“อาอี้”
เมื่อได้เห็นกระดูกสีขาวนั้น กงเสียวเสี่ยวก็ยิ่งเก็บความรู้สึกของตัวเองไม่อยู่แล้ว ร้องไห้เตรียมที่จะเข้าไปหาเยี่ยเทียน แต่กลับถูกอาติงที่อยู่ข้างๆ ดึงไว้
“คุณนายกง รอให้นายน้อย นำกระดูกของคุณฝูเก็บขึ้นมาให้เรียบร้อยก่อน”
คำพูดของอาติงเหมือนกับใช้วิธีแก้ไขโดยทั่วไป โดยให้กงเสียวเสี่ยวยื่นอยู่นิ่งๆ มือทั้งสองสั่นระริก ตอนที่เข้าไปรับกระดูกนั้น และยังมีดินเปื้อนอยู่ติดอยู่บนหน้าของตัวเอง
มองเห็นกงเสี่ยวเสี่ยวที่ท่าทางเสียใจ เยี่ยเทียนพูดปลอบใจว่า “คุณนายกง เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ รอให้กลับถึงฮ่องกงแล้ว คุณค่อยอาจารย์มาทำพิธีให้กับคุณอี้เถอะ”
“ขอบคุณ ขอบคุณปรมาจารย์เยี่ย” กงเสี่ยวเสี่ยวสะอื้นไห้ตอบกลับไป วางกระดูกที่อยู่ในมือลงในโลงศพเบาๆ
“ใต้พื้นนี้ก็ยังมีกระดูกฝังอยู่เหรอ”
“สวรรค์ ไม่มีสุสานไม่มีเครื่องหมายเขาหามันเจอได้อย่างไร”
“พูดให้น้อยหน่อย เมื่อกี้ก็ทำให้ปรมาจารย์เยี่ยไม่พอใจแล้ว เร็วๆ ไปช่วยสิ”
เยี่ยเทียนเอาซากกระดูกที่อยู่ข้างล่างออกมา ทำให้พวกบอดี้การ์ดเหล่านั้นต่างตกตะลึงจนตาค้าง ภายในใจก็ไม่กล้าสงสัยในตัวเยี่ยเทียนอีกต่อไป
“ฉันนึกออกแล้ว ที่นี้เคยมีคนถูกฝังอยู่ ตอนนั้นฉันอาจแค่อายุประมาณยี่สิบปี สวรรค์ คุณผู้ชายท่านนี้เป็นเทวดาแล้ว”
ชายวัยกลางคนที่นำทางก็นึกขึ้นมาได้ มองไปที่เยี่ยเทียน แววตากลับเต็มไปด้วยเคารพและศรัทธาความพยายามในการตามหาคนในครั้งนี้ของเยี่ยเทียน ถือว่าเป็นเพียงปาฏิหาริย์
ชี้จุดหาคน ถ้าในวิชาฮวงจุ้ยถือว่าเป็นเรื่องยาก ผู้ที่มีทักษะดังกล่าวจะต้องเป็นพวกปรมาจารย์ชั้นสูง ในโลกปัจจุบัน คนที่สามารถอนุมานได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เกรงว่าจะมีเพียงแต่เยี่ยเทียนคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่ายังมีข้อยกเว้นอยู่ เหมือนกัน ปรมาจารย์หลัวท่านหนึ่งของหงเหมินอเมริกาเหนือ ก็สามารถทำได้เหมือนกัน เขาเคยช่วยนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกาค้นหาซากกระดูกของปู่ทวดของเขา ดังนั้นจึงมีชื่อเสียง ในอเมริกาเหนือ
เมื่อเทียบกับฝืมือของเยี่ยเทียนแล้วนั้น มีบางอย่างปรมาจารย์หลัวไม่สามารถวางเดิมพันได้แล้ว ที่เขาใช้วิธีการคือ เจียงเซียงไผ่(การหลอกลวงของสำนักเจียงเซียง) หลายปีก่อนเขารู้ว่าชาวจีนโพ้นทะเลมีบรรพบุรษเป็นคนงานรถไฟของอเมริกา เสียชีวิตในปี 1867 ในทางรถไฟของเทือกเขาเซียร่าเนวาดา
หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ ปรมาจารย์หลัวทำการวางแผนลับ เขาใช้เทคนิคสับเปลี่ยนคานกับเสา ไปขโมยศพคุณปู่ของนักธุรกิจที่ร่ำรวยคนนั้น ไปฝังไว้ในเทือกเขาเซียร่าเนวาดา
หลังจากนั้นปรมาจารย์หลัวค่อยออกโรงด้วยตัวเอง พานักธุรกิจที่ร่ำรวยคนนั้นไปหาแหล่งของซากกระดูกจนเจอ หลังจากที่ขุดซากกระดูกออกมา ผ่านกระบวนการทดสอบดีเอ็นเอแล้ว แน่นอนย่อมยืนยันว่าคือบรรพบุรุษของนักธุรกิจที่ ร่ำรวยคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย การตามหาคนในครั้งนี้ มันก็ทำให้ปรมาจารย์หลัว มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในชุมชนชาวจีนในอเมริกาเหนือ
แน่นอนว่า สำหรับพวกบอดี้การ์ดและพนักงาน พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเจียงเซียงไผ่พวกนี้ใช้วิธีการสกปรกนั้น เห็นว่าเยี่ยเทียนสามารถหากระดูกได้จริง ภายในก็มีแต่ความเคารพยำเกรงเยี่ยเทียน
“ระวังหน่อย อย่าให้กระดูกหล่นหาย”
บอดี้การ์ดสองคนเข้าไปในหลุมศพ เยี่ยเทียนก็ปีนขึ้นมา ในหลุมพื้นที่ไม่กว้างมาก แค่สองคนก็เต็มแล้ว อีกทั้งกงเสียวเสี่ยวที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ค่อยให้ความช่วยเหลือ พวกเขาน่าจะไม่กล้าใช้แรงกลัวกระทบโดนกระดูก
ฝนที่ตกหนักถึงจะเป็นข้อเสียแต่ก็ยังมีข้อดีอยู่เหมือนกัน น้ำฝนที่กำลังชะล้าง พวกดินก็ค่อยๆ ไหลผ่านไป ซากกระดูกของฝูอี้ก็ปรากฏออกมา ความเร็วในการจัดให้เป็นระเบียบก็เพิ่มขึ้น
ไต้หวันฝนมาก เกาสงคือที่ที่มีพายุไต้ฝุ่นที่ร้ายแรงมาก แค่ระยะเวลาแปดปี ซากกระดูกของฝูอี้ เนื้อหนังเน่าเสียตั้งนานแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็เปื้อนไปด้วยดินเหนียว หาไม่เจอแม้แต่ร่องรอย
“เฮ้ ทำไมถึงมีแท่งเหล็ก”
บอดี้การ์ดที่กำลังใช้มือแคะดินเหนียวอยู่ ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมา ในฝ่ามือของเขา มีแผ่นเหล็กเป็นสนิม
เอามาให้ฉันดูหน่อยสิ เยี่ยเทียนยื่นมือออกไปรับแผ่นเหล็กเป็นสนิม ใช้นิ้วโป้งถูไปที่แผ่นเหล็ก หลังจากนั้นพวกคราบสนิมก็ค่อยๆ หายไป
มองดูสัญลักษณ์วงกลมของแผ่นเหล็กนี้ เยี่ยเทียลังเลใจแล้วพูดว่า “นี้เป็นสัญลักษณ์ที่มาจากจินลี้ละมั้ง”
ในปีเก้าศูนย์ แบรนด์ที่ดีที่สุดของเสื้อผ้าหรือเข็มขัดหนัง ไม่ต้องสงสัยที่ไหนก็คือมาจากจินลี้ของของฮ่องกง ผู้ก่อตั้งที่มีวิสัยทัศน์สูงใช้ประโยค จินลี้ไหล บิดาแห่งวงการโฆษณา ภาษาโฆษณา เป็นที่นิยมไปทั่วประเทศจีน
“ใช่ เขา เขาต้องเป็นอาอี้แน่นอน” กงเสียวเสี่ยวแย่งแผ่นเหล็กที่อยู่ตรงมือเยี่ยเทียนมา ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหล
กงเสียวเสี่ยวรู้ว่า สามีของเธอกับท่านเฉิงคือเพื่อนรักกัน เข็มขัดก็แทบจะใช้ของจินลี้ไหลตลอด และมักจะชอบในการสนับสนุนสินค้าฮ่องกง พอได้เห็นหัวเข็มขัดนี้ ทำให้ความกังวลของกงเสียวเสี่ยวหายไป
เมื่อเห็นท่าทางของกงเสี่ยวเสี่ยวที่เศร้าโศกเสียใจ เยี่ยเทียนเงยหน้ามองดูท้องฟ้า พูดว่า “พอแล้ว คุณนายกง ฟ้าใกล้มืดแล้ว รีบเก็บซากกระดูกของคุณฝูไว้ให้ดีๆ ”
ฝนเริ่มซา แต่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด นอกจากนี้ยังเป็นเนินเขา เวลาเดินลงเขาก็ค่อนข้างที่จะอันตราย เยี่ยเทียนอยากรีบกลับไปให้ถึงโรงแรม
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน กงเสียวเสี่ยวก็หยุดร้อง พวกบอดี้การ์ดก็เร่งมือ ค่อยๆ เก็บซากกระดูก ขึ้นมาทำความสะอาดที่ละชิ้นๆ
“หืม?”
ในตอนที่กำลังทำความสะอาดเป็นขั้นตอนสุดท้าย เยี่ยเทียนรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง หันกลับไปมองเห็นแต่ท้องฟ้าสีเทาสว่างเต็มไปด้วยสีเลือด
ทุกคนมีจุดแข็งและจุดอ่อนในเลือดลม จิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ คนที่มีร่างกายแข็งแรงที่สุด เลือดลมก็คือชีวิตเปี่ยมไปด้วยพลัง เหมือนกับฉู่ป้างหวังเซี่ยงอวี่ ตามที่เล่าขานกันมาก็คือเลือดเหนือศีรษะเหมือนลำแสง สามารถมุ่งตรงสู่ท้องฟ้า
แน่นอนว่า คนทั่วไปก็ดูไม่ออก มีเพียงแต่เยี่ยเทียนที่เข้าใจแนวคิดต่อสรรพสิ่งทัศนียภาพในการมองของแววตาศิลปิน ถึงสามารถดูเลือดลมในร่างกายคนออก
การควบคุมเลือดลมแม้ว่าไม่ได้มีการกล่าวเกินจริง แต่มันก็อยู่ห่างจากพื้นดินสิบฟุต ปรากฏชัดเจนอยู่ตรงหน้า ของเยี่ยเทียน และอีกทั้งเลือดลมการทำงานของมันรวดเร็วและอันตราย แต่ก็เป็นเรื่องที่เยี่ยเทียนเคยพบเจอมาก่อน
“นี่ นี่มันเกี่ยวกับฉันหรือเปล่า”
เยี่ยเทียนเริ่มเข้าใจในที่สุดเหตุที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จริงๆ แล้วมีใครบางคนกำลังสะกดรอย ตามเขามาที่ไต้หวันอยู่ และคาดไม่ถึงว่าจะสามารถรู้ถึงสถานที่พักในระหว่างเดินทางของเขาได้อย่างแม่นยำ
เมื่อเยี่ยเทียนกวาดสายตาไปทั่วตัวของบอดี้การ์ด ทันใดนั้นก็ละทิ้งความคิดเดิม ของพวกเขาเกี่ยวกับความลับ ที่รั่วไหลออกมา ถึงอย่างไรตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงขึ้นเขา พวกคนเหล่านี้ก็ไม่เคยห่างหายไปจากสายตาของตัวเองเลย
“ฆาตกรที่พยายามจะฆ่า ไม่สนว่าพวกแกจะเป็นใคร หากต้องการชีวิตเยี่ยเทียนของฉัน ก็เอาชีวิตของตัวเองมาแลก”
สายตาของเยี่ยเทียนเกิดอาการงุนงงอยู่นิดหนึ่ง หันหน้ากลับไปหาคนนำทาง ถามว่า “พี่ชายครับ ขอถามหน่อยว่าข้างหลังเขานี้มันคือสถานที่อะไรกันหรอครับ”
รู้สึกถึงกระแสพลังพิฆาตที่กำลังขึ้นเขามา เยี่ยเทียนมองไปที่พวกบอดี้การ์ด พบว่าพวกนี้ไม่ใช่คู่มือของคนที่กำลังขึ้นเขามา ถ้าให้พวกบอดี้การ์ดเหล่านี้อยู่กับเขา ก็จะเป็นอันตราย
เมื่อต้องดูแลพวกคนเหล่านี้ด้วย เยี่ยเทียนก็จะไม่สามารถแสดงฝีมือและวิชาได้เต็มที่ ตัวเองก็อาจจะบาดเจ็บเลยตัดสินใจว่าจะไม่ใช้สถานที่นี้ในการรับมือฝ่ายตรงข้าม
ชายวัยกลางคนที่เป็นคนนำทางเมื่อได้เห็นเยี่ยเทียนใช้วิชาในการตามหาคน ตั้งแต่แรก ก็ให้ความนับถือ เชื่อมั่นในเยี่ยเทียน เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนถาม รีบตอบกลับไปด้วยความเคารพว่า “ปรมาจารย์เยี่ย ข้างหลังคือพระพุทธรูปบนเขาที่มีชื่อเสียงของเกาสง คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในไต้หวัน”
พระพุทธรูปบนเขานั้นคือที่ประกอบพิธีทางศาสนาของพระอาจารย์ซิงยุน
เมื่อเยี่ยเทียนได้ยิน กับชื่อนี้เขารู้จักเป็นอย่างดี ก่อนที่นักบวชเต๋าจะเสียชีวิต หลายครั้ง ที่เขามักจะพูด ถึงเณรที่อยู่ในไต้หวันมีความรู้มาก เคยได้สนทนาธรรมกันอยู่ถึงสามวันที่ “จินหลิน” สุดท้ายไม่มีใครชนะ
หลังจากนั้นถังเหวินหย๋วนเพิ่งรู้ว่าเณรน้อยคนนี้เดินทางมาไกลถึงไต้หวัน มาอยู่ที่เขาพระพุทธรูปก่อตั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้น สร้างชื่อเสียงที่โด่งดัง เพียงแค่ความรู้สึกนึกคิดต่างกัน ทั้งสองกลับไม่ได้พบเจอกันอีก
“มีพระโพธิสัตย์อยู่ที่นั่น ฉันจะช่วยพวกแกบรรลุธรรมเอง” เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงกระแสพลังพิฆาตที่หยุดชะงัก ใบหน้าก็หัวเราะออกมา กวักมือเรียกอาติง
“นายน้อย มีอะไรหรือ” อาติงเมื่อได้เห็นใบหน้าของเยี่ยเทียนที่แสดงอารมณ์ออกมา ก็รู้สึกแปลกๆ
“มีคนทำข่าวรั่วไหลออกมาว่าฉันมาไต้หวัน อาติง ฉันจะยื้อเวลาพวกเขาไว้ หลังจากนั้นกลับไป แกกก็ช่วยดูให้หน่อยว่าใครเป็นคนทำ”
อยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ เยี่ยเทียนเชื่อถือเพียงแค่กงเสียวเสี่ยวกับอาติง แม้ว่ากงเสียวเสี่ยวจะเป็นผู้หญิง เรื่องแบบนี้ต้องไม่ให้อาติงช่วย
“อะไรนะ? ใครมันกล้าทำขนาดนี้ กล้ามาทำเรื่องแบบนี้กับนายน้อย หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน อาติงไม่ได้ระวังก็ส่งเสียงดังออกมา
“เฮ้ เบาๆ หน่อย ฉันจะรู้ได้ว่าเป็นใครก็ต่อเมื่อแกช่วยฉันหา”
เยี่ยเทียนพูดจบภายในใจก็เต้น เพราะเขารู้ว่าพวกคนเหล่านั้นพักอยู่ที่ไหน ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ ที่จอดรถ อดไม่ได้พูดออกไปว่า “ถ้าเธอกลับไปแล้วช่วยสังเกตดูให้หน่อยคนขับรถบัสคนนั้น ฉันสงสัยว่าเป็นเขา”
อาติงพยักหน้า พูดว่า “ตกลงครับนายน้อย คุณคนเดียวผมว่ามันอาจอันตรายเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นก็ ผมจะไปกับคุณด้วย ถึงแม้ว่าจะถูกฆ่าตาย ก็ไม่ยอมเป็นตัวถ่วง”
“พอแล้ว แกมีใจกล้าหาญขนาดนี้ก็พอแล้ว ถ้าฉันตายไป จะไม่ลืมแกเลย”
เยี่ยเทียนโบกมือ เขาก็ดูออกว่า ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่อยากให้กงเสียวเสี่ยวได้รับบาดเจ็บ มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกล้อมรอบแล้ว
“วางใจเถอะ นายน้อย ผมจะช่วยสืบหาให้ชัดเจน” เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน อาติงก็รีบพยักหน้า เขาเคยเห็นฝีมือของเยี่ยเทียนแล้วแต่ก็ยังไม่ไว้ใจ กลัวว่าเยี่ยเทียนจะได้รับอันตราย
หลังจากที่สั่งอาติงแล้ว เยี่ยเทียนเดินไปหากงเสียวเสี่ยว พูดว่า “คุณนายกง เมื่อกี้ผมนึกได้ว่า มีเพื่อนเก่าอยู่ที่เขาพระพุทธรูป ผมจะขอตัวไปแวะชมสักครู่ พวกคุณก็มารับช่วงต่องานนี้ให้เสร็จนะ”
กงเสียวเสี่ยวรู้สึกงงกับคำพูดกะทันหันของเยี่ยเทียน ลังเลใจแล้วพูดออกไปว่า “ปรมาจารย์เยี่ย ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว เพื่อนเก่าของท่านจะรอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนไม่ได้เลยหรอ”
เยี่ยเทียนหัวเราะออกมา “เกรงว่าจะมีคนรอไม่ถึงพรุ่งนี้”
……