“เรื่องอะไรวุ่นวายยิ่งกว่า?”
เมื่อครู่เยี่ยตงผิงยังคงจ่อมจมอยู่กับเรื่องของตัวเอง พอได้ยินลูกชายพูดอย่างนี้ จึงคิดถึงเรื่องที่ประตูทางเข้าขึ้นมา ถามอย่างไม่สบอารมณ์ “พ่อว่าแกคงไปก่อเรื่องวุ่นวายอะไรอีกแล้วสิท่า? ทางเข้าบ้านด้านนอกนั่นทำไมถึงถูกคนล้อมไว้อย่างนั้นหา?”
เยี่ยตงผิงมีประสบการณ์อย่างล้ำลึก ถึงความสามารถในการก่อเรื่องของลูกชาย นับตั้งแต่เยี่ยเทียนเริ่มเข้าโรงเรียนประถมปีแรก เขาก็เป็นแขกประจำห้องพักครูแล้ว ต้องคอยยกจานขนมหวาน ไปขออภัยเพื่อนร่วมชั้นที่โดนเยี่ยเทียนต่อยอยู่เป็นประจำ
“พ่อ ไม่ใช่ผมที่ก่อเรื่อง แต่ปัญหานั่นมันมาหาถึงประตูเองต่างหาก พ่อไปดูแล้วก็จะรู้เอง!”
เยี่ยเทียนเองก็เจ้าเล่ห์ เขารู้ว่าวันนี้ซ่งเฮ่าเทียนมาเพื่อสงบศึกกับตระกูลเยี่ย ย่อมไม่กล้าวางท่าเป็นพ่อตาต่อหน้าเยี่ยตงผิงอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนั้นจึงอยากรู้ว่าพอถึงเวลา พ่อของตัวเองจะทำสีหน้าอย่างไร
ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงไม่อธิบายให้ละเอียด พาพ่อทะลุตรงไปยังเรือนด้านหน้า มาอยู่ตรงหน้าคนทั้งหลายที่กำลังดื่มกินกันอย่างออกรสพอดี
“อะแฮ่ม……”
โก่วซินเจียเงยหน้าขึ้นมาเห็นเยี่ยตงผิงเข้า สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดไปในทันที กระแอมหนึ่งเสียงแล้วพูดขึ้น “อ้าว เยี่ยตงผิงมาแล้วเหรอ มา นั่งดื่มกันสักถ้วยสิ!”
“วันนี้ช่างครึกครื้นเสียจริงนะ เจ้าเด็กบ้า ถึงกับเอาเหล้าเหมาไถสองขวดนั้นของฉันออกมาเลยเหรอ?”
ด้วยซ่งเฮ่าเทียนนั่งหันหลังให้ทางเข้าสวนดอกไม้อยู่ เยี่ยตงผิงจึงเห็นเพียงเงาด้านหลังของร่างสูงใหญ่ผมสีเงิน ยังนึกว่าเป็นเพียงสหายสักคนของโก่วซินเจีย แล้วจึงนั่งลงยังตำแหน่งที่เยี่ยเทียนจัดหาให้ในทันที
เยี่ยตงผิงเองก็เป็นคนร่ำสุรา พอรินเหล้าให้ตัวเองจนเต็มชามแล้ว ก็ยกขึ้นกล่าวว่า “มา ผมขอดื่มฉลองให้ทุกคนหนึ่งถ้วย คุณ…คุณ…คุณคือซ่ง…ซ่งเฮ่าเทียนนี่?!”
เยี่ยตงผิงนั่งลงไปยังไม่เต็มก้น กลับเผชิญหน้าเข้ากับผู้เฒ่าซ่งเข้าจัง ๆ ชามเหล้าในมือหล่นลงพื้นเสียงดัง “เพล้ง” แล้วตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
เยี่ยตงผิงกับซ่งเวยหลันรู้จักกันที่บ้านนอก ตั้งแต่แรกจนปัจจุบันยังไม่เคยพบซ่งเฮ่าเทียน
แต่ว่าเมื่อเข้าสู่หลังยุคปี 90 ซ่งเฮ่าเทียนปรากฏตัวอยู่ในทีวีทุกวันเป็นส่วนใหญ่ เยี่ยตงผิงจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หน้าทีวีอยู่ทุกวัน ใฝ่ฝันอยากจะฉีกเนื้อตาแก่นี่ออกมาสักชิ้น
ดังนั้นแม้จะไม่เคยพบซ่งเฮ่าเทียนต่อหน้า แต่เยี่ยตงผิงก็ “คบหาทางจิต” กับเขามานาน ในสถานการณ์ที่นั่งประจันหน้ากันอย่างนี้ จึงจดจำได้ภายในพริบตา
เพียงแต่ว่าจู่ ๆ ได้พบกับศัตรูเก่าแก่ที่ตนเองสาปแช่งมายี่สิบกว่าปี เยี่ยตงผิงเองยังสับสนขึ้นมากะทันหัน สมองของเขากลับกลายเป็นว่างเปล่า ทำได้แค่เพียงจดจ้องซ่งเฮ่าเทียนที่มองมาอย่างไม่วางตา
“ตง…..แค่กๆ เสี่ยวเยี่ย ฉันคือซ่งเฮ่าเทียน!”
ซ่งเฮ่าเทียนผู้ผ่านคลื่นลมและฝนมาจนชินชา แม้จะไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับลูกเขยนอกกฎหมายคนนี้ แต่เขาก็ยังมีปฏิกิริยาโต้ตอบว่องไวกว่าเยี่ยตงผิงมากนัก
ความจริงเดิมทีซ่งเฮ่าเทียนคิดจะร้องเรียกว่า “ตงผิง” แต่สำนึกได้ว่าไม่ได้สนิทสนมกับเขาถึงขั้นนั้น เมื่อคำพูดออกจากปากจึงกลายเป็น “เสี่ยวเยี่ย”
เยี่ยตงผิงผุดลุกขึ้นในทันใด อารมณ์บนใบหน้าพลันกลับกลายเป็นบูดเบี้ยวด้วยความประหลาดใจและโกรธเกรี้ยว คำรามเสี่ยงต่ำ “ซ่งเฮ่าเทียน แก……แกมาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไง?!”
ต้องบอกก่อนว่าเยี่ยตงผิงแม้ว่าเพราะชีวิตถูกกดดันสารพัด จึงยอมโอนอ่อนต่อความเป็นจริง อีกทั้งยังเรียนรู้การสอพลอเถ้าแก่ทั้งหลาย จึงได้สามารถทำมาค้าขายของโบราณ
แต่ว่าตัวตนของเยี่ยตงผิงกับนิสัยของลูกชายมีส่วนใกล้เคียงกันมาก นั่นคือเมื่อเผชิญหน้ากับข้าราชการผู้มีอำนาจ กลับไม่เคยยอมอ่อนน้อมคุกเข่า แม้ตัวเองจะเล็กจ้อยราวมดปลวก ก็ยังอาจหาญจะเผชิญหน้าท้าทายคชสาร
จริงอยู่ที่สถานภาพของซ่งเฮ่าเทียนสูงส่ง แต่นั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของเยี่ยตงผิงแม้แต่อย่างใด บวกกับความบาดหมางของวงศ์ตระกูลกับการที่ช่วงชิงภรรยาของตัวเองไป ทำให้สองตาของเยี่ยตงผิงที่จ้องยังซ่งเฮ่าเทียนแดงก่ำ
“เป็นเด็กเลือดร้อนอีกคนแล้ว ทำไมตระกูลเยี่ยถึงมีแต่คนอย่างนี้?” เมื่อเห็นเยี่ยตงผิงมีท่าทีแค้นฝังลึกอย่างนั้น ในใจของซ่งเฮ่าเทียนหงุดหงิดไม่เบา
เพิ่งจะสยบเยี่ยเทียนเจ้าเด็กรับมือยากคนนั้นไป ก็มีตาแก่เลือดร้อนโผล่มาอีก ในอดีตตอนซ่งเฮ่าเทียนจัดการเรื่องการเมืองภายในประเทศ ยังไม่เคยรู้สึกปวดหัวขนาดนี้มาก่อน!
“เรื่องนี้นายถามเยี่ยเทียนเอาเถอะ” ซ่งเฮ่าเทียนเกรงกลัวเยี่ยเทียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นมิตรต่อเยี่ยตงผิง แม้ว่าเขาจะเคยแยกคู่รักออกจากกัน แต่ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นพ่อตาของอีกฝ่ายนี่?
“เยี่ยเทียน เกิดอะไรขึ้น?”
นอกจากเยี่ยตงผิงจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว ความคิดยังค่อย ๆ กระจ่างชัด เขารู้ว่าลูกชายไม่ต้อนรับคนตระกูลซ่งยิ่งกว่าตัวเอง ที่ซ่งเฮ่าเทียนมาเยี่ยมเยียนอย่างนี้ จะต้องมีเบื้องหลังบางอย่างที่เขาไม่รู้อย่างแน่นอน
คราวนี้เยี่ยเทียนกลับทำเหมือนไม่เกี่ยวกับตัวเอง เอ่ยปากว่า “พ่อ คุณซ่งท่านนี้เขาเป็นตัวแทนของตระกูลซ่ง มาขอขมาตระกูลเยี่ยอย่างเป็นทางการ คนที่เข้าประตูมาแล้วล้วนเป็นแขก พวกเราคงไล่เขาออกไปข้างนอกไม่ได้หรอกมั้ง?”
แม้ซ่งเฮ่าเทียนจะมีน้ำอดน้ำทน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว จึงอดกลั้นไว้ไม่อยู่ พูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังไม่ไล่ฉันออกไปนอกบ้านอย่างนั้นเรอะ? ถ้าหากไม่ได้พี่หยวนหยางพูดให้ ฉันคงโดนปิดประตูใส่หน้าเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีแล้ว!”
“พ่อ คุณซ่งออกปากรับคำแล้ว ว่าเขาจะตีพิมพ์คำประกาศขอขมาลงบนสื่อฮ่องกง เพื่อขอโทษตระกูลเยี่ยของพวกเราอย่างเป็นทางการ……”
เยี่ยเทียนไม่ตอบซ่งเฮ่าเทียน พูดเองเออเองว่า “พ่อ ผมว่าเขาอายุมากทั้งยังมีความจริงใจ แล้วยังอุตส่าห์ออกปากรับคำไปแล้วด้วย ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้ พ่อเป็นหัวหน้าตระกูลเยี่ย เรื่องนี้ก็ให้พ่อตัดสินใจแล้วกัน!”
เรื่องที่เกิดขึ้นกับเยี่ยเทียนตอนที่อยู่ในไต้หวัน คนในครอบครัวต่างไม่รู้ อีกอย่างเป็นเงื่อนไขของทั้งสองคน เขาจึงไม่บอกกับพ่อ เพียงแค่พูดเฉพาะเรื่องที่ตระกูลซ่งยินยอมขอขมาออกไปเท่านั้น
แต่ว่าคำพูดนี้ของเยี่ยเทียนก็ช่างน่าโมโหจริง ก่อนหน้าพูดมาเสียเนิ่นนาน เขาเพิ่งจะตกปากรับคำมั่นเหมาะ ตอนนี้กลับไม่สามารถตัดสินใจเองได้? ทว่าซ่งเฮ่าเทียนยังนับว่ารู้จักนิสัยที่แท้ของเขา จึงไม่เอ่ยปากถกเถียงอะไรต่อ
รินเหล้าชามหนึ่งให้ตัวเองอย่างเฉื่อยชา ซ่งเฮ่าเทียนเงยคอกระดกเหล้าลงไป ปกติแล้วมีหมอคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สามารถดื่มได้เพียงวันละแก้วเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตาแก่คนนี้จะไม่อยากกินเหล้าที่ไม่ต้องจ่ายตัง
“เรื่อง…เรื่องของตระกูลเยี่ย ให้ป้าของแกเป็นคนตัดสินใจ!”
สิ่งที่ทำให้ซ่งเฮ่าเทียนโกรธจนแทบกระอักเลือดก็คือ เยี่ยตงผิงเงียบไปเนิ่นนาน แล้วกลับพูดประโยคนี้ออกมา กลายเป็นว่าวันนี้เขาก็มาเสียเปล่างั้นหรือ? พ่อลูกสองคนนี้ฝ่ายหนึ่งเร่งเร้าฝ่ายหนึ่งรั้งรอ สุดท้ายบอกว่าป้าต้องเป็นคนตัดสินใจ?
ความจริงแล้วที่ซ่งเฮ่าเทียนไม่รู้ก็คือ เยี่ยตงผิงก็มีท่าทีต่อความบาดหมางระหว่างวงศ์ตระกูลในยุคก่อนตรงกันกับเยี่ยเทียน เขาเองก็ไม่สนับสนุนให้ความโกรธแค้นนี้ดำรงอยู่ต่อ
แต่ที่เยี่ยตงผิงไม่ยอมรับฐานะเจ้าบ้านเพื่อรับคำขอโทษจากซ่งเฮ่าเทียน นั่นเป็นเพราะตรงหน้านี้คือตาแก่ที่ทำให้ภรรยาของตัวเองต้องพรากจากกันไปถึงยี่สิบปี!
“พ่อ เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้นสิ ป้าใหญ่จะต้องเห็นด้วยอยู่แล้วล่ะ ป้าเขาบ่นเรื่องนี้มาหลายปีแล้วนี่”
ทิศทางที่เยี่ยเทียนยืนอยู่หันหลังให้ซ่งเฮ่าเทียนพอดิบพอดี จึงขยิบตามาทางพ่อเสียตอนนั้น ขยับปากแต่ไร้เสียงออกมาว่า “เสนอเงื่อนไข ให้แม่ผมกลับมาสิ!”
ทีแรกเยี่ยตงผิงไม่เข้าใจว่ารูปปากของลูกชายหมายความว่าอย่างไร หลังจากจดจ้องอยู่สองรอบ จึงเข้าใจได้ในที่สุด หัวใจเกิดสั่นไหวฉับพลัน มองลูกชายอย่างไม่อาจเชื่อสายตา
ต้องบอกก่อนว่า ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ เยี่ยตงผิงไม่เคยลืมภรรยาเลย เขาเฝ้าฝันอยู่ทุกวันคืนที่จะได้กลับมาอยู่ร่วมกับภรรยา
ด้วยเหตุนั้นเยี่ยตงผิงจึงได้ฉีกคุณธรรมของผู้มีการศึกษา แล้วพูดเหมือนคนทำการค้า นอกจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะทำไปเพื่อลูกชายแล้ว ล้วนเป็นเพราะอยากให้ภรรยาได้กลับมาอยู่ข้างกายตัวเองอีกหน
เพียงแต่ว่าในอดีตที่ซ่งเวยหลันกลับมายังประเทศจีน ได้บอกกับเขาว่าคงจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปี ตัวเองถึงจะสามารถจัดการเรื่องราวทั้งหมด แล้วกลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเขาและลูกชาย
การรอคอยที่ปราศจากคำสัญญา อาจทำให้เวลาผ่านไปค่อนข้างเร็ว แต่พอมีคำสัญญาจากภรรยาแล้ว ทำให้หนึ่งวันของเยี่ยตงผิงราวกับหนึ่งปี รู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันนั้นชักช้าเหลือเกิน
สัญญาณลับของลูกชาย ทำให้เยี่ยตงผิงเห็นความหวังที่ภรรยาจะกลับมาอยู่ข้างกายตัวเองเร็วขึ้น ลมหายใจของเขากลับกระชั้นขึ้นมาทันใด
“แค่กๆ…”
เยี่ยตงผิงกระแอมไอหนึ่งเสียง พยายามข่มกลั้นลมหายใจของตัวเอง แล้วสงบจิตสงบใจ หลังจากความขุ่นเคืองบนใบหน้ามลายหายไปจนหมดก็มองยังซ่งเฮ่าเทียน กล่าวว่า “คุณซ่ง ในเมื่อคุณยินยอมขจัดความบาดหมางกับตระกูลเยี่ย ผมก็มีเงื่อนไขหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณจะรับพิจารณาได้หรือไม่!”
“เงื่อนไขอีกแล้วเรอะ?!”
ซ่งเฮ่าเทียนเกือบจะลุกขึ้นมาตบโต๊ะ สองพ่อลูกคู่นี้เป็นบ้ากันมาจากไหน? เมื่อครู่ลูกชายเรียกร้องไปสามข้อ พอกลายเป็นตาแก่นี่ กลับต้องการอีกเงื่อนไข คิดจะขูดรีดจากเขาไม่หยุดหย่อนหรือไง?
เยี่ยเทียนเห็นซ่งเฮ่าเทียนชักจะข่มอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่ ก็ร้อนรนพูดขึ้น “เอาน่า คุณซ่ง ไม่ลองฟังดูก่อนล่ะครับ ถึงอย่างไรก็มาถึงตระกูลเยี่ยของเราแล้ว…”
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้ซ่งเฮ่าเทียนสงบลง ในเมื่อยอมรับข้อเรียกร้องสามข้อจากเยี่ยเทียนแล้ว จึงขาดเพียงข้อเดียวของเยี่ยตงผิง ซ่งเฮ่าเทียนจึงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเหลืออด “ได้ ถือว่าฉันติดค้างพวกนายสองพ่อลูก มีเงื่อนไขอะไรก็พูดออกมา!”
“คุณซ่ง สาเหตุที่ผมกับภรรยาต้องแยกจากกันเมื่อในอดีต ก็ด้วยความบาดหมางระหว่างตระกูลเยี่ยและซ่งสองตระกูล ในเมื่อคุณยินยอมชำระล้างความบาดหมางส่วนนี้แล้ว ถ้า…ถ้างั้นให้ภรรยาของผมกลับมาประเทศได้ไหม?!”
ตอนที่พูดถึงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของเยี่ยตงผิงถึงกับสั่นเครือเล็กน้อย เมื่อมีความหวังจะพบภรรยาที่พรากจาก เขาก็ไม่อยากจะรออีกหนึ่งปี
“ที่แท้ข้อเรียกร้องของนายคือเรื่องนี้เอง?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยตงผิงแล้ว อารมณ์ของซ่งเฮ่าเทียนก็ผ่อนคลายลง เขาสามารถสัมผัสถึงความปรารถนาต่อลูกสาวซึ่งมาจากใจจริงของลูกเขยที่ไม่เคยเจอหน้ากันคนนี้มาก่อน
“บางทีในอดีตฉันไม่ควรพรากพวกเธอสองคนจากกันเลย”
สีหน้าของซ่งเฮ่าเทียนเหม่อลอยไปชั่วขณะ ถ้าหากไม่ใช่เพราะความคิดที่ผิดพลาดของตัวเอง บางทีตอนนี้เยี่ยเทียนอาจจะเรียกเขาว่าคุณตาอย่างสนิทสนมสักหนึ่งเสียงแล้วก็เป็นได้?
เห็นซ่งเฮ่าเทียนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เยี่ยตงผิงก็อดไม่อยู่ เร่งเร้าพูดขึ้น “ได้หรือไม่ได้ คุณก็พูดออกมาสิ?”
“เรื่องนี้ในอดีตฉันมีส่วนที่ผิดเอง ฉันเรียกเวยเวยกลับมาก็ได้…”
พอซ่งเฮ่าเทียนพูดถึงตรงนี้ก็หันหน้ากลับมา มองยังเยี่ยเทียนแล้วว่า “แต่…เรื่องตีพิมพ์ลงบนสื่อฮ่องกง ก็ช่างมันแล้วกัน?”
เมื่อทนความอัดอั้นมาตลอดทั้งคืน ซ่งเฮ่าเทียนจึงจับจุดอ่อนของเยี่ยตงผิงและลูกชายได้ จึงไม่อาจอดกลั้นที่จะรุกฆาตเยี่ยเทียน!
…………