต่ไม่มีใครรู้ว่า คิตะมิยะ ฮิเดโอะถูกฝ่ามือนี้เข้าไปไม่เพียงแต่บาดเจ็บภายใน แต่ทำให้สูญสิ้นความเป็นชาย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ น้องชายด้านล่างของเขานั้นนอกจากใช้ทำธุระแล้วก็ไร้สมรรถภาพความเป็นชายไป
ในตอนนั้นคิตะมิยะ ฮิเดโอะอายุเพียงแค่ ยี่สิบต้นๆ ความกระทบกระเทือนนี้ทำให้จิตใจของเขาบิดเบี้ยว หลังจากบาดแผลรักษาหายแล้ว ก็ทุ่มเทฝึกปรือวิชาดาบของตระกูล ในตอนที่อายุสามสิบปี ก็ได้ฆ่าบิดาของตัวเองถึงได้ขึ้นมานั่งในตำแหน่งผู้นำตระกูล
หลังจากนั้นเมื่ออายุได้สี่สิบปี คิตะมิยะ ฮิเดโอะใช้วิธีการที่แข็งกร้าวถึงได้นั่งในตำแหน่งอย่างมั่นคงเรื่อยมา แต่อารมณ์ของเขานั้นก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงในบางครา ทำให้ลงทุนมูลค่ามหาศาลผิดพลาด ทำให้ตระกูลต้องตกที่นั่งลำบาก นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขารีบร้อนที่จะเปิดตลาดต่างประเทศ
สำหรับมิชิโกะนั้น เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะเก็บมาเลี้ยงเมื่อตอนอายุสามสิบกว่าเท่านั้น
แต่ที่ไม่มีใครรู้ก็คือ ภายนอกดูนุ่มนวลสุภาพและนับตั้งแต่ที่ภรรยาเสียชีวิตไปก็ไม่เคยมีผู้หญิงอื่นอย่างคิตะมิยะ ฮิเดโอะ เป็นสัตว์ร้ายจิตใจบิดเบี้ยว ในตอนที่มิชิโกะอายุสิบแปดปีนั้น คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ฉีกเสื้อผ้าของเธอขาด ใช้ด้ามดาบสำหรับการต่อสู้ทำให้มิชิโกะกลายเป็นหญิงสาว
นับแต่นั้นมาภายในยี่สิบปีนี้ มิชิโกะได้แต่ต้องทนทุกข์กับความทรมานจากคิตะมิยะ ฮิเดโอะ แม้แต่หลังจากแต่งงานแล้วสามีก็ถูกส่งไปประจำการยังต่างประเทศ ไม่ได้ทราบเลยว่าก่อนจากไปนั้นได้ขอบคุณ “พ่อตาผู้ยิ่งใหญ่” อย่าง คาโต้ทาคุมิ หากรู้ความจริงแล้วนั้น จะรู้สึกอย่างไร
แน่นอนว่า หลักการของคนญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างมั่ว ประชาชนคนญี่ปุ่นหรือคนมีท่าทีต่อแนวคิด/วุ่นวายที่ว่า “ไม่ทำร้ายผู้กระทำและไม่ทำอันตรายคนอื่น” ก็ใจกว้างจนคุณไม่อยากจะเชื่อ
ประเทศนี้แม้จะนับถือศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก แต่สำหรับเรื่องเพศแล้วนั้นทำให้คนต้องตะลึงตาค้าง เพื่อนนอน/ทางเพศของพวกเขา ขอบเขตความสัมพันธ์ของคู่นอนนั้นกว้างมาก แม้ว่าลูกชายจะไปเยี่ยมเยียนแม่ที่หมู่บ้านที่อาศัย กับพ่อและภรรยาของคนอื่น หรือว่าพี่สาวน้องสาวตัวเองก็เกิดความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวได้โดยไม่ถูกตราหน้า
ในสมัยเอโดะทายาทจักพรรดิองค์หนึ่งของญี่ปุ่นเคยไปเยี่ยมเยือนน้องสาวของตัวเองแล้วถูกแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิไป
ดังนั้นถึงแม้ว่าคาโตะทาคุมิจะรู้ความจริงเรื่องคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ก็ไม่แน่ว่าจะสนใจด้วยซ้ำไป เดิมทีนี่ก็เป็นหลักความเชื่อที่วุ่นวายระดับประเทศและสังคมอยู่แล้ว!
……