วิชากรงเล็บอินทรีย์ของหูหงเต๋อนั้น ท่าร่างก็ต้องสอดรับกับกระบวนท่าด้วยเช่นกัน หลังจากเท้าขวาถีบลงไปบนพื้นจนแผ่นหินปูพื้นแตกร้าวเป็นทางๆ ร่างก็โถมเข้าไปหาอันเดรวิชอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
หูหงเต๋อร่างลอยอยู่กลางอากาศ สองมืองุ้มเหมือนกรงเล็บ เล็บมือทั้งสิบที่ตอนแรกหดเก็บไว้อยู่นั้น ขณะนี้ดีดกางออกมาทุกนิ้วแล้ว ราวกับเป็นมีดเล็กๆ สิบเล่มก็ไม่ปาน ถ้าตะปบลงไปบนร่างกายละก็ จะต้องเกิดแผลเลือดซึมออกมาสิบรูแน่นอน
หูหงเต๋อพุ่งโจมตีลงมาจากด้านบน ราวกับพญาอินทรีย์ที่เหาะเหินอยู่บนท้องนภา เล็งเป้าไว้ที่อันเดรวิชอย่างแน่วแน่ กระแสลมแรงที่พุ่งดีดออกมาจากนิ้วทั้งสิบนั้น จู่โจมไปที่อันเดรวิชจนผิวหนังบนหน้าผากรู้สึกชาขึ้นมา
“ฮ่ะ!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงภัยที่ร้ายแรงถึงชีวิต ในที่สุดอันเดรวิชก็เริ่มเคลื่อนไหว ปากร้องตวาดออกไปคำหนึ่ง แล้วยืดอกขึ้นโดยพลัน ไม่สนใจกรงเล็บทั้งสองข้างของหูหงเต๋อที่กำลังตะปบมายังหน้าผากของตัวเองเลยสักนิด หมัดทั้งสองข้างเล็งซัดไปที่ทรวงอกและท้องน้อยของหูหงเต๋อพร้อมๆ กัน
อันเดรวิชเป็นยอดฝีมือที่มีประสบการณ์ทางมวยใต้ดินมาอย่างโชกโชน เขารู้ดีว่า ตัวเองเคลื่อนไหวได้ไม่ปราดเปรียวเท่าคนตะวันออกเหล่านี้ จึงจงใจที่จะไม่หลบไม่หลีก เอาชีวิตเข้าแลกกับฝ่ายตรงข้ามอย่างตรงๆ ไปเลย คนที่มีชีวิตเฉียดตายอยู่ทุกวันอย่างเขานี้ รู้สึกชินชากับความเป็นความตายมาตั้งนานแล้ว
อันเดรวิชไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย แต่หูหงเต๋อยังไม่อยากตายนี่นา เมื่อเห็นวิธีต่อสู้แบบเอาชีวิตแลกชีวิตของอันเดรวิช กรงเล็บทั้งสองข้างที่ตะปบไปทางหน้าผากของอีกฝ่ายก็ชักกลับมา แล้วผลักไปที่หมัดทั้งคู่ของอันเดรวิชแทน
เสียง “ตูม” ดังขึ้นหนักๆ เมื่อเสียงสะท้อนกับเวทีก็ดังก้องขึ้นเป็นสองเท่า จากนั้นร่างมหึมาของอันเดรวิชก้าวถอยหลังไปสามก้าวติดๆ กันดัง “ตึงๆๆ” ส่วนร่างของหูหงเต๋อกลับทะยานขึ้นไปกลางอากาศ ลอยละลิ่วไปโดนรั้วกั้นเวที จากนั้นก็ไปยืนอยู่บนพื้น
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่ง ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างเวทีจึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเลย ร่างทั้งสองแยกจากกันไปแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าอันเดรวิชผู้โหดเหี้ยมจนแทบจะไม่มีใครเอาชนะได้เลยนั้น กลับถูกหูหงเต๋อโจมตีจนถอยไปได้ เสียงโห่ร้องชื่นชมก็ดังขึ้นมาจากล่างเวทีระลอกหนึ่ง
“เวรเอ๊ย มันยังเป็นคนอยู่รึเปล่าวะ?” หูหงเต๋อที่ยืนได้อย่างมั่นคงแล้วรู้สึกสองมือชาวาบขึ้นมา ใช้หางตามองไปที่อีกฝ่ายแล้วก็อดก่นด่าขึ้นมาในใจไม่ได้ เล็บมือทั้งสิบที่เขาไว้มาหลายสิบปี ถึงกับหักไปคามือตั้งห้านิ้ว
เรื่องนี้ทำให้หูหงเต๋อเจ็บปวดใจมาก เมื่อก่อนเวลาไปล่าสัตว์บนภูเขา เขาอาศัยเพียงเล็บมือทั้งสิบนี้ก็สามารถท่องไปได้ทั่วทั้งดินแดนแถบนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิงห์สาราสัตว์ที่ดุร้ายขนาดไหนเขาก็สังหารได้ในกรงเล็บเดียว แต่ตอนนี้เมื่อหักไปครึ่งหนึ่ง ก็เท่ากับว่าหูหงเต๋อเสียไพ่ใบสำคัญไปใบหนึ่ง
แต่เมื่อหูหงเต๋อมองไปทางอันเดรวิช สีหน้าของเขาก็กลับดีขึ้นมาบ้าง เพราะเล็บมือทั้งห้าของเขาที่หักไปนั้น กำลังปักอยู่บนหลังมือของอันเดรวิช โลหิตหลั่งไหลจากมือทั้งสองของอันเดรวิชที่ห้อยลงไปข้างตัว แล้วหยดติ๋งๆ ลงไปบนเวทีมวย
อันเดรวิชที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของเวทีมวยดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงอาการบาดเจ็บบนมือเลย เขางอนิ้วกำมือทั้งสองข้างที่แบออกให้กลายเป็นกำปั้นอย่างเชื่องช้า แล้วเล็บมือทั้งห้าที่ฝังอยู่บนหลังมือของเขานั้น ก็ถึงกับถูกดันหลุดออกมาทีละนิดๆ
หลังจากเล็บมือเหล่านั้นร่วงลงไปบนพื้นแล้ว โลหิตบนกำหมัดทั้งคู่ของอันเดรวิชก็หยุดไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นโลหิตของเขาที่นองอยู่บนพื้น ดูจากภายนอกแล้วก็เหมือนกับยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่ออันเดรวิชมองไปที่หูหงเต๋อ ดวงตาสีเทาเหมือนปลาตายนั้นในที่สุดก็ปรากฏความมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว เพราะเมื่อครู่นี้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากชายแก่คนนี้ คู่ต่อสู้แบบนี้นับว่าคู่ควรแก่การนับถือจริงๆ
ควรทราบว่า ปีนี้อันเดรวิชเพิ่งจะอายุสี่สิบเอ็ดปี กำลังอยู่ในช่วงวัยที่มีพละกำลังมากที่สุด แต่ชายแก่ที่อยู่ตรงหน้านี้กลับไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเขาเลย ทำให้ในใจอันเดรวิชสะทกสะท้านขึ้นมาอย่างมาก
“เหล่าหู สมองคุณพังไปแล้วรึไง? อยู่ดีๆ ไปปะทะกับมันจังๆ ทำไมเล่า?”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบเมื่อครู่นั้น นอกจากชิวเหวินตงที่นั่งดูภาพที่กล้องถ่ายไว้แบบสโลว์โมชั่นในห้องสังเกตการณ์แล้ว ทั้งสนามมวยก็คงมีแต่เยี่ยเทียนคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน เขาจึงอดร้องตะโกนขึ้นมาไม่ได้ ตาแก่คนนี้นี่ก็ปาเข้าไปหกเจ็ดสิบแล้ว ทำไมยังไปปะทะพลังกับอันเดรวิชอย่างเลือดร้อนแข็งกร้าวแบบนี้อีกนะ!
“เยี่ยเทียน อย่ารบกวนคุณหูสิ!” ในการต่อสู้กันตัวต่อตัวนี้ สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือการถูกรบกวนจากภายนอก การตะโกนของเยี่ยเทียนครั้งนี้จึงทำให้จู้เหวยเฟิงนึกฉุนขึ้นมาทันที เพราะในความคิดของเขา เยี่ยเทียนผู้ซึ่งไม่มีลักษณะของนักสู้เลยสักนิดก็แค่เอะอะไปโดยไม่รู้อะไรเลยเท่านั้น
เยี่ยเทียนไม่ได้สนใจจู้เหวยเฟิงเลย แต่ตะโกนต่อไปว่า “เหล่าหู ถ้าจะสู้ต่อแบบต่อไป คุณก็ลงมาได้แล้ว เดี๋ยวผมขึ้นไปแทนเอง!”
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้จู้เหวยเฟิงพูดไม่ออกไปเลย ท่าทางอ่อนแออย่างแกเนี่ยนะคิดจะไปประมือกับอันเดรวิช? เกรงว่าแค่ขึ้นไปประจันหน้ากับอันเดรวิชบนเวที แล้วยังยืนนิ่งอยู่ได้ก็ถือว่าเก่งแล้วละ
“วางใจเถอะน่า ไอ้หมอนี่มันสมชายจริงๆ!”
หูหงเต๋อหันหน้าไปฉีกยิ้มให้เยี่ยเทียน เมื่อครู่นี้เพราะเขารู้สึกว่าพลังภายในร่างกายกำลังพลุ่งพล่าน จึงปะทะกับอันเดรวิชไปตรงๆ อย่างอดไม่ได้ แต่ก็เพราะการปะทะกันอย่างจังครั้งนี้นี่เอง เขาถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าพลังของอันเดรวิชนั้นน่ากลัวเพียงใด
หูหงเต๋อเดิมทีก็เป็นยอดฝีมือระดับพลังลมปราณแฝงอยู่แล้ว ยิ่งเยี่ยเทียนยังทำพิธีปลุกเสกพลังลึกลับให้เขาอีก ลำพังแค่ด้านพละกำลัง เขาก็พอจะสูสีกับเยี่ยเทียนแล้ว แต่แม้กระนั้นก็ทำได้เพียงเสมอกับอันเดรวิชเท่านั้น ไม่สามารถเหนือกว่าอีกฝ่ายได้
“แกแกร่งมาก คู่ควรให้ฉันทุ่มสุดกำลังจริงๆ!”
ระหว่างที่หูหงเต๋อหันหน้าไปคุยกับเยี่ยเทียนนั้น อันเดรวิชก็ไม่ได้เข้ามาลอบจู่โจม แต่ตะโกนเรียกหูหงเต๋อเป็นภาษารัสเซีย พอหูหงเต๋อหันหน้ามาแล้ว เท้าขวาของอันเดรวิชก็กระทืบลงไปบนพื้นอย่างหนักหน่วง จนเวทีที่ก่อสร้างขึ้นจากศิลานั้นสั่นสะเทือนไปทั้งเวที
เสียงศิลาแตกดัง “เปรี๊ยะ!” ดังก้องออกมาจากเวทีมวยอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ร่างอันมหึมาของอันเดรวิชก็โถมเข้าไปหาหูหงเต๋อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ที่พุ่งออกจากลำกล้อง
แม้ว่าท่าร่างจะไม่ปราดเปรียวเท่าหูหงเต๋อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอันเดรวิชจะเคลื่อนไหวเชื่องช้าเลย เขาโถมออกไปด้วยความเร็วเหนือธรรมดา ร่างอันมหึมานั้นสกัดหูหงเต๋อไว้ทั้งสองทางซ้ายขวาแล้ว จึงดูเหมือนจะเหลืออยู่ทางเดียวคือปะทะกันตรงๆ
แต่หูหงเต๋อมีประสบการณ์ในการรับศึกมาระดับไหนแล้ว? ในเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองมีพลังสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แล้วเขาจะยังไปปะทะกับอันเดรวิชโดยตรงอีกทำไมกัน? ขณะเดียวกันกับที่ร่างของอันเดรวิชกระโจนออกมา หูหงเต๋อก็ยกขาขวาขึ้น แล้วถีบไปที่รั้วกั้นเวทีมวยซึ่งอยู่ข้างหลัง
รั้วกั้นเวทีนี้สร้างขึ้นจากเหล็กกล้าทั้งหมด แต่เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อนักมวย ด้านนอกจึงห่อหุ้มไว้ด้วยผ้านวมนุ่มๆ อีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นสูง หลังจากหูหงเต๋อถีบลงไป ร่างก็กระเด็นขึ้นไปอยู่กลางอากาศทันที แล้วลอยละลิ่วผ่านเหนือศีรษะของอันเดรวิชไป
ระหว่างที่ผ่านกระหม่อมของอันเดรวิชไปนั้น หูหงเต๋อถ่วงลมปราณจากจุดตันเถียนลงสู่เบื้องล่าง ร่างจึงตกลงไปด้านล่างในฉับพลัน เท้าขวาเตะสะกิดลงไปกลางหลังของอันเดรวิชปานสายฟ้าแลบ หูหงเต๋ออาศัยแรงจากการแตะนี้ ตีลังกากลางอากาศรอบหนึ่งแล้วลงไปยืนอย่างมั่นคง
คราวนี้อันเดรวิชโถมออกไปโดยทุ่มแรงสุดตัว พอโถมออกไปเจอความว่างเปล่า และยังถูกหูหงเต๋อสะกิดที่จุดสำคัญบนกลางหลังอีก จึงไม่อาจหยุดร่างได้อีก พุ่งตรงไปชนกับรั้วกั้นเวที รั้วที่มีความหนาพอๆ กับลำแขนของทารกนั้นก็ถึงกับหักสะบั้นไป
หลังจากชนรั้วกั้นหักพังไปแล้ว อันเดรวิชก็ยังไม่อาจหยุดร่างไว้ได้ ร่างอันมหึมาราวกับยักษ์นั้นพุ่งตรงลงไปจากเวที แล้วล้มลงไปบนพื้นอย่างโซซัดโซเซ
“ตัดสินแพ้ชนะได้รึยัง?”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหลือเกิน นี่เพิ่งจะเป็นการปะทะกันยกที่สอง แต่อันเดรวิชกลับถูกหูหงเต๋อถีบออกนอกเวทีไปแล้ว บรรดาผู้ชมที่เพิ่งจะเห็นความโหดเหี้ยมดุร้ายของอันเดรวิชไปต่างก็คิดตามภาพที่เห็นไม่ทัน ทั้งสนามเงียบกริบกันไปหมด ไม่มีแม้แต่เสียงโห่ร้องชมเชย
“แค่กๆ…” อันเดรวิชที่ล้มอยู่กับพื้นเริ่มเคลื่อนไหว ใช้มือข้างหนึ่งยันกายลุกขึ้นมา ปากก็กระแอมกระไอออกมา คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ต่างก็มองเห็นว่าที่เขาถ่มลงไปบนพื้นนั้นเป็นตะกอนโลหิตที่สีเริ่มคล้ำแล้ว
อันเดรวิชบาดเจ็บไม่เบาเลยจริงๆ ปกติตำแหน่งกลางหลังก็เป็นหนึ่งในจุดสำคัญบนร่างกายคนอยู่แล้ว มิหนำซ้ำหูหงเต๋อยังหยิบยืมพลังตามหลักการสี่ตำลึงปาดพันชั่ง เท่ากับนำพลังที่อันเดรวิชโถมออกมานั้นมาใช้กับตัวเขาเองทั้งหมด เมื่อถูกพลังโจมตีเป็นทวีคูณเช่นนี้ อันเดรวิชจึงไม่อาจรับได้ไหว
หลังจากลุกขึ้นยืนแล้ว ร่างของอันเดรวิชก็ส่ายโงนเงน แต่จิตใจอันแข็งแกร่งที่ได้มาจากการฝึกภายใต้สภาพแวดล้อมอันทารุณนั้น ก็ทำให้เขายังคงยืนอยู่ได้ และเดินไปทางเวทีทีละก้าวๆ เขายอมไม่ได้ถ้าจะต้องมาพ่ายแพ้ให้ฝ่ายตรงข้ามทั้งอย่างนี้
“อัดมันให้ตาย!”
“ซ้อมมันให้ตาย ให้ไอ้ผีฝรั่งมันตายไปเลย!”
“ฆ่ามันเลย!”
คนที่ตายังดีอยู่ต่างก็ดูออกกันหมดว่า อันเดรวิชเป็นดั่งลูกธนูที่ยิงออกไปจนสุดกำลังแล้ว จนกระทั่งตอนนี้ ในสนามมวยถึงจะเริ่มเดือนพล่านขึ้นมา ความป่าเถื่อนตามสัญชาติญาณดิบเปี่ยมล้นในหัวใจของทุกคน แม้แต่พวกผู้หญิงที่ปกติวางท่าราวกับสตรีสูงศักดิ์ ก็พากันแผดเสียงร้องตะโกนออกมาด้วย
“หลีกไปให้หมด!” หูหงเต๋อที่กำลังยืนนิ่งอยู่บนเวทีมวยนั้น พอได้ยินเสียงโห่ร้องบอกให้ฆ่า ทันใดนั้นก็เปล่งเสียงคำรามออกมาราวกับฟ้าลั่น ทำให้เสียงอึกทึกในสนามมวยเงียบลงไปทันที
เสียงคำรามของหูหงเต๋อทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงเหมือนกับตอนที่จู่โจมอันเดรวิชได้สำเร็จเมื่อครู่นี้ แต่ก็ถือว่าได้ผลดีอย่างยิ่ง อย่างน้อยในสนามมวยก็เงียบลงไปเหมือนเดิมแล้ว
หูหงเต๋อมองไปยังกลุ่มคนที่นุ่งชุดแบบตะวันตกซึ่งวางท่าเป็นผู้สูงศักดิ์ แล้วส่ายหน้า พูดกับคนยุโรปคนหนึ่งที่ยืนอยู่นอกเวทีมวยว่า “ให้มันยอมแพ้ซะเถอะไม่ต้องสู้ต่อแล้ว ไม่อย่างนั้นมันได้ตายแน่!”
หูหงเต๋อเป็นนักสู้ เขามีศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่ แม้จะทำให้อันเดรวิชบาดเจ็บสาหัสได้ แต่หูหงเต๋อรู้ว่า การประลองครั้งนี้ตัวเองได้เปรียบกว่าอย่างไม่ยุติธรรม ถ้าไม่มีเยี่ยเทียนมาทำพิธีเสกพลังวิเศษให้ ลูกเตะของเขาก็อาจจะโจมตีอันเดรวิชไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำไป
และอันเดรวิชก็เป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรให้หูหงเต๋อนับถือคนหนึ่ง ถ้ามาอยู่ที่ประเทศจีน เขาก็นับว่าเป็นนักสู้คนหนึ่งเหมือนกัน
คนยุโรปคนนั้นฟังภาษาจีนรู้เรื่อง หลังจากได้ยินหูหงเต๋อพูดแบบนั้นก็เริ่มมีสีหน้าร้อนรนขึ้นมา และรีบตะโกนบอกอันเดรวิชเป็นภาษารัสเซีย
อันเดรวิชไม่ได้สนใจผู้ช่วยทั้งสองของตัวเองเลย แต่กลับเดินโซเซกลับขึ้นไปบนเวทีมวย ไปยืนอยู่ตรงหน้าหูหงเต๋อ
…….